เรื่อง: กัลยาณี แนวเล็ก
“คุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน..รู้รอดปลอดมหันตภัย” คือหัวข้อในการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา ระดับชาติ ประจำปี 2555 หรือ นักวิทย์น้อยทรู ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเด็กๆ ระดับประถมศึกษาก็มีความสามารถในการสร้างโครงงานวิทยาศาสตร์ได้ไม่แพ้รุ่นพี่ และผลงานนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อชุมชนที่เขาอยู่อาศัยด้วย เรากำลังพูดถึง โครงงาน “การศึกษาการเพิ่มปริมาณของน้ำยางพาราโดยใช้พืชตระกูลหอม” ของนักวิทย์น้อย น้องนิ-นิอัสฟานี สือเตาะ ชั้น ป.4 น้องฮากีม-อับดุลฮากีม แวกะจิ ชั้น ป.5 และ น้องละห์-ฟาฎีละห์ สาระ ชั้น ป.6 จาก รร.บ้านทรายแก้ว จ.ยะลา ซึ่งคว้ารางวัลชนะเลิศเหรียญทองของโครงการนี้
ภูมิปัญญาคือวิทยาศาสตร์
เรารู้จักกันดีว่าการทำสวนยางพาราเป็นอาชีพสำคัญของเกษตรกรภาคใต้ กระทั่งปัจจุบันการทำสวนยางพาราเริ่มกระจายตัวไปทางภาคเหนือและอีสานเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำยางให้เพียงพอต่อการส่งออก แต่สิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ปริมาณน้ำยางให้มากที่สุดคือกรรมวิธีในการกรีดยา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอันเกิดจากการลองผิดลองถูกมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ
“น้องละห์” ซึ่งตามแม่ไปกรีดยางอยู่เป็นประจำได้สังเกตเห็นวิธีการเพิ่มผลผลิตของแม่ “แม่เอากลีบกระเทียมเสียบที่มีดกรีดยาง แม่บอกว่ากระเทียมจะทำให้น้ำยางไหลมากขึ้น” เมื่อ “น้องละห์” เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ และคุณครูฟังจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งสมมติฐานของโครงงานวิทยาศาสตร์ โดยมีคุณครูที่ปรึกษา ครูมีนา ชายมัน และครูวันมาเรียะ ประจัน ช่วยออกแบบและวางแผนงานอย่างใกล้ชิด
ลองผิดลองถูกจนได้ข้อสรุป
เด็กๆ ทั้งสามได้รับการบ้านให้ศึกษาเพิ่มเติมถึงสิ่งที่ช่วยเพิ่มน้ำยางพารา และอะไรเป็นสาเหตุให้น้ำยางเพิ่มขึ้น หรือมีสารหรือตัวเร่งหรือไม่อย่างไร นักวิทย์น้อยเริ่มค้นคว้าส่วนประกอบของกระเทียม จนรู้จักกับ “เอนไซม์อัลลิเนส” ที่ทำให้กระเทียมมีกลิ่นหอมฉุน เผ็ดร้อน จึงทำการทดลองเปรียบเทียบโดยใช้พืชตระกูลเดียวกับกระเทียม ได้แก่ หอมแดง หอมใหญ่ และด้วยความที่กระเทียมมีรสชาติชาติเผ็ดร้อน จึงนำพริกและพริกไทยมาทดลองด้วย
“เราก็ทดลองเอาพืชตระกูลหอมและพืชที่ใกล้เคียงกับพืชตระกูลหอม คือหอมใหญ่และหอมแดง อันไหนจะทำให้น้ำยางไหลได้มากกว่ากัน เราลองใช้พริกไทยกับพริกขี้หนูด้วย แต่ผลการทดลองพืชตระกูลหอมได้ผลดีกว่าค่ะ เลยใช้พืชตระกูลหอมค่ะ” “น้องละห์” พี่ใหญ่ของทีมอธิบาย
ขั้นตอนการทดลองโครงงานนี้ “น้องนิ” เล่าเพิ่มเติมว่า “เตรียมวัสดุอุปกรณ์ ปอกเปลือกกระเทียม หอมใหญ่ และหอมแดงมาหั่นแล้วปั่นให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1:2, 1:1 และ 2:1 ค่ะ หลังจากนั้นนำน้ำที่ได้มากรองด้วยกระชอน แล้วนำไปทาหน้ายางพารา ทิ้งไว้ประมาณ 10-12 ชม. จึงทดลองกรีดยางพารา และเปรียบเทียบอายุของต้นยางพาราที่มีผลต่อการเร่งน้ำยาง แบ่งเป็นอายุของต้นยางพาราที่ช่วงอายุ 15-20, 20-25 และ 25-30 ปีค่ะ”
ผลการทดลองพบว่ากระเทียมช่วยเร่งน้ำยางพาราได้ดีที่สุด ในอัตราส่วนระหว่างพืชตระกูลหอมและน้ำคือ 2:1 โดยอายุของต้นยางพาราที่เร่งน้ำยางได้ดีที่สุดคือ 15-20 ปี
ชาวสวนยางนักวิทย์ นักคิดท้องถิ่น
แม้ว่าโครงงานชิ้นนี้จะใช้เวลานานถึงสามเดือนเพราะอุปสรรคในเรื่องของฟ้าฝน แต่คุณค่าที่ได้กลับมาคุ้มค่ามากกว่ารางวัลที่ได้รับ เพราะผลการทดลองสามารถนำไปประยุกต์ใช้จริงกับเกษตรกรในชุมชน และโครงงานนี้ยังสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นลูกหลานชาวสวนยางของเด็กๆ ทั้งสาม
“โครงงานนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องชาวสวนยางพารา และทำให้พวกหนูมีจิตอาสารู้จักช่วยเหลือผู้อื่นด้วยค่ะ อยากให้ชาวบ้านเอาไปใช้” “น้องละห์” ทิ้งท้ายก่อนส่งต่อให้ “น้องฮากีม” พูดต่อ “ผมรู้สึกดีใจและภูมิใจมากเพราะได้ช่วยชาวบ้านครับ”