การเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการตามกลุ่มสาขาวิชาชีพ 1/2
การเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการตามกลุ่มสาขาวิชาชีพ 2/2
การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการตามกลุ่มสาขาวิชาชีพ : การเตรียมศักยภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สู่ระบบการรับนิสิต นักศึกษ (Admission) ปีการศึกษา ๒๕๔๙
ปรากฏการณ์ ณ โรงเรียนราชินีบน
ครูพิรุณ ศิริศักดิ์ ผู้ช่วยงานวิชาการด้านประเมินและพัฒนาหลักสูตร ฝ่ายวิชาการโรงเรียนราชินีบน กรุงเทพมหานคร ได้ส่งเสริมให้มีการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project based) เพื่อให้ผู้เรียนได้นำระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความรู้มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ตามความสนใจและความต้องการของผู้เรียน โดยมีกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นแกนนำในการพัฒนารูปแบบการสอนโครงงานแบบบูรณาการทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นครั้งแรกในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๔๖ โดยจัดในรายวิชา ว ๔๐๒๘๑ โครงงานวิทยาศาสตร์รายวิชาระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ในทุกแผนการเรียน
ข้อค้นพบ : ต้นคิดของแนวทางการพัฒนา
จากการประเมินผลการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานพบว่านักเรียนไม่สามารถกำหนดหัวข้อโครงงานที่ชัดเจน ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงร่างที่ต้องใช้เวลายาวนาน นอกจากนี้นักเรียนยังมีความคิดรวมทั้งปัญหาหลากหลายด้าน ดังนี้
• การทำโครงงานให้ประโยชน์กับตนเองน้อย
• นักเรียนไม่สามารถปรับตัวทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง เพราะหัวข้อการจัดทำโครงงานไม่ได้มาจากความสนใจร่วมกันของสมาชิก
• นักเรียนบางคนเบื่อหน่ายกับการเรียนแบบโครงงานไม่ให้ความร่วมมือต่อสมาชิกในกลุ่ม
• การกำหนดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกขาดความชัดเจนภาระหน้าที่ไม่เท่าเทียมกัน
ผลจากการประเมินระดับคุณภาพโครงงานพบว่าโครงงานส่วนใหญ่อยู่ในระดับพอใช้ต่ำเป็นร้อยละ ๖๖.๖๗ มีโครงงานที่มีระดับคุณภาพไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ ๑๔.๒๘ จากการประมวลสาเหตุของปัญหาพบว่าโครงการดังกล่าวขาดการประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการเรียนรู้แบบโครงงาน ครูที่ปรึกษาร่วมมีจำนวนน้อยเกินไป ครูส่วนใหญ่ขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงกระบวนการทำโครงงาน
การพัฒนานวัตกรรม
ข้อค้นพบที่เป็นจุดอ่อนของการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานทำให้ฝ่ายวิชาการและกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้ประชุมวางแผนเพื่อปรับกระบวนทัศน์ใหม่ของการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานระยะที่ ๒ โดยมีมิติร่วมกันดังนี้
• กำหนดหัวข้อหลักในการทำโครงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนในเรื่องการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของการใช้ระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา (Admission)
• นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๗ ควรทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาชีพที่ตนเองสนใจและจัดทำเป็นเอกสารวิชาการเพื่อใช้เป็นหลักฐานการสมัครเข้าศึกษาต่อโดยมีกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับฝ่ายแนะแนวจัดทำโครงการพัฒนานวัตกรรมด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการตามกลุ่มสาขาวิชาชีพ
การพัฒนานวัตกรรมด้านการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการตามกลุ่มสาขาวิชาชีพในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๔๗ มีนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา จำนวน ๑๖๗ คน กำหนดองค์ประกอบใน การประเมินผล ๔ องค์ประกอบ ได้แก่ สัดส่วนระดับคุณาพและปริมาณโครงงานบูรณาการจำแนกตามกลุ่มสาขาวิชาชีพ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนและความพึงพอใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เครื่องมือที่ครูที่ปรึกษาหลักสร้างขึ้น สำหรับการประเมิน ดังนี้
• แบบประเมินระดับคุณภาพโครงงาน
• แบบประเมินการรับรู้ตนเงและกระบวนการกลุ่ม
• แบบประเมินผลการจัดกิจกรรมการประกวดโครงงานบูรณาการ
• การสัมภาษณ์แบบ Focus group
ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้กำหนดออกเป็น ๖ ด้าน ได้แก่
๑. กระบวนการกลุ่ม
๒. การรับคำปรึกษา : ครูที่ปรึกษาร่วมจำนวน ๒๖ คน รับคำปรึกษาสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง/กลุ่ม
๓. การพัฒนาโครงร่างของโครงงาน : ใช้เวลาประมาณ ๑ เดือน
๔. การจัดทำโครงงาน : นักเรียนดำเนินการโครงร่างที่ผ่านการอนุมัติ
๕. การนำเสนอผลงาน
๖. การประเมินผลการเรียนรู้ร่วมกัน
บทสรุปของความสำเร็จ
จากความมุ่งมั่นในการจัดทำนวัตกรรม การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการตามกลุ่มวิชาชีพ : การเตรียมศักยภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสู่ระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา (Admission) ในปีการศึกษา ๒๕๔๙ ของโรงเรียนราชินีบน ประสบความสำเร็จที่น่าชื่นชมใน ๓ มิติ ดังนี้
• ด้านความรู้ความเข้าใจกระบวนการทำโครงงาน
คะแนนเฉลี่ยความรู้ความเข้าใจกระบวนการทำโครงงานหลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียน คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๐๐ และ ¬๘๓.๒๐ ตามลกดับ
• ด้านประสบการณ์วิชาชีพที่ได้รับ
นักเรียนทุกกลุ่มได้รับประสบการณ์วิชาชีพจากการปฏิบัติงานจริง ภายใต้การให้คำปรึกษาจากครูที่ปรึกษาร่วมเป็นระยะเวลาต่อเนื่องประมาณ ๙-๑๐ สัปดาห์ จึงมีผลให้นักเรียนสามารถตอบข้อซักถามจากผู้ร่วมงานได้ตรงประเด็น
• ด้านความสามารถในการนำเสนอผลงาน
นักเรียนสามารถสื่อความหมายข้อมูลจากการศึกษาได้ในระดับที่ดีมาก ความสามารถในการนำเสนอด้วยโปรแกรม Microsoft PowerPoint อยู่ในระดับดีมาก ความสามารถนำเสนอด้วยแผงบอร์อดอยู่ในระดับดีมาก
พลังของนวัตกรรมดังกล่าวเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่านวัตกรรมการศึกษาที่ผู้บริหารและคณะครูที่ร่วมกันคิดค้นพัฒนานั้น เป็นฐานพลังสำคัญของการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน
ปรากฏการณ์ ณ โรงเรียนราชินีบน
ครูพิรุณ ศิริศักดิ์ ผู้ช่วยงานวิชาการด้านประเมินและพัฒนาหลักสูตร ฝ่ายวิชาการโรงเรียนราชินีบน กรุงเทพมหานคร ได้ส่งเสริมให้มีการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project based) เพื่อให้ผู้เรียนได้นำระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความรู้มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ตามความสนใจและความต้องการของผู้เรียน โดยมีกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นแกนนำในการพัฒนารูปแบบการสอนโครงงานแบบบูรณาการทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นครั้งแรกในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๔๖ โดยจัดในรายวิชา ว ๔๐๒๘๑ โครงงานวิทยาศาสตร์รายวิชาระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ในทุกแผนการเรียน
ข้อค้นพบ : ต้นคิดของแนวทางการพัฒนา
จากการประเมินผลการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานพบว่านักเรียนไม่สามารถกำหนดหัวข้อโครงงานที่ชัดเจน ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงร่างที่ต้องใช้เวลายาวนาน นอกจากนี้นักเรียนยังมีความคิดรวมทั้งปัญหาหลากหลายด้าน ดังนี้
• การทำโครงงานให้ประโยชน์กับตนเองน้อย
• นักเรียนไม่สามารถปรับตัวทำงานร่วมกันได้อย่างแท้จริง เพราะหัวข้อการจัดทำโครงงานไม่ได้มาจากความสนใจร่วมกันของสมาชิก
• นักเรียนบางคนเบื่อหน่ายกับการเรียนแบบโครงงานไม่ให้ความร่วมมือต่อสมาชิกในกลุ่ม
• การกำหนดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกขาดความชัดเจนภาระหน้าที่ไม่เท่าเทียมกัน
ผลจากการประเมินระดับคุณภาพโครงงานพบว่าโครงงานส่วนใหญ่อยู่ในระดับพอใช้ต่ำเป็นร้อยละ ๖๖.๖๗ มีโครงงานที่มีระดับคุณภาพไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำร้อยละ ๑๔.๒๘ จากการประมวลสาเหตุของปัญหาพบว่าโครงการดังกล่าวขาดการประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการเรียนรู้แบบโครงงาน ครูที่ปรึกษาร่วมมีจำนวนน้อยเกินไป ครูส่วนใหญ่ขาดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงกระบวนการทำโครงงาน
การพัฒนานวัตกรรม
ข้อค้นพบที่เป็นจุดอ่อนของการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานทำให้ฝ่ายวิชาการและกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้ประชุมวางแผนเพื่อปรับกระบวนทัศน์ใหม่ของการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานระยะที่ ๒ โดยมีมิติร่วมกันดังนี้
• กำหนดหัวข้อหลักในการทำโครงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนในเรื่องการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพในอนาคต โดยเฉพาะเรื่องของการใช้ระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา (Admission)
• นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๗ ควรทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาชีพที่ตนเองสนใจและจัดทำเป็นเอกสารวิชาการเพื่อใช้เป็นหลักฐานการสมัครเข้าศึกษาต่อโดยมีกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกับฝ่ายแนะแนวจัดทำโครงการพัฒนานวัตกรรมด้านการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการตามกลุ่มสาขาวิชาชีพ
การพัฒนานวัตกรรมด้านการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการตามกลุ่มสาขาวิชาชีพในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๔๗ มีนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๔ เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา จำนวน ๑๖๗ คน กำหนดองค์ประกอบใน การประเมินผล ๔ องค์ประกอบ ได้แก่ สัดส่วนระดับคุณาพและปริมาณโครงงานบูรณาการจำแนกตามกลุ่มสาขาวิชาชีพ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนและความพึงพอใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้เครื่องมือที่ครูที่ปรึกษาหลักสร้างขึ้น สำหรับการประเมิน ดังนี้
• แบบประเมินระดับคุณภาพโครงงาน
• แบบประเมินการรับรู้ตนเงและกระบวนการกลุ่ม
• แบบประเมินผลการจัดกิจกรรมการประกวดโครงงานบูรณาการ
• การสัมภาษณ์แบบ Focus group
ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้กำหนดออกเป็น ๖ ด้าน ได้แก่
๑. กระบวนการกลุ่ม
๒. การรับคำปรึกษา : ครูที่ปรึกษาร่วมจำนวน ๒๖ คน รับคำปรึกษาสัปดาห์ละ ๒ ครั้ง/กลุ่ม
๓. การพัฒนาโครงร่างของโครงงาน : ใช้เวลาประมาณ ๑ เดือน
๔. การจัดทำโครงงาน : นักเรียนดำเนินการโครงร่างที่ผ่านการอนุมัติ
๕. การนำเสนอผลงาน
๖. การประเมินผลการเรียนรู้ร่วมกัน
บทสรุปของความสำเร็จ
จากความมุ่งมั่นในการจัดทำนวัตกรรม การจัดการเรียนรู้แบบโครงงานบูรณาการตามกลุ่มวิชาชีพ : การเตรียมศักยภาพของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสู่ระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษา (Admission) ในปีการศึกษา ๒๕๔๙ ของโรงเรียนราชินีบน ประสบความสำเร็จที่น่าชื่นชมใน ๓ มิติ ดังนี้
• ด้านความรู้ความเข้าใจกระบวนการทำโครงงาน
คะแนนเฉลี่ยความรู้ความเข้าใจกระบวนการทำโครงงานหลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียน คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๐๐ และ ¬๘๓.๒๐ ตามลกดับ
• ด้านประสบการณ์วิชาชีพที่ได้รับ
นักเรียนทุกกลุ่มได้รับประสบการณ์วิชาชีพจากการปฏิบัติงานจริง ภายใต้การให้คำปรึกษาจากครูที่ปรึกษาร่วมเป็นระยะเวลาต่อเนื่องประมาณ ๙-๑๐ สัปดาห์ จึงมีผลให้นักเรียนสามารถตอบข้อซักถามจากผู้ร่วมงานได้ตรงประเด็น
• ด้านความสามารถในการนำเสนอผลงาน
นักเรียนสามารถสื่อความหมายข้อมูลจากการศึกษาได้ในระดับที่ดีมาก ความสามารถในการนำเสนอด้วยโปรแกรม Microsoft PowerPoint อยู่ในระดับดีมาก ความสามารถนำเสนอด้วยแผงบอร์อดอยู่ในระดับดีมาก
พลังของนวัตกรรมดังกล่าวเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่านวัตกรรมการศึกษาที่ผู้บริหารและคณะครูที่ร่วมกันคิดค้นพัฒนานั้น เป็นฐานพลังสำคัญของการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน