ง่วงนอน เซื่องซึม นัยน์ตาเปลี่ยนสี สัญญาณการติดฝิ่น
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
06 ส.ค. 64
 | 7.1K views




ง่วงนอน เซื่องซึม นัยน์ตาเปลี่ยนสี สัญญาณการติดฝิ่น



การรักษาขึ้นอยู่กับเวลาและปริมาณที่ใช้

เนื้อฝิ่นได้มาจากยางของผลฝิ่นที่ถูกกรีดจะมีสีขาว เมื่อถูกอากาศจะมีสีคล้ำลงกลายเป็นยางเหนียวสีน้ำตาลไหม้หรือดำ มีกลิ่นเหม็นเขียวและรสขม เรียนว่า ฝิ่นดิบ ส่วนฝิ่นที่มีการนำมาใช้เสพ เรียกว่า “ฝิ่นสุก” ได้มาจากนำฝิ่นดิบไปต้มหรือเคี่ยวจนสุก

ประเภทของยา : ฝิ่น (ฝิ่นดิบ ฝิ่นสุก มูลฝิ่น) จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522


การแพร่ระบาด

จากสถิติผู้เข้ารับการบำบัดรักษา พบว่า ผู้เสพส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้เสพเดิมและมักจะเสพกันในกลุ่ม ผู้ที่มีอายุมาก คือ ตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษาเลย หรือได้รับการศึกษาน้อยเพียงระดับประถมศึกษา กลุ่มผู้เสพประกอบอาชีพเกษตรกรหรือรับจ้าง   เมื่อพิจารณาจากสถิติผู้เข้ารับการบำบัดรักษา พบว่า ภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาการแพร่ระบาดฝิ่นมาก โดยเฉพาะใน จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอนและ จ.ตาก


การออกฤทธิ์

ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางมีผลกดประสาท    โดยกดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง สารเคมีที่มีผสมอยู่มากมายในเนื้อฝิ่น   ซึ่งประกอบด้วย โปรตีน เกลือแร่ ยาง และกรดอินทรีย์ เป็น Alkaloid ซึ่งเป็นสารผสมอยู่ในเนื้อฝิ่นอันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ฝิ่นกลายเป็นยาเสพติดให้โทษที่ร้ายแรงAlkaloid ในฝิ่นมีประมาณ 25 ชนิด แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ

ประเภทที่ 1 ออกฤทธิ์ทำให้เกิดอาการมึนเมา และเป็นยาเสพติดให้โทษโดยตรง Alkaloid ประเภทนี้ ทางเภสัชวิทยาถือว่าเป็นยาทำให้นอนหลับ (Hypnotic)
ประเภทที่ 2 ออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนคลายตัว ซึ่งในทางเภสัชวิทยาถือว่า Alkaloid ในฝิ่นประเภทนี้ไม่เป็นสารเสพติด แต่มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายหย่อนคลายตัว


ผลต่อร่างกาย

ในขณะที่ผู้เสพตกอยู่ใต้อิทธิพลของยาเสพติดจะมีอาการง่วงนอน เซื่องซึม ชีพจรเต้นช้า ไม่รู้สึกหิว ไม่พูดมาก และไม่สนใจกับสิ่งต่างๆรอบตัว อาจจะนั่งเหม่อมองออกไปโดยไม่มีจุดหมาย นัยน์ตาอาจเปลี่ยนสีและขนาดของม่านตาอาจจะเล็กลงเท่าขนาดรูเข็ม เมื่อเริ่มมีความต้องการยาครั้งต่อไปและมีอาการของการขาดยาเสพติดจะมีลักษณะอาการเริ่มต้น คือ น้ำตา น้ำมูกไหล ปวดหัว เกิดอาการคัน หาวนอน ขนลุก สะบัดร้อนสะบัดหนาว ม่านตาขยาย ผู้ติดยาเสพติดจะหงุดหงิด กระวนกระวาย ตื่นตกใจ อาการขั้นรุนแรงขึ้น คือ นอนไม่หลับ เหงื่อออก ปวดเมื่อยตามแขนขา คลื่นเหียนอาเจียน มีอาการท้องร่วง


การบำบัด

ขั้นตอนการบำบัดรักษาฝิ่นมี 4 ขั้นตอนดังนี้

1. ขั้นเตรียมการ เป็นการเตรียมตัวผู้ติดยาเสพติดให้พร้อมที่จะเข้ารับการบำบัดรักษาให้เกิดความเชื่อมั่นและมีความตั้งใจจริงที่จะเลิกยาเสพติด นอกจากนี้ยังต้องเตรียมความพร้อมญาติพี่น้องและครอบครัว หรือผู้ใกล้ชิดให้เข้ามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
2. ขั้นถอนพิษยา ในขั้นตอนนี้ผู้ติดฝิ่นที่มีความตั้งใจที่จะเลิก โดยการหยุดเสพแล้วจะมีความอยากและความต้องการยาเสพติดอยู่เหมือนเช่นเคย ดังนั้น การบำบัดรักษาจะเลือกใช้วิธีการใดขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ใช้ ปริมาณการใช้และความตั้งใจของผู้เสพ หากเสพในปริมาณมากและเป็นเวลานานหลายปี จะมีอาการถอนพิษยา (Withdrawal Symptoms) เช่น หาวนอน น้ำมูก น้ำตาไหล เหงื่อออกมาก มีอาการทุรนทุราย หงุดหงิด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน รายที่รุนแรงอาจถ่ายเป็นเลือดที่ชาวบ้าน เรียกว่า “ลงแดง” หรือมีอาการชักเกิดขึ้น เพราะอาการต่างๆ อาจรุนแรง ถึงชีวิตได้ แต่หากเริ่มเสพมาไม่นานนักและมีความตั้งใจที่จะเลิกจริงๆ วิธีที่ดีที่สุด คือ การหยุดใช้ยาเองหรือที่เรียกว่า “หักดิบ” พักผ่อนให้เต็มที่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงก็จะสามารถถอนพิษยาออกจากร่างกายได้ในที่สุด โดยจะใช้เวลาไม่นานกว่า 15 วัน
3. ขั้นฟื้นฟูสมรรถภาพ เป็นการปรับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้เลิกยาเสพติดให้มีความเข้มแข็ง ปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพ ความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมให้สามารถกลับสู่สังคมได้อย่างปกติ โดยการให้คำปรึกษา การฟื้นฟูสมรรถภาพแบบชุมชนบำบัดเป็นต้น ซึ่งผู้ติดยาเสพติดสามารถเข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพได้ที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่มีอยู่ทั่วประเทศ
4. ขั้นติดตามดูแลหลังรักษา เป็นการติดตามดูแลผู้เลิกยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดรักษา ทั้ง 3 ขั้นตอน เพื่อให้คำแนะนำปรึกษา ให้กำลังใจ ทั้งนี้เพื่อมิให้หวนกลับไปเสพยาเสพติดซ้ำ



ที่มา :  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ