(2) การผันกริยาตามกาล ( 12 tenses) (1)
กริยาสามารถผันได้ใน 3 กรณี คือ ผันตามประธาน ตามกาล และตามรูปประโยค active/passive เราได้เรียนเรื่องกาลผันกริยาตามประธานไปแล้ว ต่อไปจะเป็นการผันกริยาตามกาล หรือหลักของ tense ทั้ง 12 นั่นเอง
เรื่องนี้มักจะเป็นปัญหาหนักอกของคนไทยเพราะในภาษาไทยเราไม่มีการแบ่งรูปอดีต ปัจจุบัน อนาคต
tense มีทั้งหมด 12 แบ่งเป็นปัจจุบัน 4 อดีต 4 และอนาคตอีก 4 ด้วยกัน ตามรูปด้านล่างนี้
เส้นสีเขียวแนวนอนคือเส้นเวลา ไหลจากอดีต ---> ปัจจุบัน ---> อนาคต ส่วนเส้นสีส้มแนวตั้งบอกถึงช่วงเวลาหนึ่งๆ ในอดีต ปัจจุบันและอนาคต
เรามาเริ่มจากปัจจุบันกันก่อน
1) หากจะพูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำใดที่
• เกิดในปัจจุบัน (พูดขึ้นมาลอยๆ)
• เกิดขึ้นเป็นประจำ หรือยังไงๆ ก็เกิดตามธรรมชาติ
• เกิดขึ้นในอนาคตที่ยังไงๆ ก็ต้องเกิด
เราจะใช้รูป I do นั่นคือประธาน + กริยาช่อง 1 นั่นเอง (คำว่า do สามารถแทนโดยกริยาคำอื่นๆ ที่เราต้องการใช้) เช่น
I like to have dinner outside. (ปัจจุบันลอยๆ บอกแค่ว่าชอบกินข้าวเย็นข้างนอก)
He goes to work every morning. (ทำเป็นประจำ)
The sun rises in the east and sets in the west. (เกิดขึ้นเป็นประจำตามธรรมชาติ)
Today is Thursday and tomorrow is Friday. (ยังไงๆ พรุ่งนี้ก็เป็นวันศุกร์)
*อย่าลืมนะว่าถ้าประธานเป็นเอกพจน์ บุรุษที่สาม และเป็นปัจจุบัน กริยาที่ใช้ต้องเติม -s หรือ -es เสมอ
2) หากจะพูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำใดที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด เราจะใช้รูป I am doing ก็คือประธาน + verb to be (is/am/are) + กริยาเติม -ing (คำว่า doing สามารถแทนโดยกริยาเติม -ing คำอื่นๆ ที่เราต้องการใช้) เช่น
I am working very hard now. (กำลังทำงานหนักอยู่ในตอนนี้)
She is cooking lunch. (กำลังทำอาหารเที่ยงอยู่ตอนนี้)
We are studying the same subject. (เรากำลังเรียนอยู่ตอนนี้)
*อย่าลืมการใช้ is/am/are ว่า is ใช้กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 ส่วน am ใช้กับ I และ are ใช้กับ you หรือประธานพหูพจน์
อนุโลมได้ว่าถ้าเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เราก็สามารถใช้รูปนี้ได้เช่นเดียวกัน เช่น
I am arriving in Rome tomorrow. (อนาคตอันใกล้จะไปถึงกรุงโรม)
3) หากจะพูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำใดที่เกิดขึ้นในอดีต กินเวลามาเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หรืออาจส่งผลมาปัจจุบัน เราจะใช้รูป I have done คือ ประธาน + have/has + กริยาช่อง 3 (คำว่า done สามารถแทนโดยกริยาช่อง 3 คำอื่นๆ ที่เราต้องการใช้) เช่น
I have known this person for more than 20 years. (เกิดในอดีตแต่มีผลถึงปัจจุบัน)
She has taught English since 1999. (สอนมาตั้งแต่อดีตกินเวลามาเรื่อยๆ)
We have just finished our assignments. (ทำมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันทำเสร็จแล้ว)
*อย่าลืมการผัน have/has ตามประธาน have ใช้กับประธานพหูพจน์และ I และ you ส่วน has ใช้กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3
4) หากจะพูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำใดที่เกิดขึ้นในอดีต กินเวลามาเรื่อยๆ และปัจจุบันก็ยังดำเนินอยู่ (และอาจจะดำเนินต่อไปถึงอนาคตด้วย) เราจะใช้รูป I have been doing คือ ประธาน + have/has + been + กริยาเติม -ing (คำว่า doing สามารถแทนโดยกริยาเติม -ing คำอื่นๆ ที่เราต้องการใช้) เช่น
I have been staying in this house for more than a year. (ยังคงอาศัยอยู่จนถึงตอนนี้)
John has been working here since 2010. (จนถึงตอนนี้ก็ยังทำงานที่นี่อยู่)
*อย่าลืมการผัน have/has ตามประธาน have ใช้กับประธานพหูพจน์และ I และ you ส่วน has ใช้กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3
จะเห็นได้ว่าทั้ง 4 tense ที่ใช้กับปัจจุบันนั้นล้วนแล้วแต่มีความหมายและการใช้ที่แตกต่างกัน หากเราไม่เข้าใจเรื่อง tense ไม่เพียงแต่จะทำข้อสอบเติมคำในช่องว่าง (TOEIC part 5 และ 6) ไม่ได้แล้ว เวลาเราทำข้อสอบที่ต้องอ่านจับใจความ (part 7) ก็จะสับสนอีกด้วยว่าเหตุการณ์ไหนเกิดก่อน เกิดหลัง หรือเกิดพร้อมๆ กัน เมื่อเราเข้าใจถึงหลักการใช้ tense ทั้ง 4 ในปัจจุบันแล้ว การใช้ tense อื่นๆ ในอดีตหรืออนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะใช้หลักการเดียวกัน ซึ่งเหตุการณ์หรือการกระทำสามารถ (1) เกิดขึ้นลอยๆ (2) กำลังเกิดอยู่ (3) เกิดในอดีตและจบไปแล้ว (4) เกิดในอดีตและยังคงเกิดอยู่ ในตอนหน้าเราจะมาเก็บอีก 8 tense ซึ่งเป็นเรื่องของอดีตและอนาคตให้หมด จากนั้นจะมาดูกันว่าส่วนใหญ่ข้อสอบที่ถามเรื่องนี้ใน TOEIC จะมีลักษณะอย่างไร และเราจะใช้เทคนิคใดในการทำ
PornpanAcademy
www.pornpanacademy.com