การส่งดาวเทียม และยานอวกาศจากพื้นโลกขึ้นสู่อวกาศ ต้องสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก ดาวเทียมต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงพอเหมาะ จึงจะสู้กับแรงโน้มถ่วงได้ โดยต้องอาศัยจรวดที่มีแรงขับดันและความเร็วสูง ความเร็วของจรวดต้องมากกว่า 7.91 กิโลเมตรต่อวินาที ดาวเทียมจึงจะสามารถขึ้นไปโคจรรอบโลกในระดับต่ำที่สุด แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านี้ดาวเทียมจะขึ้นไปสู่อวกาศ และโคจรอยู่ในระดับที่สูงขึ้น และถ้าให้ความเร็วของจรวดมีมากกว่า 11.2 กิโลเมตรต่อวินาที ดาวเทียมจะหลุดออกจากวงโคจรของโลก (ความเร็วนี้ เราเรียกว่า ความเร็วหลุดพ้น) โดยจรวดในปัจจุบันมี 2 ประเภทได้แก่ จรวดเชื้อเพลิงแข็ง และจรวดเชื้อเพลิงเหลว
จรวด เป็นเทคโนโลยีอวกาศที่ได้รับการพัฒนามาอย่างยาวนาน จนสามารถส่งยานอะพอลโล 11 (Apollo 11) ไปลงดวงจันทร์ได้เป็นครั้งแรกของโลก ยานอวกาศอะพอลโล 11 ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ยานบังคับการ ยานบริการ และยานลงดวงจันทร์ ซึ่งมนุษย์อวกาศชุดแรกที่ลงดวงจันทร์กับยานอะพอลโล 11 คือ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) และ บัซซ์ อัลดริน (Buzz Aldrin)
ประเภทของจรวดแบ่งตามชนิดของเชื้อเพลิงมี 2 ประเภทคือ
- จรวดเชื้อเพลิงแข็ง มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน มีการเผาไหม้ของแท่งเชื้อเพลิงจนหมด จรวดประเภทนี้ไม่สามารถหยุดหรือควบคุมได้ เมื่อใช้เชื้อเพลิงแข็งหมด ก็จะสลัดถังเชื้อเพลิงแข็งทิ้งลงทะเล
- จรวดเชื้อเพลิงเหลว มีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่า เพราะต้องมีถังเก็บเชื้อเพลิงเหลว และออกซิเจนเหลวที่ใช้ในการสันดาป สามารถควบคุมได้โดยการควบคุมลูกสูบ และลิ้นเปิดปิดในการผสมเชื้อเพลิง
ดาวเทียมที่สามารถโคจรอยู่ในวงโคจรรอบโลกได้ จะต้องมีความเร็วเฉพาะที่เหมาะสมกับระดับความสูงจากผิวโลก โดยดาวเทียมที่โคจรอยู่ใกล้ผิวโลก จะโคจรด้วยความเร็วที่มากกว่าดาวเทียมที่อยู่สูงขึ้นไป

วงโคจรของดาวเทียม แบ่งตามระดับความสูงจากพื้นโลกเป็น 3 ระดับดังนี้
1. วงโคจรระดับต่ำ อยู่สูงจากผิวโลกประมาณ 1,000 กิโลเมตร
2. วงโคจรระดับกลาง อยู่สูงจากผิวโลกประมาณระหว่าง 1,000-35,000 กิโลเมตร
3. วงโคจรค้างฟ้า อยู่สูงจากผิวโลกประมาณ 35,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระดับที่ดาวเทียมโคจรรอบโลกไปทางเดียว มีความเร็วเท่ากับอัตราการหมุนรอบตัวเองของโลก สามารถส่งสัญญาณได้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด
เรียบเรียงโดย : ปิตุพร พิมพาเพชร