สุภาษิตสอนหญิง
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 70K views



สุภาษิตสอนหญิง

สุภาษิตสอนหญิง

        ในสมัยก่อนมีการเปรียบผู้หญิงเหมื่อนผ้าขาวสะอาด ซื่งถ้าเปรอะเปื้อนสิ่งใดแม้แต่น้อย ก็เกิดเป็นจุดตำหนิเสียแล้ว และตำหนิที่ว่านี้ก็เกิดได้โดยง่ายนัก ดังนั้นคนสมัยก่อนจึงจำเป็นต้องหาทางป้องกันในกรณีที่ยังไม่เกิดตำหนิในผ้าขาว และหาทางแก่ไขในกรณีที่ได้เกิดขึ้นแล้ว จึงได้มี..สุภาษิต.. หรือสุภาษิตสอนหญิงเกิดขึ้นในสมัยนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ป้องกันแก้ไขตำหนิต่างๆได้เป็นอย่างดี  สุภาษิต ได้แก่คำพูดที่พูดออกมา ไม่ว่าจะเป็นทำนองสำนวนโวหาร หรือคำพังเพย แต่มีเนื้อความหรือความหมายที่ดี เป็นคำตักเตือนสั่งสอน และสะกิดใจให้ระลึกถึงอยู่เสมอ มีอยู่ 2 ประเภท คือ 1. คำสุภาษิตประเภทที่ พูด อ่าน หรือเข้าใจเนื้อความได้ทันที โดยไม่ต้องแปลความหมาย ตีความหมายเช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว 2. คำสุภาษิตประเภทที่ พูด อ่าน หรือฟังแล้วยังไม่เข้าใจเนื้อความนั้นในทันที ต้องนึกตรึกตรอง ต้องแปลความ ตีความหมายเสียก่อนจึงจะทราบเนื้อแท้ของคำเหล่านั้น เช่น ผีบ้านไม่ดีผีป่าก็พลอย  สุภาษิตสอนหญิง เป็นที่รวมเเห่งคติในการครองตัวของหญิงตามวัฒนธรรมไทยดั้งเดิม เป็นที่ยกกย่องเเพร่หลายสืบต่อกันมาช้านาน เเส่วนมากคงถือปฏิบัติทุกวันนี้ จะมีเลิกถอนตามคตินิยมอย่างใหม่บ้างเพียงบ้างประการ เช่นการกราบเท้าสามีเมื่อเข้านอน หรือการรับประทนอาหารหลังสามีเป็นตัน

ตัวอย่างสุภาษิตสอนหญิง

บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงใช้พระนาน แฝงในการนิพนธ์สุภาษิตนี้ว่า อัญชัญ

“ขอประพันธ์จรรยาสุภาษิต ไว้เตือนจิตหญิงไทยในสยาม ทั้งเริ่มรุ่นลักขณาสง่างาม อยู่ในความดำริควรตริตรอง เป็นสตรีนี้ไซร้มิใช่ง่าย สงวนกายเราไว้อย่าให้หมอง จะยากจนคนไร้วิสัยทอง ย่อมจะต้องมีค่าราคาแพง เหมือนพิกุลดีจริงไม่ทิ้งกลิ่น ถึงตกดินจมทรายไม่หน่ายแหนง ยังหอมหวานชวนชื่นระรื่นแรง จนเหี่ยวแห่งไม่ทรามความนิยม แต่หอมกลิ่นมาลาที่ว่าหอม ชั่วถนอมเชยชิดสนิทสนม เฉพาะเมื่อจับต้องประคองชม เวลาดมชั่วครั้งไม่ยั้งยืน อันหอมนามความดีสตรีนั้น ไม่มีวันทรามเชยระเหยหืน ถึงมาตรแม้นตัวตายไม่คลายคืน ยังหอมชื่นชูนานเพราะความดี..”

“เป็นผู้หญิงตำราที่ว่าสวย ต้องประกอบด้วยเบญจลักษณ์เป็นศักดิ์ศรี ถึงไม่ครบทั้งห้าตามสามี สมัยนี้สำคัญด้วยจรรยา อันงามรูปงามทรัพย์บังคับยาก มีน้อยมากก็ตามชาติวาสนา ถึงร่างกายบุญกรรมก็ทำมา มิใช่ว่าสรรสร้างได้อย่างใจ ถึงพ่อแม่เราไซร้จะให้ทรัพย์ ก็สำหรับชาดเหลือช่วยเกื้อหนุน ย่อมจะเป็นแต่ละเมื่อที่เจือจุน ไม่เหมือนทุนทางวิชาจะหากิน ด้วยความรู้นั้นเลิศประเสริฐสุด เปรียบประดุจดังแควกระแสสินธุ์ จะวิดวักตักมาเป็นอาจินต์ ไม่รู้สิ้นแห้งขอดตลอดกาล เท่ากับทรัพย์ติดตัวชั้วชีวาตม์ ใครไม่อาจลอบลักมาหักหาญ มีวิชาห้าข้อพอประมาณ ที่นงคราญไทยเราควรเล่าเรียน ข้อที่หนึ่งชี้อ้างทางหนังสือ ต้องหัดปรือให้ชำนาญทั้งอ่านเขียน เป็นเบื้องต้นของวิชาอันทรงเกียรณ์จงพากเพียรพยายามตามปัญญา แม้ยังไม่เติมโตเป็นโอกาส จะสามารถเรียนได้หลายภาษา อย่าย่นย่อท้อถอยปล่อยเวลา หาวิชาเสียก่อนอย่านอนใจ มิเสียแรงเรียนรู้ถึงผู้หญิง ถ้าดีจริงอย่าพะวงคิดสงสัย รัฐก็นิยมให้ถมไป เมื่อทำได้รอบรู้เหมือนผู้ชาย เช่นตัวอย่างยังมีที่สถาน สำนักงานโทรศัพท์คอยรับสาย ใช้สตรีทำแทนแสนสบาย ไม่เสียหายการกิจสนิทดี อย่าทำถ่อมยอมแพ้แก่บุรุษ เรามนุษย์นี้หนามารศรี ถึงกำเนิดเกิดมาเป็นนารี วีชามีในตัวอย่ากลัวคน ข้อที่สองนั้นทางช่างประดิษฐ์ หัตถกิจเย็บปักเป็นมรรคผล สรรพสิ่งขึ้นชื่อฝีมือตน ตลอดจนหักฝ้ายทำด้วยปอ ควรจะเพียรเรียนรู้อย่าอยู่เปล่า เป็นงานเบากิจหญิงจริงจริงหนอ ยามธุระจะใช้ทำได้พอ ไม่ต้องง้อจ้างวานชาวบ้านทำ ด้วยความรู้รู้ไว้มิใช่ว่า เอาใส่บ่าแบกหามเลยงามขำ ถึงจะมีเงินทองไม่ต้องคลำ ไว้แนะนำวิชาเป็นอาจารย์ ก็มีคุณจุนเจือเหมือนเกื้อชาติ ให้สามารถรู้กิจโดยพิสดาร เพื่อวิชาสารพัดหัตถการ แผ่ไพศาลฟุ้งเฟื่องในเมืองไทย ข้อที่สามวิทยาทางค้าขาย ต้องขวนขวายฝึกหัดดัดนิสัย ให้รู้จักชักทุนหนุนกำไร และสิ่งได้ผลดีมีราคา ที่ซื้อง่ายขายคล่องไม่ต้องค้าง เนื่องในทางพานิชจะคิดหา จงพากเพียนเรียนจำเป็นตำรา ซึ่งวิชาอย่างนี้ดีเหมือนกัน เพราะหาทรัพย์นั้นไซร้ไม่จำกัด เราถนัดทางไหนต้องใฝ่ฝัน เมื่อได้โดยสุจริตไม่ผิดธรรม์ ย่อมเป็นอันต้องตามความนิยม การจำหน่ายขายค้าใช่ว่าเล่น รวยจนเป็นเศรษฐีก็มีถม ถ้าถูกช่องไม่ช้าอย่าปรารมภ์ อาจอุดมเร็วพลันไม่ทันนาน ข้อที่สี่นี้ไซร้ให้รู้จัก ทางพิทักษ์ไข้ป่วยช่วยสังขาร ต้องฝึกหัดซึ่งวิชาพยาบาล ให้ชำนาญรู้ไว้ในวิธี อีกทั้งกิจต่างต่างทางรักษา เป็นวิชาล้ำเลิศประเสริฐศรี เพราะโรคาอาพาธอาจจะมี รู้ไว้ดีติดขัดบำบัดตน ยังประโยชน์ยิ่งแท้แก่ประเทศ เมื่อมีเหตุยุทธนาโกลาหล ฝ่ายบุรุษนั้นเขาเข้าประจัญ เราเป็นคนพยาบาลทหารไป เกิดเป็นตัวชั่วดีต้องมีจิต กระหน่ำกิจช่วยชาติอย่าหวาดไหว เพื่อดำรงอิสระคณะไทย ของเราไว้ให้เจริญดำเนินทัน ข้อที่ห้าหน้าที่สตรีแท้ ทั้งควรแก่กิจหญิงทุกสิ่งสรรพ์ คือวิชาแพทย์บำรุงผดุงครรภ์ หญิงเหมือนกันสิ่งใดไม่ระคาง ถึงโดยที่ลี้ลับจะจับต้อง ก็แคล่วคล่องทำถนัดไม่ขัดขวาง ความละอายฝ่ายเขาก็เบาบาง เพราะแก่ทางวิทยาของนารี แพทย์ผู้ชายอย่างไรไม่สนิท ย่อมจะคิดอึดอัดน่าบัดสี เพราะฉะนั้นควรหัดแพทย์เสรี แต่ต้องมีเมตตากรุณาชน สำหรับใครไร้ทรัพย์ที่คับเข็ญ ก็จำเป็นช่วยเหลือเพื่อกุศล ถ้าผู้ดีมีทรัพย์ไม่อับจน จะหวังผลบ้างก็พอประมาณ ทุกข์ของหญิงยิ่งยอดการคลอดบุตร อกมนุษย์เหมือนกันสันนิษฐาน ต้องเผื่อแผ่วิทยาเป็นสาธารณ์ อย่าต้องการลาภผลทุกคนไป...”

ความสำคัญของคำพูด

เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา เเม้นพูดดีมีคนเขาเมตตาจะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ (คล้ายกับ ปลาหมอตายเพราะปากเลยว่าไหมคะ ) ความประหยัดมัธยัสถ์เเละความกตัญญู


มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท

อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์

จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง

อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน

ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน

เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล

จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ ได้การุญเลี้ยงรักษามาจนใหญ่ อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง ความสำคัญของความสาว เป็นสตรีสุดดีเเต่เพียงผัว จะดีชั่วก็เเต่ยังกำลังสาว ลงจนสองสามจืดไม่ยืดยาว จะกลับหลังอย่างสาวสิเต็มตรอง

ความสำคํญของความรู้

รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา จึงจะเบาแรงตนช่วยขนขวาย มีข้าไทใช้สอยค่อยสบาย ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง

****************************************

อย่าคบพวกหญิงพาลสันดานชั่ว ที่แต่งตัวไว้จริตผิดกระสวน สุริย์ฉายบ่ายคล้อยเที่ยวลอยนวล เป็นเชิงชวนพวกเจ้าชู้เขารู้กล พอรุ่งเช้าเฝ้าแต่มองส่องเกศี ให้เวียนหวีได้วันละพันหน ตรงการงานขี้คร้านเป็นกังวล แต่งแต่ตนมิได้เว้นสักเวลา ครั้นได้ยินเสียงกลองมาก้องหู ยังไม่รู้เนื้อความเที่ยวถามหา วันนี้มีละครใครที่ไหนมา แม้นรู้ว่าเจ้ากรับเต้นหรับไป นั่งพินิจพิศโฉมประโลมหลง ดูจนปลงกรรมฐานเหงื่อกาฬไหล บ้างก็เห็นว่างามเลยตามไป ช่างกระไรหนอขนิษฐ์ไม่คิดอาย บ้างก็รักข้างนักเลงเล่นเครงครื้น เที่ยวกลางคืนคบเพื่อนเดือนหงายหงาย ห่มเพลาะดำทำปลอมออกกรอมกาย พวกผู้ชายชักพาเที่ยวร่าเริง ครั้นไปไปใจแตกลงแหกคอก ปะแตกปลอกต้ำผางวางจนเหลิง ควาญหมอรอไม่ติดเห็นผิดเชิง จะเปิดเปิงเข้าป่าไปท่าเดียว ใครจะห้ามปรามไว้ก็ไม่ฟัง ทำส่งเสียงเถียงดังให้กราดเกรี้ยว ถือว่าตนเปรื่องฉลาดปราชญ์ประเปรียว ประจบเที่ยวรู้จักทุกพักตรา พูดก็มากปากก็บอนแสนงอนนัก เห็นเขารักกันไม่ได้ใจอิจฉา เที่ยวรอนราญจนเพื่อนบ้านเขาระอา นั่งที่ไหนให้นินทาเขาเป็นแดน ที่ส่วนตัวถึงจะชั่วออกล้นพ้น สู้ปิดปากยกตนนี่สุดแสน ไม่ทำมาหากินจนสิ้นแกน ก็เลยแล่นเข้าบ่อนนอนสบาย หญิงเช่นนี้เห็นไม่มีเจริญแล้ว ให้แว่วแว่วอยู่ข้างทางฉิบหาย ลงสูบฝิ่นกินเหล้าอยู่เมามาย ไม่เสียดายอินทรีย์เท่าขี้เล็บ มือก็ไวใจก็กล้าหน้าก็ด้าน จะเอาขวานไปถากไม่อยากเจ็บ แต่ผ้าขาดก็ไม่ปรารถนาเย็บ ขี้เกียจเก็บพลัดวางได้กลางเรือน อันการเหย้าไม่เอาเป็นธุระ คิดแต่จะเที่ยวตลบไปคบเพื่อน คบกันได้แต่นิสัยพวกแชเชือน จะคบคนพลเรือนก็เต็มที ชั้นจะยืมของใครเขาไม่เชื่อ ด้วยตัวเหลือโป้ปดสบถถี่ ปากก็หวานเหมือนน้ำตาลเพชรบุรี ข้าวของมีให้ไปไม่ได้คืน แม้นใครไปสมทบเข้าคบค้า จนชั้นผ้าไม่ติดตัวแต่สักผืน มีแต่ภัยให้ระยำทุกค่ำคืน ใครจะชื่นชมชิดไปคิดคบ หญิงไม่ดีนั้นก็มีอยู่หลายพวก จำจะบวกบอกใส่เสียให้จบ ที่คนดีจะได้ดูให้รู้ครบ หล่อนจะได้ไม่คบพวกคนพาล

 

เครดิต https://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/สุภาษิตสอนหญิง