Classroom : Chem Around You by Che-me-ka ตอน มารู้จักกับรังสีแกมมากันเถอะ
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 6K views



 

น้องๆ คงเคยรู้จักซูเปอร์ฮีโร่ร่างยักษ์สีเขียว “ฮัลค์” (Hulk) สมาชิกคนสำคัญของทีมอเวนเจอร์ (Avengers) ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล เรื่องราวที่มาของฮัลค์ถูกนำไปเล่าผ่านสื่อหลายรูปแบบ ตั้งแต่หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์แอนิเมชัน ทีวีซีรีย์ ความน่าสนใจของฮัลค์ไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณะประหลาดเหนือมนุษย์เพียงเท่านั้น แต่อสูรตัวเขียวมีจุดกำเนิดที่ไม่ธรรมดา ว่ากันว่าเกิดจากรังสีแกมมา ที่เราจะมาทำความรู้จักถึงแหล่งกำเนิด คุณประโยชน์และโทษของอนุภาคชนิดนี้กันครับ

 

ประวัติของเจ้ายักษ์เขียวฮัลค์ถูกสร้างขึ้นโดย สแตน ลี (Stan Lee) และแจ็ค เคอร์บี้ (Jack Kirby) ในนามสำนักพิมพ์มาร์เวลคอมมิค (MarvelComics) ตั้งแต่ปี ค.ศ.1962 เป็นเรื่องราวของ บรูซ แบนเนอร์ (Bruce Banner) นักวิทยาศาสตร์ซึ่งเมื่อได้รับความเจ็บปวด มีความเครียด หรือความโกรธ ก็จะกลายร่างเป็นยักษ์สีเขียวพละกำลังมหาศาลและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ สาเหตุที่เป็นแบบนี้ผู้แต่งอ้างว่าเป็นผลพวงจากการได้รับรังสีแกมมา

 

รังสีแกมมา (γ) ถูกค้นพบระหว่างการศึกษาการสลายตัวของธาตุยูเรเนียมโดย พอล วิลลาร์ด (Paul Villard) นักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1900 หากแต่การเรียกชื่อ “รังสีแกมมา” กลับตั้งขึ้นโดยนักฟิสิกส์อีกคนหนึ่งคือ ลอร์ดเอิร์นเนส รัทเธอร์ฟอร์ด (Ernest Rutherford) รังสีแกมมาจัดเป็นอนุภาคกัมมันตรังสีที่มีความยาวคลื่นต่ำ พลังงานสูง เป็นกลางทางไฟฟ้าและมีอำนาจทะลุทะลวงที่สูงมาก รังสีแกมมาได้จากการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสีหลายชนิด แต่ตัวที่เราน่าจะคุ้นหูมากที่สุดก็คือ โคบอลต์-60 (Co-60)

 

ด้วยความที่เป็นคลื่นรังสีพลังงานสูงและมีอำนาจในการทะลุทะลวงสูง ทำให้รังสีแกมมามีทั้งประโยชน์และโทษมากมาย ด้วยความสามารถในการทำลายดีเอ็นเอของเซลล์ ทำให้การใช้งานจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ตัวอย่างประโยชน์ของรังสีแกมมาที่เราใช้งานกัน ได้แก่ การถนอมอาหารอย่างการฉายรังสีเพื่อฆ่าเชื้อโรค ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคซึ่งมีผลต่อคุณภาพอาหาร รวมถึงการใช้ประโยชน์เชิงการแพทย์ เช่น การใช้รังสีแกมมาเพื่อทำลายเซลล์เนื้อร้ายต่างๆ

 

รังสีแกมมาอาจทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตมากมายหากนำไปใช้ไม่ถูกวิธีและได้รับรังสีในปริมาณสูง โดยบริเวณที่สัมผัสกับรังสีนั้นจะเกิดเป็นแผลไหม้และพุพอง และสามารถเกิดบาดแผลกับอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายได้ ส่งผลให้ขอบเขตการทำลายของรังสีแกมมานั้นค่อนข้างกว้างและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้แม้ว่าปริมาณรังสีจะไม่มากพอในการทำอันตราย แต่ถ้าต้องสัมผัสเป็นเวลานานก็ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งด้วย

 

คงเห็นแล้วนะครับว่ารังสีแกมมาไม่ได้ทำให้เรากลายร่างเป็นยักษ์สีเขียวอารมณ์ดุร้าย ทำลายเมืองให้พังเป็นแถบๆ แต่เป็นรังสีที่มีทั้งประโยชน์และโทษที่ส่งผลต่อชีวิตของเรา นี่คือสิ่งที่แตกต่างระหว่างความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์กับความบันเทิงในภาพยนตร์ ดูหนังอย่างสนุกแล้วอย่าลืมย้อนดูความเป็นจริง น้องๆ อาจจะได้รับความรู้มากกว่าที่คิดก็ได้ครับ

 

 

ที่มาของเนื้อหา นิตยสาร plook