บทเรียนออนไลน์ วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐศาสตร์
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 70.5K views



ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้

 

 

1. ตลาด
    ความหมายของตลาด ในทางเศรษฐศาสตร์หมายถึง กิจกรรมซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
    ประเภทของตลาด แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ


    

 

ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ มีลักษณะ5 ประการ คือ          

        – ผู้ซื้อและผู้ขายมีจำนวนมาก
        – สินค้ามีลักษณะเหมือนกันมาก  
        – ผู้ผลิตสามารถเลิกล้มกิจการได้โดยง่ายและผู้ผลิตรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้ง่าย
        – สินค้าสามารถโยกย้ายไปยังภูมิภาคได้เต็มที่
        – ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดเป็นที่เปิดเผยทั่วไป
    ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ
        – ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
        – ตลาดผู้ขายน้อยราย
        – ตลาดผูกขาด

 

   
  

 

2. กลไกราคา ประกอบด้วย 

    อุปสงค์
    ความหมายของอุปสงค์ เป็นความต้องการของผู้บริโภค
    กฎของอุปสงค์ คือ ถ้าราคาสินค้าลดลง ปริมาณที่ผู้ซื้อจะซื้อสินค้ามากขึ้น หรือเมื่อราคาสูงขึ้นปริมาณที่ผู้ซื้อจะซื้อสินค้าลดลง ซึ่งปัจจัยสำคัญที่กำหนดความต้องการซื้อของผู้บริโภค มีดังนี้
        – ราคาของสินค้าและบริการ
        – รายได้ของผู้บริโภค
        – รสนิยมของผู้บริโภค
        – ราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้อง
        – ฤดูกาล

 

 

    อุปทาน
    ความหมายของอุปทาน เป็นความสามารถในการผลิตหรือเสนอขายสินค้าและบริการ
    กฎของอุปทาน คือ ถ้าราคาสินค้าสูงขึ้น จำนวนสินค้าที่เสนอขายย่อมมากขึ้น ถ้าราคาสินค้าลดต่ำลง จำนวนสินค้าที่เสนอขายก็จะลดลง ซึ่งตัวกำหนดอื่นที่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วทำให้อุปทานของสินค้าเปลี่ยนแปลง ได้แก่
        – กรรมวิธีในการผลิต
        – ราคาของปัจจัยการผลิต
        – การคาดคะเนของราคาสินค้า
        – ภาษีหรือเงินช่วยเหลือ

 

              


    การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ มีองค์ประกอบดังนี้
        – ราคาดุลยภาพ
        – การเปลี่ยนแปลงของราคาดุลยภาพ
    การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ เกิดจากความต้องการซื้อและการเสนอขายเปลี่ยนแปลง
3. ปัญหาทางเศรษฐกิจ
    ปัจจุบันมีปัญหาทางเศรษฐกิจหลายปัญหา เช่น
    ภาวะเงินเฟ้อ
    ความหมายของภาวะเงินเฟ้อ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจริงที่ระดับราคาสินค้าโดยทั่วไปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
    สาเหตุของการเกิดเงินเฟ้อ
        – การที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
        – การที่ประชาชนมีความต้องการซื้อสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น
    ผลกระทบภาวะเงินเฟ้อได้แก่
        – ค่าครองชีพของประชาชนโดยทั่วไปสูงขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่จะมีงานทำ มีรายได้สูง ไม่เป็นภาระรายรับในรูปภาษีอากรของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้น
        – กระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม
    แนวทางการแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ได้แก่
    การแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ ใช้มาตรการต่าง ๆ ดังนี้
        – นโยบายการเงิน
        – นโยบายการคลัง
    การแก้ไขปัญหาภาวะเงินเฟ้อด้านอุปทาน ได้แก่
        – การลดต้นทุนการผลิต
        – การกระตุ้นการผลิต
    หน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ มี 2 หน่วยงาน คือ
        – กระทรวงพาณิชย์
        – ธนาคารแห่งประเทศไทย
    ภาวะเงินฝืด
    ความหมายของภาวะเงินฝืด เป็นภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ระดับรายได้ประชาชาติหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง
    สาเหตุของภาวะเงินฝืด
        – ธนบัตรในระบบเศรษฐกิจน้อยเกินไป
        – ปริมาณเงินที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจมีน้อย
        – รัฐบาลเก็บภาษีในอัตราสูง
        – สถาบันการเงินชะลอการปล่อยสินเชื่อให้แก่ระบบเศรษฐกิจ
        – ธนาคารกลางดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด
        – รัฐบาลใช้นโยบายงบประมาณแบบเกินดุล
    ผลกระทบของภาวะเงินฝืด มีผลกระทบต่อบุคคลหลายกลุ่ม ดังนี้
    กลุ่มผู้ได้ประโยชน์จากภาวะเงินฝืด ได้แก่
        – กลุ่มผู้มีรายได้ประจำ
        – กลุ่มผู้ที่มีรายได้จากดอกเบี้ย หุ้นกู้ ผู้ถือหุ้น
        – กลุ่มผู้ที่เก็บเงินไว้กับตัวเอง
        – กลุ่มผู้มีรายได้จากค่าเช่า
    กลุ่มผู้เสียประโยชน์จากภาวะเงินฝืด ได้แก่
        – กลุ่มเจ้าของกิจการ
        – กลุ่มพ่อค้านักธุรกิจ
        – กลุ่มลูกหนี้
        – กลุ่มผู้เช่า
        – กลุ่มผู้รับค่าจ้างรายวัน
        – กลุ่มผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน
    แนวทางการแก้ไขปัญหาภาวะเงินฝืด ได้แก่
        – การใช้นโยบายทางการเงิน
        – การใช้นโยบายทางการคลัง
        – มาตรการอื่น ๆ

    การว่างงาน
    ความหมายของการว่างงาน คือ ภาวะที่ผู้อยู่ในกำลังแรงงานไม่มีงาน
    สาเหตุของการว่างงาน มี 4 ประการ คือ
        – การว่างงานตามปกติในตลาดแรงงาน
        – การว่างงานเนื่องจากโครงสร้าง
        – การว่างงานเนื่องจากวัฏจักรเศรษฐกิจ
        – การว่างงานเนื่องจากค่าแรงไม่ยืดหยุ่น

 

 

 

    ผลกระทบของการว่างงาน
        – ทำให้ผลผลิตรวมลดลง
        – ทำให้การบริโภคและการลงทุนลดลง
        – ทำให้การกระจายรายได้เหลื่อมล้ำ
        – ทำให้ฐานะการคลังของรัฐบาลลดลง
        – ทำให้เกิดปัญหาสังคม
        – ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลไม่มั่นคง
    แนวทางการแก้ไขปัญหาการว่างงาน
        – การใช้นโยบายการคลัง
         – การใช้นโยบายการเงิน

 

  แหล่งที่มาของเนื้อหา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th