การเลี้ยงหอยแมลงภู่ในทะเลด้วยหลักคอนกรีต 1/2
การเลี้ยงหอยแมลงภู่ในทะเลด้วยหลักคอนกรีต 2/2
หลักสูตรท้องถิ่น เรื่อง การเลี้ยงหอยแมลงภู่ในทะเลด้วยหลักคอนกรีต
ปรากฏการณ์ ณ โรงเรียนวัดราฏร์บำรุง
โรงเรียนวัดราษฎร์บำรุง ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑๐ ตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต ๒ จัดการเรียนรู้ช่วงชั้นที่ ๑-๒ โดยมีนายปราโมทย์ วรรณเสวี เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ส่งเสริมสนับสนุนการจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นเรื่องการเลี้ยงหอยแมลงภู่ทะเลด้วยหลักคอนกรีต ซึ่งเป้นการจัดการศึกษาตามความต้องการของท้องถิ่นสอดคล้องกับวิถีชีวิตจริงทำให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้ไปบูรณาการกับวิถีชีวิตจริงได้เป็นอย่างดี
ข้อค้นพบ : ต้นคิดของแนวทางการพัฒนา
เมื่อครั้งที่โรงเรียนยังจัดการศึกษาตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช ๒๕๒๑ (ฉบับปรับปรุง) พ.ศ. ๒๕๓๓ ในกลุ่มวิชาการงานและอาชีพ มีจุดประสงค์ที่สำคัญให้ผู้เรียนมีความรู้ ดังนี้
• มีความรู้พื้นฐาน
• ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพงาน
• มีนิสัยรักการทำงาน
• ปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามกระบวนการ
• วิเคราะห์และวางแผนการทำงาน
• ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
• ค้นพบความสามารถ ความสนใจ และความถนัดของตนเอง
การพัฒนานวัตกรรม
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ได้กำหนดให้โรงเรียนจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาที่สนองตอบต่อความต้องการชุมชน ฯลฯ ซึ่งโรงเรียนวัดราษฎร์บำรุงเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในชุมชนที่มีภูมิประเทศเป็นอ่าวมีชายทะเลที่สวยงามผู้ปกครองนักเรียนประกอบอาชีพประมงชายฝั่งน้ำตื้น หาหอยแมลงภู่ตามโขดหินโสโครกที่ยื่นลงไปในทะเล
ต่อมาได้มีผู้พัฒนาวิธีการเลี้ยงหอยแมลงภู่ด้ยหลักไม้ไผ่และแพเชือก โดยนำหลักไม้ไผ่ปักหลักลงดินนำไมไผ่ผูกเป็นแพติดกับหลักแล้วนำเชือกผูกติดกับแพหย่อนลงไปในแม่น้ำ
ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู นักเรียน และชุมชน ร่วมกันพิจารณาความสอดคล้องในการจัดการศึกษาระหว่างความรู้ในห้องเรียนและวิถีชีวิตจริงแล้วเห็นว่าหลักสูตรการศึกษาน่าจะต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตจริงของคนในชุมชน จึงได้เริ่มพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นการเลี้ยงหอยแมลงภู่ขึ้น โดยนักเรียนเข้าไปร่วมเรียนรู้กับชุมชนในรูปแบบการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมโครงงานในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ด้วยการนำไม้ไผ่และเชือกผูกเลี้ยงหอยแมลงภู่ไว้ใกล้ ๆ กับผู้เลี้ยงรายอื่น ๆ ในชุมชน
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานทำให้พบประเด็นสำคัญที่เป็นจุดอ่อนของการเลี้ยงหอยแมลงภู่ในวิธีการดั้งเดิม ดังนี้
• ในฤดูมรสุมช่วงเดือนตุลาคมต้องรีบเก็บหอยแมลงภู่ขึ้นจากทะเลเพราะลมมรสุมและคลื่นจะพัดพาแพเลี้ยงหอยให้หลุดลอยหรือเกิดความเสียหาย
• หอยแมลงภู่ที่รีบเก็บหนีลมมรสุมที่มีขนาดเล็ก เนื่องจากมีอายุการเลี้ยงสั้นทำให้ขายไม่ได้ราคา
จากปัญหาดังกล่าวทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้วิทยาเขตชุมพร ได้ให้คำแนะนำแก่โรงเรียนว่าควรจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงหอยแมลงภู่เสียใหม่
วิธีการใหม่ก็คือ การเลี้ยงหอยแมลงภู่ในทะเลด้วยหลักคอนกรีต ซึ่งสอดคล้องกับการัดการเรียนรู้งานอาชีพช่างปูนที่โรงเรียนได้ดำเนินการอยู่แล้ว ทางโรงเรียนจึงนำสิ่งที่จัดการเรียนรู้มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ใช้หลักคอนกรีตแทนหลักไม่ไผ่ ทำให้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ประสบความสำเร็จโดยไม่ได้รับผลกระทบจากลมมรสุมแต่ประการใดโดยกำหนดขั้นตอนในการดำเนินงาน ดังนี้
• ออกแบบให้หลักเลี้ยงหอยมีน้ำหนักมาก เมื่อถึงฤดูมรสุมหลักจะได้ไม่หายไปกับคลื่น
• ออกแบบให้หลักเลี้ยงหอยมีขนาดไม่ยาวเกินไปจะได้จมอยู่ในทะเลน้ำตื้นชายฝั่งทะเลได้ตลอด
• ออกแบบให้หลักเลี้ยงหอยสามารถถอดออกได้เมื่อเก็บหอยได้แล้วก็ครอบลงไปใหม่ได้อีก
การทำหลักหอยแมลงภู่ด้วยคอนกรีตมีการทำแบ่งเป็น ๒ ส่วน
• การทำหลักปัก ใช้ท่อ PVC ขนาด ๑ ๑/๒ นิ้ว ยาวประมาณ ๑๔๐ ซม. รีดปลายข้างหนึ่งให้แบนใคอนกรีตให้เต็ม (เวลาใส่คอนกรีตจะได้ไม่ไหลและเวลาลงปักจะได้ปักลงง่าย ๆ )
• การทำหลักครอบ ใช้พิมพ์สักกสีขนาด ๖๐ x ๖๐ ซม. ม้วนให้กลมใช้ท่อ PVC ขนาด ๖ นิ้ว ตัดให้มีวงหนาขนาดประมาณ ๑/๒ นิ้ว ใส่พิมพ์ทำปลอกพิมพ์ตั้งเรียงไว้ เทคอนกรีตใส่ทำส่วนก้นประมาณ ๓ นิ้ว ทิ้งไว้พอเหมาะ แล้วใช้ท่อ PVC ขนาด ๒ นิ้ว ยาวประมาณ ๕๐ ซม. ใส่ทำแกนกลางแล้วเทคอนกรีตใส่รอบนอกท่อ PVC จนเต็ม (อย่าให้คอนเรีตตกลงในท่อ PVC) เมื่อปูนเริ่มหมาดให้รีบดึงท่อ PVC ออก จะได้นำท่อ PVC ไปใช้ได้อีก ทิ้งไว้ ๒ วัน แล้วแกะพิมพ์
การนำหลักลงปักในทะเล นำ หลักปัก ลงปักในทะเลที่มีน้ำขึ้นน้ำลงแล้วยังคงมีระดับน้ำอย่างน้อย ๑-๑.๕๐ เมตร ปักลงดินแล้วเหลือพ้นดินขึ้นมาประมาณ ๗๕ ซม. ระยะแต่ละต้น ๑ x ๑ เมตร เนื้อที่ ๑ ไร่จะปักได้ประมาณ ๑,๖๐๐ หลัก จากนั้นจึงนำหลักครอบไปครองลงบนหลักปัก
บทสรุปของความสำเร็จ
หลักสูตรท้องถิ่นการเลี้ยงหอยแมลงภู่ในทะเลด้วยหลักคอนกรีตประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ปัจจุบันได้ปักหลักเลี้ยงหอยไว้จำนวน ๕๐๐ หลัก นำหอยแมลงภู่ใช้ในโครงการอาหารกลางวันและจำหน่ายครั้งละ ๒๐๐ กิโลกรัม นับเป็นมิติใหม่ของการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริงสามารถจำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการถ่ายทอดภูมิปัญญาเข้าสู่การศึกษา คณะผู้บริหารและครูมีนวัตกรรมในการจัดการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง
ปรากฏการณ์ ณ โรงเรียนวัดราฏร์บำรุง
โรงเรียนวัดราษฎร์บำรุง ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑๐ ตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต ๒ จัดการเรียนรู้ช่วงชั้นที่ ๑-๒ โดยมีนายปราโมทย์ วรรณเสวี เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ส่งเสริมสนับสนุนการจัดทำหลักสูตรท้องถิ่นเรื่องการเลี้ยงหอยแมลงภู่ทะเลด้วยหลักคอนกรีต ซึ่งเป้นการจัดการศึกษาตามความต้องการของท้องถิ่นสอดคล้องกับวิถีชีวิตจริงทำให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนรู้ไปบูรณาการกับวิถีชีวิตจริงได้เป็นอย่างดี
ข้อค้นพบ : ต้นคิดของแนวทางการพัฒนา
เมื่อครั้งที่โรงเรียนยังจัดการศึกษาตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น พุทธศักราช ๒๕๒๑ (ฉบับปรับปรุง) พ.ศ. ๒๕๓๓ ในกลุ่มวิชาการงานและอาชีพ มีจุดประสงค์ที่สำคัญให้ผู้เรียนมีความรู้ ดังนี้
• มีความรู้พื้นฐาน
• ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพงาน
• มีนิสัยรักการทำงาน
• ปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามกระบวนการ
• วิเคราะห์และวางแผนการทำงาน
• ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
• ค้นพบความสามารถ ความสนใจ และความถนัดของตนเอง
การพัฒนานวัตกรรม
หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ได้กำหนดให้โรงเรียนจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาที่สนองตอบต่อความต้องการชุมชน ฯลฯ ซึ่งโรงเรียนวัดราษฎร์บำรุงเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในชุมชนที่มีภูมิประเทศเป็นอ่าวมีชายทะเลที่สวยงามผู้ปกครองนักเรียนประกอบอาชีพประมงชายฝั่งน้ำตื้น หาหอยแมลงภู่ตามโขดหินโสโครกที่ยื่นลงไปในทะเล
ต่อมาได้มีผู้พัฒนาวิธีการเลี้ยงหอยแมลงภู่ด้ยหลักไม้ไผ่และแพเชือก โดยนำหลักไม้ไผ่ปักหลักลงดินนำไมไผ่ผูกเป็นแพติดกับหลักแล้วนำเชือกผูกติดกับแพหย่อนลงไปในแม่น้ำ
ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู นักเรียน และชุมชน ร่วมกันพิจารณาความสอดคล้องในการจัดการศึกษาระหว่างความรู้ในห้องเรียนและวิถีชีวิตจริงแล้วเห็นว่าหลักสูตรการศึกษาน่าจะต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตจริงของคนในชุมชน จึงได้เริ่มพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นการเลี้ยงหอยแมลงภู่ขึ้น โดยนักเรียนเข้าไปร่วมเรียนรู้กับชุมชนในรูปแบบการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมโครงงานในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ด้วยการนำไม้ไผ่และเชือกผูกเลี้ยงหอยแมลงภู่ไว้ใกล้ ๆ กับผู้เลี้ยงรายอื่น ๆ ในชุมชน
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานทำให้พบประเด็นสำคัญที่เป็นจุดอ่อนของการเลี้ยงหอยแมลงภู่ในวิธีการดั้งเดิม ดังนี้
• ในฤดูมรสุมช่วงเดือนตุลาคมต้องรีบเก็บหอยแมลงภู่ขึ้นจากทะเลเพราะลมมรสุมและคลื่นจะพัดพาแพเลี้ยงหอยให้หลุดลอยหรือเกิดความเสียหาย
• หอยแมลงภู่ที่รีบเก็บหนีลมมรสุมที่มีขนาดเล็ก เนื่องจากมีอายุการเลี้ยงสั้นทำให้ขายไม่ได้ราคา
จากปัญหาดังกล่าวทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้วิทยาเขตชุมพร ได้ให้คำแนะนำแก่โรงเรียนว่าควรจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงหอยแมลงภู่เสียใหม่
วิธีการใหม่ก็คือ การเลี้ยงหอยแมลงภู่ในทะเลด้วยหลักคอนกรีต ซึ่งสอดคล้องกับการัดการเรียนรู้งานอาชีพช่างปูนที่โรงเรียนได้ดำเนินการอยู่แล้ว ทางโรงเรียนจึงนำสิ่งที่จัดการเรียนรู้มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ใช้หลักคอนกรีตแทนหลักไม่ไผ่ ทำให้การเลี้ยงหอยแมลงภู่ประสบความสำเร็จโดยไม่ได้รับผลกระทบจากลมมรสุมแต่ประการใดโดยกำหนดขั้นตอนในการดำเนินงาน ดังนี้
• ออกแบบให้หลักเลี้ยงหอยมีน้ำหนักมาก เมื่อถึงฤดูมรสุมหลักจะได้ไม่หายไปกับคลื่น
• ออกแบบให้หลักเลี้ยงหอยมีขนาดไม่ยาวเกินไปจะได้จมอยู่ในทะเลน้ำตื้นชายฝั่งทะเลได้ตลอด
• ออกแบบให้หลักเลี้ยงหอยสามารถถอดออกได้เมื่อเก็บหอยได้แล้วก็ครอบลงไปใหม่ได้อีก
การทำหลักหอยแมลงภู่ด้วยคอนกรีตมีการทำแบ่งเป็น ๒ ส่วน
• การทำหลักปัก ใช้ท่อ PVC ขนาด ๑ ๑/๒ นิ้ว ยาวประมาณ ๑๔๐ ซม. รีดปลายข้างหนึ่งให้แบนใคอนกรีตให้เต็ม (เวลาใส่คอนกรีตจะได้ไม่ไหลและเวลาลงปักจะได้ปักลงง่าย ๆ )
• การทำหลักครอบ ใช้พิมพ์สักกสีขนาด ๖๐ x ๖๐ ซม. ม้วนให้กลมใช้ท่อ PVC ขนาด ๖ นิ้ว ตัดให้มีวงหนาขนาดประมาณ ๑/๒ นิ้ว ใส่พิมพ์ทำปลอกพิมพ์ตั้งเรียงไว้ เทคอนกรีตใส่ทำส่วนก้นประมาณ ๓ นิ้ว ทิ้งไว้พอเหมาะ แล้วใช้ท่อ PVC ขนาด ๒ นิ้ว ยาวประมาณ ๕๐ ซม. ใส่ทำแกนกลางแล้วเทคอนกรีตใส่รอบนอกท่อ PVC จนเต็ม (อย่าให้คอนเรีตตกลงในท่อ PVC) เมื่อปูนเริ่มหมาดให้รีบดึงท่อ PVC ออก จะได้นำท่อ PVC ไปใช้ได้อีก ทิ้งไว้ ๒ วัน แล้วแกะพิมพ์
การนำหลักลงปักในทะเล นำ หลักปัก ลงปักในทะเลที่มีน้ำขึ้นน้ำลงแล้วยังคงมีระดับน้ำอย่างน้อย ๑-๑.๕๐ เมตร ปักลงดินแล้วเหลือพ้นดินขึ้นมาประมาณ ๗๕ ซม. ระยะแต่ละต้น ๑ x ๑ เมตร เนื้อที่ ๑ ไร่จะปักได้ประมาณ ๑,๖๐๐ หลัก จากนั้นจึงนำหลักครอบไปครองลงบนหลักปัก
บทสรุปของความสำเร็จ
หลักสูตรท้องถิ่นการเลี้ยงหอยแมลงภู่ในทะเลด้วยหลักคอนกรีตประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ปัจจุบันได้ปักหลักเลี้ยงหอยไว้จำนวน ๕๐๐ หลัก นำหอยแมลงภู่ใช้ในโครงการอาหารกลางวันและจำหน่ายครั้งละ ๒๐๐ กิโลกรัม นับเป็นมิติใหม่ของการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริงสามารถจำความรู้ไปประกอบอาชีพได้ ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการถ่ายทอดภูมิปัญญาเข้าสู่การศึกษา คณะผู้บริหารและครูมีนวัตกรรมในการจัดการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง