สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
ทีมงานทรูปลูกปัญญา
|
18 ม.ค. 65
 | 317.3K views



สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) 

ราชวงศ์: ราชวงศ์อู่ทอง
รองราชย์: พ.ศ. 1893
ระยะครองราชย์: 19 ปี 
รัชกาลก่อนหน้า: พระเจ้าบรมราชา (อาณาจักรละโว้ ราชวงศ์สายน้ำผึ้ง) 
รัชกาลถัดไป: สมเด็จพระราเมศวร 
พระพุทธปฏิมาประจำรัชกาล: พระพุทธรูปปางประทานเอหิภิกขุ ณ หอราชกรมานุสรณ์

ข้อมูลส่วนพระองค์
สวรรคต: พ.ศ. 1912 
พระราชชนก: มีหลายตำนาน 
พระราชชนนี: มีหลายตำนาน 
พระมเหสี: ไม่ปรากฏพระนาม (พระกนิษฐาในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1) 
พระราชโอรส/ธิดา: สมเด็จพระราเมศวร

       สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทอง ทรงเป็นพระปฐมบรมกษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 1893 ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของอาณาจักรอยุธยา เมื่อ จุลศักราช 712 ปีขาล โทศก วันศุกร์ เดือนห้า ขึ้นหกค่ำ เวลา 3 นาฬิกา 9 บาท (ตรงกับ พ.ศ. 1893) มีพระนามเต็มว่า สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุนทรบรมบพิตร พระเจ้าอยู่หัว และเสด็จสวรรคต เมื่อ ปีระกา เอกศก จุลศักราช 731 (ตรงกับ พ.ศ. 1912) ครองราชสมบัติ 20 ปี ผู้สืบราชพระราชบัลลังก์ต่อคือ สมเด็จพระราเมศวร

พระนาม

• สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุนทรบรมบพิตร (พระนามในพระราชพิธีขึ้นครองราชย์)
• สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (หลังจากขึ้นครองราชย์)
• พระยาอู่ทอง (ก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์)
• สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทร บรมมหาจักรพรรดิศรราชาธิราช (ในโองการแช่งน้ำ)
• สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสุนทรบรมจักรพัตราธิราช (ในกฎหมายลักษณะอาญาราษฎร์)
• สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสุรินทร บรมจักรพรรดิศร บวรมหาธรรมิกราชาธิราช (ในกฎหมายลักษณะอาญาหลวง)

ที่มาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1

       แนวความคิดที่ 1
       พระเจ้าอู่ทองมาจากอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแนวความคิดของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ แต่ในปัจจุบันแนวความคิดนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้วเนื่องจากการสำรวจหลักฐานทางโบราณคดีของ อ.มานิต วัลลิโภดม ที่เมืองอู่ทองแล้วพบว่า เป็นศิลปกรรมสมัยทวารวดีตอนปลาย ราวพุทธศตวรรษที่ 16 - 17 ทั้งสิ้น แล้วประมาณอายุเมืองนี้ว่าต้องร้างไปก่อนสมัยสมเด็จพระรามาธิบดี ผู้สร้างพระนครศรีอยุธยาราว 200 ปี ศาสตราจารย์ชอง บวสเซอลิเย่ แห่งมหาวิทยาลัยปารีส ประเทศฝรั่งเศสมาร่วมขุดค้นทางโบราณคดีที่เมืองอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2511 สรุปว่าเมืองอู่ทองโบราณนี้ร้างไปแล้วเป็นเวลาถึง 300 ปีก่อนยุคของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1

        แนวความคิดที่ 2
       สืบเชื้อสายมาจากกลุ่มผู้ปกครองทางเหนือ ในตำนานสิงหนวัติกล่าวว่า พระเจ้าอู่ทองสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าพรหมกุมาร มีต้นวงศ์อยู่ที่เมืองเชียงแสนหรือแคว้นโยนกนคร ต่อมาพระเจ้าพรหมได้อพยพมาสร้างเมืองที่เชียงรายหรือเวียงไชยปราการ กษัตริย์ที่เวียงไชยปราการที่ปกครองสืบต่อมาถูกเมืองสุธรรมวดีรุกราน จึงอพยพอยู่แถบบริเวณเมืองไตรตรึงส์สืบต่ออายุมาหลายชั่วคน จนถึงพระเจ้าอู่ทองหรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ที่ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

       แนวความคิดที่ 3
       แนวความคิดที่ว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นชาวจีน เป็นเพียงการอ้างอิงจากพงศาวดารฉบับวันวลิต อีกทั้งก็ไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีมาสนับสนุน ข้อสันนิษฐานนี้จึงไม่มีน้ำหนักมากพอเช่นกัน

       แนวความคิดที่ 4
       พระเจ้าอู่ทองมาจากเมืองเพชรบุรี(พริบพรี) ที่กล่าวถึงในจดหมายเหตุลาลูแบร์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ รวมถึงยังมีตำนานที่กล่าวอ้างอิงถึงอยู่บ้าง โดยกล่าวว่า สมเด็จพระบรมราชาสถาปนาพระพุทธไตรรัตนนายกได้ 1 ปีก็เสด็จออกผนวช แล้วสถาปนาเจ้าชายวรเชษฐ์ ให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ครั้นลาสิกขาแล้ว ก็โปรดให้เจ้าชายวรเชษฐ์ไปครองเมืองเพชรบุรี ซึ่งตำนานระบุว่าต่อมาคือสมเด็จพระรามาธบดีที่ 1

       แนวความคิดที่ 5
       พระเจ้าอู่ทองอยู่ที่บริเวณอยุธยานี้เดิมอยู่แล้ว เดิมเป็นเจ้าเมืองอโยธยา เมื่อมีโรคระบาดดังกล่าวก็ได้เสด็จมาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณที่เป็นกรุงศรีอยุธยาในปัจจุบัน

       แนวความคิดที่ 6
       พระเจ้าอู่ทองสืบเชื้อสายมาจากเจ้าเมืองลพบุรี โดยอ้างหลักฐานทางลายลักษณ์อักษรจากชินกาลมาลีปกรณ์ ที่กล่าวถึงกษัตริย์จากเมืองอโยธยปุระเสด็จมาจากเมืองกัมโพชหรือลพบุรีในปัจจุบันมายึดเมืองชัยนาทหรือพิษณุโลกในปัจจุบัน แล้วตั้งขุนนางชื่อวัฏเดชหรือขุนหลวงพะงั่วครองเมืองสุพรรณภูมิ ญาติของวัฏเดชได้อภิเษกกับพระเจ้าอู่ทองแล้วพระองค์ก็ได้เสด็จกลับไปที่เมืองอโยธยปุระ

        แนวความคิดที่ 7
       อพยพหนีการกบฎของทาสชาวเขมรมาจากนครวัด โดยหัวหน้าทาสที่ก่อการกบฎมีนามว่า แตงหวาน (ตระซก ประแอม) ซึ่งพงศาวดารเขมรฉบับแรกสุด (ที่ยังไม่มีอิทธิพลของฝรั่งเศส) ก็อ้างว่าตระซกประเอมนี้คือบรรพบุรุษต้นกำเนิดของชาวเขมร การที่ชินกาลมาลีปกรณ์แห่งล้านนาบันทึกว่าพระเจ้าอู่ทองมาจากแคว้นกัมโพช ก็ตรงกันว่า แม้อพยพมาอยู่อยุธยาก็ยังคงเป็นกษัตริย์ของกัมโพช (นครวัด) ดังเดิม

       ตามหลักฐานและโบราณคดี
       ทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ในแนวคิดที่ 4 5 และ 6 สามารถผนวกรวมกันได้ กล่าวคือ เมื่อพิจารณาตำนานทั้งหลายแล้ว เจ้าชายวรเชษฐ์ ทรงเป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมราชา กษัตริย์แห่งอาณาจักรละโว้ (แนวความคิดที่ 6) ต่อมาพระราชชนกโปรดให้ไปครองเมืองพริบพรี (แนวความคิดที่ 4) และหลังจากพระราชชนกเสด็จสวรรคตแล้ว ทรงกลับมาครองเมืองอโยธยา (แนวความคิดที่ 5) จากนั้นจึงเกิดโรคระบาด จึงทรงย้ายที่ตั้งเมืองมายังตำแหน่งปัจจุบัน

       พระราชกรณียกิจ

       การสงครามกับเขมร
       ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 พระองค์ทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับแว่นแคว้นต่างๆมากมาย แม้กระทั่ง ขอม ซึ่งก็เป็นมาด้วยดีจนกระทั่งกษัตริย์ขอมทรงสวรรคต พระราชโอรสนาม พระบรมลำพงศ์ ทรงขึ้นครองราชย์ ซึ่งพระบรมลำพงศ์ก็แปรพักตร์ไม่เป็นไมตรีดังแต่ก่อน สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 จึงมีบัญชาให้ สมเด็จพระราเมศวร ยกทัพไปตีกัมพูชา และให้สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือ ขุนหลวงพะงั่ว ทรงยกทัพไปช่วย จึงสามารถตีเมืองนครธมแตกได้ พระบรมลำพงศ์ทรงสวรรคตในศึกครั้งนี้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 จึงแต่งตั้ง ปาสัต พระราชโอรสของพระบรมลำพงศ์เป็นกษัตริย์ขอม

ตรากฎหมาย

สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ทรงประกาศใช้กฎหมายถึง 10 ฉบับ ในรัชสมัยของพระองค์ ได้แก่ 
• พระราชบัญญัติลักษณะพยาน 
• พระราชบัญญัติลักษณะอาญาหลวง 
• พระราชบัญญัติลักษณะรับฟ้อง 
• พระราชบัญญัติลักษณะลักพา 
• พระราชบัญญัติลักษณะอาญาราษฎร์
• พระราชบัญญัติลักษณ์โจรพระราชบัญญัติเบ็ดเสร็จว่าด้วยที่ดิน 
• พระราชบัญญัติลักษณะผัวเมีย 
• พระราชบัญญัติลักษณะโจรว่าด้วยโจร 
ในประวัติศาสตร์บางแหล่งบอกว่ามีมากกว่านี้ แต่เท่าที่หาหลักฐานได้ มีเพียงเท่านี้เท่านั้น

การศาสนา

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างวัดต่างๆ เช่น
• ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพุทไธสวรรย์ เมื่อปี พ.ศ. 1876
• ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดป่าแก้ว เมื่อปี พ.ศ. 1900
• ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระราม เมื่อปี พ.ศ. 1912

พระโอรส

• พระราเมศวร พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา

ที่มา: https://th.wikipedia.org/wiki