รูปแบบการใช้ Article
หลักการใช้ "a , an"
1. ใช้กับ n. นับได้ เอกพจน์ที่กล่าวถึงทั่ว ๆ ไปโดยไม่ชี้เฉพาะ
ตัวอย่าง - She bought a dog yesterday. (เมื่อวานนี้เธอซื้อสุนัขมาตัวหนึ่ง)
- I'm looking for a job. (ฉันกำลังหางานทำ) เ งานอะไรก็ได้ไม่เจาะจง
หมายเหตุ : a นำหน้าคำที่ขึ้นด้วยพยัญชนะ , an นำหน้าคำที่ขึ้นด้วยสระ (a , e , i , o , u) และตัว h ที่ออกเสียงสระ เช่น an hour , an honor etc.
2. ใช้กับ n. ที่แสดงอาชีพ เช่น
a teacher (ครู) an accountant (สมุห์บัญชี) a soldier (ทหาร)
an engineer (วิศวกร) a doctor (หมอ) a nurse (พยาบาล
ตัวอย่าง - Is Bird a movie star or a singer ? (เบิร์ดเป็นนักแสดงหรือนักร้องใช่ไหม ?)
3. ใช้กับ n. ที่เอ่ยถึงเป็นครั้งแรก
ตัวอย่าง - This morning I bought a newspaper. (ผมซื้อหนังสือพิมพ์มาเมื่อเช้านี้)
- I saw an accident yesterday. (เมื่อวานนี้ผมเห็นอุบัติเหตุ)
หมายเหตุ : เมื่อจะกล่าวถึง n. ที่เอ่ยถึงเป็นครั้งแรกนั้นซ้ำ ต้องเปลี่ยน Article "a , an" เป็น "the"
ตัวอย่าง - There are a man and a woman walking along the street.
The man is your brother and the woman is my sister.
(มีผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินไปตามถนน
ผู้ชายคนนั้นคือพี่ชายของคุณ และผู้หญิงคนนั้นก็คือพี่สาวของฉัน)
4. ใช้กับ n. นับได้ที่มีความหมายว่า "หนึ่ง"
ตัวอย่าง - I have a cat and a dog. (ฉันมีแมวหนึ่งตัวและสุนัขหนึ่งตัว)
- She wants to buy an umbrella. (เธอต้องการจะซื้อร่มสักคันหนึ่ง)
5. ใช้กับ n. เอกพจน์ที่ตามหลัง v. to be
ตัวอย่าง - It is a busy day. (มันเป็นวันที่ยุ่งเหยิง)
- She is an attractive girl. (เธอเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์)
6. ใช้กับโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่ร้ายแรง เช่น
a stomachache (ปวดท้อง) a fever (เป็นไข้)
a headache (ปวดศีรษะ) a cough (ไอ)
ตัวอย่าง - Preecha doesn't attend this meeting because he has a fever.
(ปรีชาไม่ได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ เพราะเขาไม่สบาย)
7. ใช้กับวลีบางวลี เช่น
it's a pity (น่าเสียดาย) in a hurry (เร่งรีบ)
it's a shame (น่าอาย) take an interest (รู้สึกสนใจ)
have a good time (สนุกสนาน) take a walk (ไปเดินเล่น)
ตัวอย่าง - She always takes a walk with me in the evening. (หล่อนมักจะไปเดินเล่นกับผมในตอนเย็น)
หลักการใช้ "the"
1. ใช้กับ n. ที่ชี้เฉพาะเจาะจง
ตัวอย่าง - This is the only church in town. (นี่เป็นโบสถ์แห่งเดียวในเมือง)
- Paris is the capital of France. (ปารีสเป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศส)
2. ใช้กับ n. ที่มีเพียงสิ่งเดียว เช่น
the sun (ดวงอาทิตย์) the moon (ดวงจันทร์) the world (โลก)
the earth (โลก) the sea (ทะเล) the sky (ท้องฟ้า)
the universe (จักรวาล) the ground (พื้นดิน) the country (ประเทศ)
the countryside (ชนบท) the environment (สิ่งแวดล้อม) the North (ภาคเหนือ)
ตัวอย่าง- Don't put your books on the ground. It is dirty.
(อย่าวางหนังสือของคุณบนพื้นดิน มันสกปรก)
3. ใช้กับ n. นับได้ เอกพจน์ที่บอกชนิดหรือประเภท
ตัวอย่าง - The rabbit is my favorite animal. (กระต่ายเป็นสัตว์ที่แสนจะโปรดปรานของฉัน)
- The lotus is her favorite flower.
(ดอกบัวเป็นดอกไม้ที่แสนจะโปรดปรานของเธอ)
หมายเหตุ : ในที่นี้หมายถึง กระต่ายเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงตัวใดตัวหนึ่ง และดอกบัว
ในความหมายว่าเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงดอกใดดอกหนึ่งโดยเฉพาะ
4. ใช้กับ n. ที่เป็นเครื่องจักรหรือสิ่งประดิษฐ์
ตัวอย่าง - The telephone was invented a few centuries ago.
(โทรศัพท์ถูกประดิษฐ์ขึ้น เมื่อ 2 - 3 ศตวรรษที่ผ่านมา)
- Riding the bicycle is a good kind of exercise.
(การขี่จักรยานเป็นการออกกำลังกายที่ดีอย่างหนึ่ง)
5. ใช้กับ n. ที่เป็นเครื่องดนตรี เช่น
the piano (เปียโน) the guitar (กีตาร์) the violin (ไวโอลิน)
the drum (กลอง) the flute (ฟลุท) the trumpet (ทรัมเป็ต)
ตัวอย่าง - My sister plays the piano very well.
(น้องสาวของผมเล่นเปียโนเก่งมาก)
6. ใช้กับ n. ที่มี adj. เปรียบเทียบขั้นสูงสุด
ตัวอย่าง - The cheetah is the fastest of all animals.
(เสือชีต้าเป็นสัตว์ที่วิ่งเร็วที่สุด)
- He is the tallest student in this class.
(เขาเป็นนักเรียนที่สูงที่สุดในห้องนี้)
7. ใช้กับการเปรียบเทียบขั้นกว่าเพื่อแสดงว่า 2 สิ่ง หรือ 2 เหตุการณ์เพิ่มขึ้นหรือลดลงไปในทำนองเดียวกัน
ตัวอย่าง - The more she studies, the more she understands.
(ยิ่งเธอเรียนมากเท่าไร เธอก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น)
- The more you learn, the wiser you will get.
(ยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไร คุณก็ยิ่งจะฉลาดมากขึ้นเท่านั้น)
8. ใช้กับการเปรียบเทียบขั้นกว่า เมื่อมีการเน้นถึงบุคคล 2 คน หรือของ 2 สิ่งในขณะที่พูด
ตัวอย่าง - Phim is the more intelligent of the two girls.
(ในจำนวนเด็ก 2 คนนี้พิมฉลาดกว่า)
- Of the two boys, Phithak is the younger.
(ในจำนวนเด็ก 2 คนนี้พิทักษ์อายุอ่อนกว่า)
9. ใช้นำหน้า adj. ซึ่งทำหน้าที่เป็น n. เช่น
the rich (คนรวย) the poor (คนจน)
the dark (ความมืด) the wounded (ผู้บาดเจ็บ)
the blind (คนตาบอด) the disabled (คนพิการ)
the young (คนหนุ่มสาว) the dead (คนตาย)
10. ใช้กับคำที่แสดงเชื้อชาติ เช่น
the British (ชาวอังกฤษ) the Spanish (ชาวสเปน)
the Japanese (ชาวญี่ปุ่น) the French (ชาวฝรั่งเศส)
the Dutch (ชาวดัตช์) the Swiss (ชาวสวิส)
หมายเหตุ : n. ที่แสดงเชื้อชาติเหล่านี้จะลงท้ายด้วย s, sh, ch หรือ se ซึ่งเมื่อเติม the ข้างหน้าจะมีความหมายเป็นพหูพจน์ แต่ถ้าเป็นคำที่ไม่ได้ลงท้ายแบบนี้ เมื่อเติม the จะต้องเติม s ด้วย เช่น
the Russians (ชาวรัสเซีย) the Italians (ชาวอิตาเลียน)
the Arabs (ชาวอาหรับ) the Americans (ชาวอเมริกัน)
11. ใช้กับ n. ที่กล่าวถึงมาแล้ว หรือ n. ที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจกันดีว่าหมายถึงอะไร
ตัวอย่าง - She reads the novel many times.
(เธออ่านนวนิยายเล่มนั้นหลายครั้ง)
- We took the children to the concert.
(เราพาพวกเด็ก ๆ ไปดูคอนเสิร์ต)
12. ใช้กับ n. ที่เป็นชื่อทางภูมิศาสตร์
1) ชื่อประเทศบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีคำว่า republic, kingdom, states และที่ลงท้ายด้วย s เช่น
the Soviet Union
the Union of South Africa
the United States of America
the United Kingdom
the United Arab Emirates
the German Federal Republic
the Republic of Ireland
the Republic of China
the Irish Republic
the Netherlands
the Philippines