บทเรียนออนไลน์ วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรื่อง การปฏิบัติตนเป็นชาวพุทธที่ดี
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 53.3K views



ผังมโนทัศน์สาระการเรียนรู้

 

ชาวพุทธ

 

 

หน้าที่ชาวพุทธ

๑. การเรียนรู้หน้าที่ของพระสงฆ์ในการปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยและจริยาวัตรเหมาะสม

– บิณฑบาตตอนเช้า

– ทำวัตรสวดมนต์และเจริญภาวนา

– พิจารณาปัจจัย ๔

– ทำความสะอาดที่อาศัยและวัด

– ช่วยเหลือพระอุปัชฌาย์และพระเถระ

– ดูแลร่างกายและเครื่องใช้ของตนให้เรียบร้อย

– ทำตนให้น่าเคารพ

๒. การเป็นศิษย์ที่ดีตามหลักทิศเบื้องขวาในทิศ ๖  ครูอาจารย์และศิษย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้องจะได้ชื่อว่าเป็นครูอาจารย์ที่ดีและศิษย์ที่ดี ศิษย์จะได้ความรู้และมีชีวิตเจริญก้าวหน้าต่อไป 

 

ทิศ 6

 

 

๓. การปฏิบัติหน้าที่ชาวพุทธตามพุทธปณิธาน ๔ ในมหาปรินิพพานสูตรมีดังนี้

– ศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

– ปฏิบัติตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

– เผยแผ่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

– ปกป้องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

๔. การศึกษาเรียนรู้องค์ประกอบของพระพุทธศาสนา ได้แก่

– มีพระพุทธเจ้า

– มีหลักคำสอน

– มีพระไตรปิฎก

– มีพระสงฆ์

– มีศาสนพิธี

– มีศาสนสถาน

 

องค์ประกอบสำคัญ

 

การศึกษาการรวมตัวขององค์กรชาวพุทธ  

องค์กรชาวพุทธ หมายถึง หน่วยงานที่รวมตัวกันของชาวพุทธเพื่อศึกษา เผยแผ่ และปกป้องพุทธศาสนา

        การปลูกจิตสำนึกในด้านการบำรุงรักษาวัดและพุทธสถาน  ชาวพุทธต้องช่วยกันรักษาและใช้ประโยชน์จากวัดและพุทธสถานให้ถูกต้องในฐานะเป็นที่พึ่งของประชาชน เพราะวัดและพุทธสถานมีความสำคัญในด้านต่างๆ     

 

การปลูกจิตสำนึก

  

       การเรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิตของศาสนิกชนของศาสนาอื่น ๆ ศาสนิกชนแต่ละศาสนาจะมีวิถีปฏิบัติต่างกัน ชาวพุทธต้องเรียนรู้วิถีชีวิตของศาสนิกชนต่างศาสนาเพื่อปฏิบัติต่อกันอย่างเหมาะสมซึ่งจะทำให้สังคมสงบสุข 

 

วิถีการดำเนินชีวิต

  

มารยาทชาวพุทธ  หมายถึง กิริยาวาจาที่ชาวพุทธปฏิบัติต่อกันอย่างสุภาพเรียบร้อย ได้แก่

– การปฏิบัติตนต่อพระสงฆ์ในงานศาสนพิธีที่บ้าน

– การสนทนากับพระสงฆ์ตามฐานะ

– การแต่งกายในการประกอบศาสนพิธี

ศาสนพิธี ชาวพุทธควรเข้าร่วมศาสนพิธีเพื่อความเป็นมงคลของชีวิต และปฏิบัติให้ถูกต้องดังต่อไปนี้

การปฏิบัติตนในศาสนพิธี

– การปฏิบัติตนในพิธีทำบุญงานมงคล

– การปฏิบัติตนในพิธีทำบุญงานอวมงคล

 

การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ หมายถึง การยอมรับว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ตนนับถือ ได้เรียบเรียงแบบแผนพิธีนี้ไว้ในสมัยรัชกาลที่ ๖ 

 

การปฏิบัติตนในศาสนพิธี

 

วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

ประวัติวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

วันมาฆบูชา เป็นวันคล้ายวันพระพุทธเจ้าประชุมสาวกครั้งแรก ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่

– เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๓

– มีพระสงฆ์สาวกเข้าประชุมโดยไม่ได้นัดหมาย ๑,๒๕๐ รูป

– พระสงฆ์สาวกล้วนเป็นพระอรหันต์

– เป็นพระสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าอุปสมบทให้โดยตรง

วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน แต่เกิดต่างปีกันในช่วงเวลา ๘๐ ปี 

วันอัฏฐมีบูชา เป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ 

 

สถานที่ประสูติ

  

สถานที่ตรัสรู้

  

สถานที่ปรินิพพาน

  

 สถานที่ถวายพระเพลิง

 

ประวัติและการปฏิบัติตนในวันธรรมสวนะและเทศกาลสำคัญ

วันธรรมสวนะ คือ วันพระ ในเดือนหนึ่ง มี ๔ วัน คือ วันขึ้น ๘ ค่ำ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ วันแรม ๘ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ค่ำ หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ สมัยพุทธกาลเรียกวันนี้ว่า วันอุโบสถ

เทศกาลเข้าพรรษา  เป็นวันที่พระสงฆ์ประจำวัดเป็นเวลา ๓ เดือนตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๘ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ เป็นช่วงหน้าฝน เพราะสมัยพุทธกาล มีพระสงฆ์เดินทางหน้าฝนเหยียบต้นข้าวและสัตว์เล็กในพื้นที่ของชาวบ้าน เสียหาย

เทศกาลออกพรรษา  เป็นวันที่พระสงฆ์จำพรรษาครบ ๓ เดือน มีการทำพิธีปวารณาส่วนพุทธศาสนิกชนจะทำบุญรักษาศีล

ประเพณีการตักบาตรเทโวในวันเทโวโรหณะ  เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากเทวโลกหลังขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พุทธศาสนิกชนชาวไทยกำหนดให้มีการตักบาตรครั้งใหญ่ในวันนี้

การปฏิบัติตนในการฟังพระธรรมเทศนา ควรทำให้ถูกต้องตามขั้นตอน

การปฏิบัติตนเกี่ยวกับการแต่งกายไปประกอบศาสนพิธีที่วัด ให้ยึดหลักความสุภาพเรียบร้อย และสะอาด

การงดเว้นอบายมุข

– อบายมุข ๖  คือ บ่อเกิดของความเสื่อมเสียและหายนะ ควรงดเว้นความชั่วทุกอย่างที่สร้างความเดือดร้อนแก่ตัวเองและผู้อื่น

การบริหารจิตและการเจริญปัญญา

การฝึกบริหารจิตและเจริญปัญญาตามหลักสติปัฏฐานเน้นอานาปานสติ

ความหมายของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา

– การบริหารจิต หมายถึง การฝึกจิตให้สงบ มีพลัง ไม่อ่อนไหวกับสิ่งกระทบ

– การเจริญปัญญา หมายถึง การพัฒนาให้เกิดปัญญา

วิธีปฏิบัติของการบริหารจิตและการเจริญปัญญาตามหลักสติปัฏฐานเน้นอานาปานสติ 

สติปัฏฐานมี ๔ ข้อดังนี้

– การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย คือ ให้รู้เท่าทันอิริยาบถ

– การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา คือการตั้งสติกำหนดตามความรู้สึก

– การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต คือการตั้งสติกำหนดให้รู้เท่าทันสภาพของจิต

– การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม คือ การตั้งสติกำหนดตามปรากฏการณ์หรืออารมณ์ที่เกิดกับจิต

อานาปานสติ หมายถึง การกำหนดลมหายใจเข้า-ออก จนจิตเกิดสมาธิ

วิธีปฏิบัติของการเจริญปัญญา จิตที่ฝึกจนสงบและมีประสิทธิภาพ ได้แก่

– สุตมยปัญญา คือปัญญาจากการฟัง อ่าน และเรียน

– จินตามยปัญญา คือปัญญาจากการพิจารณาเรื่องที่เรียนรู้มาวิเคราะห์เป็นความรู้ใหม่

– ภาวนามยปัญญา คือปัญญาจากการลงมือปฏิบัติ 

 

อานาปานสติ

  

ประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา

ประโยชน์ของการบริหารจิต มีดังนี้

– ทำให้ใจสงบ สุขภาพกายแข็งแรง รักษาโรคบางอย่าง

– ทำให้บุคลิกดี อารมณ์มั่นคง หน้าตาแจ่มใส

– การบรรลุนิพพาน จะเกิดประโยชน์ระดับนี้ได้ต้องมีจิตสงบมาก

ประโยชน์ของการเจริญปัญญา มีดังนี้

– มีเหตุผล เข้าใจสิ่งต่าง ๆ แจ่มแจ้ง มีระเบียบ หลุดพ้นจากกิเลส

– ช่วยลดปัญหาสังคม

การพัฒนาการเรียนรู้ด้วยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ ได้แก่ 

 

  

วิธีคิดแบบสืบสาวเหตุปัจจัย เป็นวิธีพิจารณาจากปัญหาไปสู่เหตุปัจจัย  มี ๒ แนว คือ

– คิดแบบปัจจัยสัมพันธ์

– คิดแบบสอบสวนหรือตั้งคำถาม

วิธีคิดแบบอริยสัจ หมายถึงวิธีคิดแบบแก้ปัญหา มี ๒ ลักษณะ คือ

– เป็นวิธีคิดตามเหตุและผล

– เป็นวิธีคิดที่ตรงจุด ตรงเรื่อง ตรงไปตรงมา

สัมมนาพระพุทธศาสนา หมายถึง การแลกเปลี่ยนความรู้ความเห็นเรื่องปัญหา มี ๓ แบบคือ

– การสัมมนาเกี่ยวกับปัญหาที่เป็นประเด็นน่าสนใจ

– การสัมมนาเกี่ยวกับหัวข้อตามสาระการเรียนรู้

– การสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพของครู ผู้สอน

 

 

ตัวอย่างการสัมมนาพระพุทธศาสนา ๒ หัวข้อ ได้แก่ 

ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง  เศรษฐกิจพอเพียงสรุปได้ ๒ ลักษณะคือ

– เศรษฐกิจพอเพียงในระดับแคบ หมายถึง การมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างพอประมาณ

– เศรษฐกิจพอเพียงในระดับกว้าง หมายถึง การที่สังคมหนึ่ง ผลิตสินค้าและบริการได้

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางพัฒนาประเทศในทางสายกลาง

องค์ประกอบของเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่

– ทางสายกลาง

– ความสมดุลและความยั่งยืน

– ความพอประมาณอย่างมีเหตุผล

– การมีภูมิคุ้มกันและรู้เท่าทันโลก

– การเสริมสร้างคุณภาพคน 

 

 องค์ประกอบของเศรษฐกิจพอเพียง

 

หลักพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียง มีตัวอย่างดังนี้ 

 

หลักพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียง

  

– ทิฏฐธัมมิกัตถะ คือ วิธีดำเนินชีวิตให้เกิดประโยชน์สุขในปัจจุบัน

– โภควิภาค การจัดสรรทรัพย์ที่หามาได้อย่างเหมาะสม

พระพุทธศาสนากับการพัฒนาที่ยั่งยืน  เศรษฐกิจต้องเจริญไปพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืนนั้นจะต้องประสานแนวทางพุทธ ในทางพระพุทธศาสนาเน้นให้มนุษย์พัฒนาด้วยกฎแห่งเหตุผล แบ่งเป็น ๒ ขั้นตอนคือ

– ก่อนเข้าสู่กระบวนการพัฒนา  ให้ศึกษาเรื่องมรรค ๘ เริ่มจากสัมมาทิฏฐิคือเชื่อว่าสิ่งทั้งหลายเป็นไปตามหลักเหตุผล

– กระบวนการพัฒนา ไตรสิกขา เป็นระบบที่ทำให้บุคคลพัฒนาอย่างสมบูรณ์และนำไปสู่สันติสุข 

 

 พระพุทธศาสนากับการพัฒนาที่ยั่งยืน

  

แหล่งที่มา : สำนักพิมพ์วัฒนาพานิช www.wpp.co.th