บทเรียนออนไลน์ วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง การปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดี
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 26.8K views



ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้

 

 

๑. หน้าที่ชาวพุทธ   

มีหลักคือ การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมและประเพณีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การปฏิบัติธรรมและประเพณีพิธีกรรมทางศาสนา การเผยแผ่และการปกป้องพระพุทธศาสนา

การเป็นลูกที่ดีตามหลักทิศเบื้องหน้าในทิศ ๖

– ทิศเบื้องหน้า (ปุรัตถิมทิศ) ได้แก่ พ่อแม่

– ทิศเบื้องขวา (ทักขิณทิศ) ได้แก่ ครูอาจารย์

– ทิศเบื้องหลัง (ปัจฉิมทิศ) ได้แก่ สามีภรรยา

– ทิศเบื้องซ้าย (อุตตรทิศ) ได้แก่ มิตรสหาย

– ทิศเบื้องล่าง (เหฏฐิมทิศ) ได้แก่ คนรับใช้หรือผู้ใต้บังคับบัญชา

– ทิศเบื้องบน (อุปริมทิศ) ได้แก่ พระสงฆ์ 

 

การเป็นลูกที่ดี

 

๒. มารยาทชาวพุทธ

มารยาทชาวพุทธ หมายถึง กิริยาวาจาที่สุภาพเรียบร้อยที่ชาวพุทธควรปฏิบัติ ในชั้นนี้เราควรปฏิบัติในเรื่อง

การต้อนรับตามหลักการปฏิสันถาร ๒  

– การต้อนรับด้วยวัตถุสิ่งของ (อามิสปฏิสันถาร)

– การต้อนรับด้วยธรรม (ธรรมปฏิสันถาร)

มารยาทของผู้เป็นแขก

– ไม่สร้างความลำบาก

– ไม่ควรอยู่นานหลายวัน

– ไม่ควรไปเพิ่มภาระ

– เกรงใจและขอบคุณที่ให้บางสิ่งบางอย่างตอบแทน

– ควรให้ของขวัญที่เหมาะสม

– ควรลากลับและเมื่อกล่าวคำอำลาควรกล่าวขอบคุณ

การปฏิบัติตนต่อพระสงฆ์

– การลุกขึ้นยืนรับพระสงฆ์

– การให้ที่นั่งแด่พระสงฆ์ 

 

การปฏิบัติตนเมื่อพระสงฆ์เดินสวน

 

การสนทนากับพระ 

 

มารยาทในการแต่งกาย

– การแต่งกายไปวัด

– การแต่งกายไปงานมงคล

– การแต่งกายไปร่วมงานอวมงคล 

 

มารยาทในการแต่งกาย

 

๓. ศาสนพิธี

การทำบุญตักบาตร ปฏิบัติดังนี้

– ขณะรอตักบาตร ทำจิตให้ตั้งมั่น

– ก่อนตักบาตร กล่าวคำอธิษฐาน

– ขณะตักบาตรควรถอดรองเท้าออก

– ตักข้าวให้เต็มทัพพี อย่าให้เมล็ดข้าวหล่น

– เคารพนอบน้อม

– อย่าชวนพระสงฆ์สนทนา

– ถวายดอกไม้ธูปเทียน

– ตักบาตรเสร็จแล้ว ให้ยืนตรง น้อมตัวลงไหว้พระสงฆ์ พร้อมกับอธิษฐาน

– ไม่ควรถวายเงินหรือปัจจัย

– ไม่ฆ่าสัตว์เจาะจงเพื่อนำมาทำอาหารถวาย

– กรวดน้ำ

 

การแต่งกายไปวัดที่เหมาะสม

 

การถวายภัตตาหาร อาหารที่ต้องห้ามสำหรับพระสงฆ์ในพระธรรมวินัยระบุไว้ดังนี้

– อาหารที่ปรุงด้วยเนื้อ ๑๐ ชนิด ได้แก่ เนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้องู เนื้อราชสีห์ (สิงโต) เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อหมี เนื้อเสือดาว

– เนื้อดิบที่ยังไม่ได้ปรุงสุข

– เนื้อสัตว์ที่ฆ่าเจาะจง

– ถ้าเป็นผลไม้มีเมล็ดทำให้เป็นของที่สมควรแก่สมณะ

– อาหารที่มีสุราหรือเหล้าผสม

 

การถวายสังฆทาน

 

วิธีถวายภัตตาหาร มีวิธีปฏิบัติดังนี้

– นิมนต์พระสงฆ์

– ถ้าถวายที่บ้าน เตรียมที่ตั้งโต๊ะหมู่บูชาและพระพุทธรูป

– เตรียมภัตตาหารใส่ภาชนะ

– นำภัตตาหารที่จัดเตรียมไว้มาตั้งตรงหน้าพระสงฆ์

– จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

– กล่าวคำถวายร่วมกัน

– เมื่อกล่าวคำถวายจบแล้ว ช่วยกันประเคนภัตตาหารและสิ่งของที่เป็นบริวาร

การถวายสังฆทาน  ไม่เจาะจงพระสงฆ์ เครื่องสังฆทานนิยมใช้อาหารที่ปรุงเสร็จ วิธีการปฏิบัติในการถวายสังฆทานปฏิบัติเช่นเดียวกับการถวายภัตตาหาร 

 

สิ่งของที่เป็นบริวารในสังฆทาน

 

การถวายผ้าอาบน้ำฝน ถวายในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ วันอาสาฬหบูชา และแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษา

วิธีปฏิบัติในการถวายผ้าอาบน้ำฝน  มีดังนี้

– กำหนดวัน

– ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย

– เมื่อพระสงฆ์แสดงธรรมเทศนาจบ หัวหน้าอุบาสกอุบาสิกานำกราบพระและกล่าวคำถวาย

– พระสงฆ์จะประนมมือ เมื่อจบคำถวายแล้ว พระสงฆ์รับ สาธุ

– อุบาสกอุบาสิกาประเคนผ้าอาบน้ำฝนและสิ่งของที่เป็นบริวาร

– พระสงฆ์อนุโมทนา กรวดน้ำ รับพร

 

การจัดเครื่องไทยธรรม

– เครื่องนุ่งห่ม

– อาหารบิณฑบาต

– เครื่องอุปกรณ์ที่อยู่อาศัย

– ยารักษาโรค

 

การกรวดน้ำ นิยมทำกันโดยทั่วไปมี ๒ กรณี คือ

– กรวดน้ำโดยใช้น้ำหลั่งลงในภาชนะที่รองรับ

– กรวดน้ำโดยไม่ต้องใช้น้ำ 

วิธีการปฏิบัติในการกรวดน้ำ

– เมื่อประธานสงฆ์เริ่มสวด

– ขณะรินน้ำ ต้องตั้งใจอุทิศส่วนบุญกุศล

– เมื่อพระสงฆ์สวด ให้เทน้ำที่เหลือลงในภาชนะให้หมด แล้วตั้งใจรับพร

 

การทอดกฐิน เริ่มทอดหลังจากวันออกพรรษาไปแล้ว ๑ เดือน แบ่งเป็น ๒ ประเภทตามระยะเวลาในการจัดเตรียม คือ

– มหากฐิน คือ กฐินที่มีเวลาเตรียมตัวหลายวัน

– จุลกฐิน คือ กฐินเร่งด่วน ในสมัยพุทธกาล

กฐินนิยมเรียกชื่อกฐินตามสถานะของผู้ทอดและประเภทวัดที่จะไปทอด ดังนี้

– กฐินหลวง หมายถึง กฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือพระบรมวงศานุวงศ์โปรดเกล้าฯ นำไปทอดถวาย

– กฐินพระราชทาน หมายถึง กฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการ หน่วยงานเอกชน องค์กร หรือบุคคลต่าง ๆ นำไปทอด

– กฐินต้น หมายถึง กฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดเป็นการส่วนพระองค์

– กฐินสามัคคี หมายถึง กฐินที่หน่วยงาน กลุ่มบุคคลหรือบุคคลต่าง ๆ นำไปทอดถวายที่วัดราษฎร์ 

วิธีปฏิบัติในการทอดกฐิน มีดังนี้

การเตรียมการ

– จองกฐิน

– ตระเตรียมผ้ากฐินและบริวารกฐิน 

การนำกฐินไปทอดที่วัด ทำได้ ๒ แบบคือ

– นำผ้ากฐินและบริวารกฐินไปตั้งไว้ ณ วัดที่จะทอด

– ก่อนที่จะนำกฐินไปทอดที่วัด จะมีพิธีฉลองกฐิน

การถวายกฐิน 

– นำเครื่องบริวารกฐินไปจัดตั้งไว้ก่อนถึงเวลา

– เมื่อถึงเวลา พระสงฆ์ที่จะรับกฐินจะลงประชุมพร้อมกันในโบสถ์

– นำผ้ากฐินวางไว้บนพานหน้าพระสงฆ์คณะที่ตามมาเข้านั่งที่

– ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และกราบ

– ประธานผู้ถวายผ้ากฐินและผู้ร่วมพิธีประเคนบริวารกฐิน

– ประธานสงฆ์เริ่มสวดนำด้วยคาถาอนุโมทนา ประธานผู้ถวายกฐินกรวดน้ำ

 

องค์กบินและบริวารกฐิน

 

พระสงฆ์กำลังขักผ้าบังสุกุล

 

๔. ศาสนพิธีและพิธีกรรมของศาสนาอื่น ๆ

ศาสนาอิสลาม  มีหลักปฏิบัติ ๕ ประการ ได้แก่

– การปฏิญาณตน เป็นการยืนยันศรัทธาที่มีต่ออัลลอฮ์

– การละหมาด เป็นการขอพรจากพระอัลลอฮ์  

– การจ่ายซะกาต เป็นการจ่ายทรัพย์สินให้แก่ผู้มีสิทธิ

– การถือศีลอด เป็นหลักพื้นฐานที่มุสลิมทุกคนที่บรรลุนิติภาวะต้องปฏิบัติ

– การบำเพ็ญฮัจญ์ เป็นการปฏิบัติศาสนกิจ ณ อัลกะอ์บะฮ์

 

การละหมาดของมุสลิม

 

คริสต์ศาสนา  คริสต์ศาสนามีนิกายที่สำคัญ ได้แก่ นิกายโรมันคาทอลิก นิกายโปรเตสแตนต์และนิกายออร์ทอดอกซ์

พิธีและพิธีกรรมที่สำคัญของนิกายโรมันคาทอลิก ได้แก่

– ศีลล้างบาป เป็นพิธีกรรมชำระบาป

– ศีลกำลัง เป็นพิธีกรรมเพื่อให้เกิดพลังในจิตใจ

– ศีลอภัยบาป พระเยซูคริสต์กำหนดขึ้นเพื่อแสดงน้ำพระทัยของพระเจ้า

– ศีลมหาสนิท เป็นพิธีระลึกถึงการรับประทานอาหารครั้งสุดท้ายของพระเยซูกับอัครสาวก ๑๒ คน

– ศีลสมรส เป็นพิธีรับรู้คำมั่นสัญญาระหว่างชายหญิงว่าจะดำเนินชีวิตเป็นสามีภรรยาด้วยความซื่อสัตย์

– ศีลอนุกรมหรือศีลบวช เป็นพิธีแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้มีตำแหน่งหน้าที่เฉพาะในคริสตจักร

– ศีลเจิมคนไข้ เพื่อลดโทษบาปและเพิ่มพระหรรษาทาน

ศาสนพิธีและพิธีกรรมที่สำคัญของนิกายโปรเตสแตนต์ กำหนดพิธีศักดิ์สิทธิ์ไว้ ๒ ประการ คือ

– พิธีบัปติสมา (คาทอลิกเรียกว่า ศีลล้างบาป)

– พิธีมหาสนิทหรือพิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์  (คาทอลิกเรียกว่า ศีลมหาสนิท)

 

การทำพิธีมงคลสมรสของคริสต์ศาสนิกชน

 

ศาสนาพราหมณ์–ฮินดู 

– พิธีบูชาเทพเจ้า เป็นพิธีบูชาเทพเจ้าตามความนับถือ

– พิธีสัมสการ เป็นพิธีที่ทำตามขั้นตอนของชีวิต

– พิธีศราทธ์ พิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษและวิญญาณผู้ตายด้วยข้าวบิณฑะ

 

การบูชาเทพเจ้าของศาสนาฮินดู

 

๕. วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

เป็นวันที่ชาวพุทธร่วมกันประกอบพิธีกรรมเพื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ในไทยมี ๔ วันคือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา และวันอาสาฬหบูชา

หลักธรรมเบื้องต้นที่เกี่ยวเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

วันมาฆบูชา

– เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3

– พระสงฆ์สาวก 1,250 องค์ประชุมโดยมิได้นัดหมาย

– พระสงฆ์ที่ประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์

– พระสงฆ์ที่ประชุมได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้า

 

วันมาฆบูชา

 

หลักธรรมเบื้องต้นที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โอวาทปาฏิโมกข์ เรียกว่า โอวาท ๓ คือ

– การไม่ทำบาปทั้งปวง

– การทำกุศลให้ถึงพร้อม

– การทำจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส

 

วันวิสาขบูชา  เป็นวันคล้ายวันประสูติ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี วันตรัสรู้ ก่อนพุทธศักราช 45 ปี แล้ววันปรินิพพาน ก่อนพุทธศักราช 1 ปี ซึ่งเหตุการณ์ทั้งสามเกิดวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จึงเรียกว่า วันพระพุทธเจ้า

 

วันวิสาขบูชา

 

หลักธรรมเบื้องต้นที่เกี่ยวเนื่อง อริยสัจ ๔ ได้แก่

– ทุกข์ หมายถึง ความรู้สึกไม่สบาย

– สมุทัย หมายถึง ต้นเหตุที่เกิดความทุกข์

– นิโรธ หมายถึง สภาวะที่ทุกข์หมดสิ้นไป

– มรรค หมายถึง ข้อปฏิบัติในการดับทุกข์

         

วันอัฏฐมีบูชา  เป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงสรีระพระพุทธเจ้า

หลักธรรมเบื้องต้นที่เกี่ยวเนื่อง เบญจศีลและเบญจธรรม

– เบญจศีลหรือศีล ๕ หมายถึง ข้อควรละเว้นควบคุมกายและวาจาให้ตั้งอยู่ในความดีงาม

– เบญจธรรมหรือธรรม ๕ หมายถึง ข้อควรปกิบัติ สนับสนุนการรักษาศีลแต่ละข้อให้สมบูรณ์

         

วันอาสาฬหบูชา

– เป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา

– มีพระสงฆ์องค์แรก

– มีพระรัตนตรัยครบ องค์ 3

         

หลักธรรมเบื้องต้นที่เกี่ยวเนื่อง มรรคมีองค์ ๘

– มรรคมีองค์ ๘ หมายถึง ข้อปฏิบัติ ๘ ประการที่จะนำไปสู่การดับทุกข์ เป็นข้อปฏิบัติสายกลางที่ไม่ตึงและไม่หย่อนเกินไป

ระเบียบพิธีและการปฏิบัติตนในวันธรรมสวนะและเทศกาลสำคัญ

วันธรรมสวนะ เรียกว่า วันพระ หรือ วันอุโบสถ 

– ประมาณ ๙.๐๐ น. ในตอนเช้า เริ่มทำวัตรสวดมนต์เช้า

– พระสงฆ์ผู้แสดงธรรมขึ้นธรรมาสน์

– เสร็จจากการสมาทานศีลแล้ว กล่าวคำอาราธนาธรรม

– ขณะแสดงธรรมควรประนมมือรับฟังด้วยความตั้งใจ

– หัวหน้าอุบาสกอุบาสิกานำกล่าวว่า สาธุ

 

วันพระ

 

วันเข้าพรรษา เป็นวันที่พระสงฆ์ประจำที่ใดที่หนึ่ง 3 เดือน ก่อนเข้าพรรษา ๑–๒ วัน ชาวพุทธจะจัดพิธีถวายผ้าอาบน้ำฝนและถวายเทียนพรรษา มีการหล่อเทียนพรรษา นิยมให้บุตรหลานบวชเรียนหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ๓ เดือน วันออกพรรษา พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบ 3 เดือน จะทำพิธีออกพรรษา 

 

วันเทโวโรหนะ เป็นการตักบาตรใหญ่  วิธีการปฏิบัติดังนี้

– เตรียมอาหารในตอนเช้า คือ ข้าวต้มมัดและข้าวต้มลูกโยน

– หลังตักบาตร  อาราธนาศีล สมาทานศีล และรักษาศีล

– ฟังธรรมและทำสมาธิ

– แผ่เมตตา และกรวดน้ำ

 

ประเพณีตักบาตรเทโว

 

ช้าวต้มมัดและข้าวต้มลูกโยน

 

๖. การบริหารจิตและการเจริญปัญญา

พระพุทธศาสนาสอนการควบคุมกาย วาจา และจิตใจพร้อมกัน เพราะเมื่อควบคุมได้แล้วก็สามารถควบคุมจิตใจให้สงบนิ่งได้ การควบคุมกายและวาจาให้สงบเรียบร้อยเรียกว่า ศีล การควบคุมจิตใจให้สงบนิ่งเรียกว่า สมาธิ ความเข้าใจสภาพตามความเป็นจริงเรียกว่า ปัญญา รวมทั้งสามเรียกว่า ไตรสิกขา ทำได้ดังนี้

การสวดมนต์แปลและแผ่เมตตา ทำจิตใจให้สงบ ทำให้ผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้เกิดความศรัทธา

– การสวดมนต์แปล ในพระพุทธศาสนา หมายถึง หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า

– การแผ่เมตตา  ปฏิบัติต่อจากการสวดมนต์ เพื่อส่งความปรารถนาดีไปให้แก่ผู้อื่น

         

วิธีปฏิบัติและประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญาตามหลักสติปัฏฐาน ๔

วิธีปฏิบัติของการบริหารจิตตามหลักสติปัฏฐาน ๔ สติ

สติปัฏฐาน 4 ได้แก่

– การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย  เป็นการตั้งสติกำหนดรู้เท่าทันในเรื่องของกายและอิริยาบถต่าง ๆ

– การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา เป็นการตั้งสติกำหนดรู้ให้ทันสภาพหรืออาการของจิตในขณะนั้น

– การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต  เมื่อจิตคิดเรื่องใด ให้ตั้งสติกำหนดเรื่องนั้น

– การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม เป็นการตั้งสติกำหนดให้รู้ทันสิ่งที่ปรากฏกับจิตที่คิดเป็นกุศล อกุศลหรือที่เป็นกลาง

         

การบริหารจิตตามหลักสติปัฏฐานเน้นอานาปานสติ มีวิธีปฏิบัติดังนี้

– เลือกสถานที่

– กำหนดเวลา

– สมาทานศีล

– บูชาพระรัตนตรัยและสวดมนต์แปล

– แผ่เมตตา

– ตัดความกังวล

– ลงมือปฏิบัติ

         

ประโยชน์ของการบริหารจิตตามหลักสติปัฏฐาน ๔  มีดังนี้

– ประโยชน์ในด้านการดำเนินชีวิต ช่วยให้การศึกษาเล่าเรียนและการทำงานเกิดผลดีและมีประสิทธิภาพ และการมีจิตเป็นสมาธิ

– ประโยชน์ในด้านสุขภาพจิตและการพัฒนาบุคลิกภาพ มีความมั่นคงทางอารมณ์ และมีภูมิคุ้มกันโรคทางจิต

– ด้านประโยชน์ระดับสูงสุด ผู้ที่จะบรรลุถึงประโยชน์ระดับนี้ได้จะต้องมีจิตที่สงบแน่วแน่มาก

 

การตั้งสติกำหนดอิริยาบถยืน

 

การบริหารจิต

 

การปฏิบัติของการเจริญปัญญา แบ่งออกเป็น ๓ ประเภทตามแหล่งเกิด ดังนี้

สุตมยปัญญา คือ ความรอบรู้ที่เกิดจากการฟัง การอ่าน

– ทำสมาธิ

– ฟังเรื่องราวต่าง ๆ

– อ่านหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์

– ดูโทรทัศน์และสื่ออื่น

– จดและจำเรื่องราวที่ได้ฟัง ดู หรืออ่าน

– นำเรื่องราวที่ได้ฟัง ดู หรืออ่านมาจัดระบบ

จินตามยปัญญา มีวิธีฝึกฝนอบรม ดังนี้

– ทำสมาธิ

– แสวงหาข้อมูล

– ใช้วิธีคิดที่ถูกต้องและมีเหตุผล

– ใช้เวลาในการคิดอย่างรอบคอบ

ภาวนามยปัญญา  มีวิธีฝึกฝนอบรม ดังนี้

– ทำสมาธิ

– ดู ฟัง อ่าน และคิดให้มาก

– ลงมือปฏิบัติ

– บันทึกและสรุปข้อความ

ประโยชน์ของการเจริญปัญญา ย่อมได้รับประโยชน์ดังนี้

– ประโยชน์ต่อตนเอง ทำให้การดำเนินชีวิตมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และช่วยให้หลุดพ้น

– ประโยชน์ต่อสังคม สังคมจะเรียบร้อยและอยู่กันอย่างสันติ

 

ประโยฃน์ของการเจริญปัญญา

 

๗. การพัฒนาการเรียนรู้ด้วยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ

มีวิธีคิด ๑๐ วิธี เช่น

– วิธีคิดแบบอุบายปลุกเร้าคุณธรรม เป็นวิธีคิดสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดผลดีหรือประโยชน์

– วิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์ เป็นวิธีการคิดและหลักการตามจุดมุ่งหมาย

 

แหล่งที่มา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th