ลูซิเฟอร์ (Lucifer)
สมาชิกเลขที่95771 | 28 ก.ค. 55
77.5K views

ลูซิเฟอร์ (Lucifer)  Pride - ความเย่อหยิ่ง

เปิดโปงโฉมหน้าซาตาน  ลูซิเฟอร์ (Lucifer) จอมมารแห่งนรก มีบทบาทเป็นอย่างมากในพระตำนานของศาสนาคริสต์
หลายท่านคงยังสงสัยว่า ซาตานคือใคร และมาจากไหน
คำ ว่าลูซิเฟอร์ เป็นคำละตินมาจากคำว่า Lux แปลว่าแสงสว่าง และ Ferrer แปลว่า ผู้นำมา หรือผู้ถือ นำมารวมกันแปลว่า "ผู้นำมาซึ่งแสงสว่าง" หรือแปลในแบบที่เข้าใจง่ายๆ ว่า "รุ่งอรุณ" หรือ "ดาวแห่งแสงสว่าง"
มิคาเอลหัวหน้าแห่งเทพขับไล่ลงมาสู่โลกมนุษย์แต่ในฐานะที่เคยเป็น เทพชั้นสูงมาก่อนก็เลยถูกให้เป็นเทพแห่งความตายแทน ลักษณะของเทพLucifer คือ มี 12 ปีกเรืองแสงได้ เป็นเทพที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในบรรดาเทพทั้งปวง (แต่รองจากพระเจ้า) ถ้าเราเปิดหาความหมายจากดิกชั่นนารี จะแปลว่าเทพแห่งความตาย ปีศาจ เป็นต้น ดูมาจากหนังสือการ์ตูนบ้าง คัมภีร์ไบเบิ้ล

อัคร เทวทูตองค์นี้ ได้ถูกองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาจากแสงสว่าง และให้ความเอ็นดูเป็นอย่างมาก อาจถือได้ว่า เป็นทูตสวรรค์ที่เป็นใหญ่รองมาจากพระเป็นเจ้า และเป็นอัครเทวทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ ทว่า ด้วยความที่นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือทูตสวรรค์ จึงได้กระทำการก่อกบฏหักหลังองค์พระเป็นเจ้า และในที่สุดก็ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ กลายมาเป็น"ปีศาจ"ตามตำนานของชาวฮิบรู โดยที่ลูซิเฟอร์ ได้ถูกยุยงโดยซาตานอีกทีหนึ่ง (ซึ่งทำให้ทราบว่า ตามตำนานฮิบรู ลูซิเฟอร์ และ ซาตานนั้น ไม่ใช่คนเดียวกันแต่อย่างใด) ในพระคัมภีร์ของชาวฮิบรูนั้นได้กล่าวไว้ว่า ซาตานเคยเป็นหนึ่งในอัครเทวทูต มีชื่อว่า Satan-Sataniel หรือ Samael ว่ากันว่าซาตาน ต้องการจะครอบครองทุกสิ่ง มีอำนาจดั่งพระเจ้า จึงได้ยุยง บ้างก็สิงสู่)เทพบางองค์ ทำให้กลายมาเป็นเป็นมารร้าย

ทำไมลูซิเฟอร์ถึงได้เป็นตัวแทนของบาปแห่งความหยิ่งพยองทุกๆท่านก็คงรู้แล้วสินะคับ
เป็นเพราะลูซิเฟอร์นึกว่าตนเองเก่งกว่าใครและมีพลังมากกว่าคนอื่น ทำให้หลงผิดและก่อกบฏขึ้น ทำให้ก่อสงครามสวรรค์ที่ยิ้งใหญ่ที่สุด
โดยลูซิเฟอร์ได้ชักจูงเทพ 2 ใน 3 (บางก็ว่า 3/5) ของเทพบนสวรรค์ มาต่อสู้กับกองทัพสวรรค์ นับทับโดย
อัคระเทวฑูต มิคาเอล และได้พ้ายแพ้ไปในที่สุด
ในตำนานบอกไว้ว่าลูซิเฟอร์นั้น มักจะปรากฏกายในรูปของมังกร หรือ สิงโต และมีลูกน้องที่พักดีเสมือนแขนทั้งสองข้าง
ชื้อว่า Satanackia และ Agalierap

ตามตำนานของชาว คริสต์ จากคัมภีร์พันธะสัญญาเก่า ได้แปลคำว่า Helel เป็น ลูซิเฟอร์ และได้มีการโยงถึงปีศาจร้ายที่มีร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่ลอบเข้ามาในสวนอีเดนและหลอกลวงอาดัม และอีฟ
ลูซิเฟอร์หรือซาตานเป็นชื่อเดียวกัน แต่เดิมลูซิเฟอร์เป็นทูตสวรรค์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาให้มาดูแลสวนอีเดนที่มี อดัมและอีวา บุตรที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเป็นคู่แรก บนสวนสวรรค์แห่งนี้ ลูซิเฟอร์มีจิตพิศวาสอีวา ล่อลวงจนอีวากระทำผิดข้อห้าม ตามแรงปรารถนาที่ลูซิเฟอร์เข้าครอบงำ ลูซิเฟอร์พยายามอวดอ้างและเป็นปฎิปักษ์ต่อพระเจ้าอยู่เนื่องๆ ต่อมาทูตสวรรค์นามเซนต์ไมเคิล ได้ต่อสู้กับลูซิเฟอร์จนมีชัย และเนรเทศให้ลงมาอยู่ในนรก พร้อมทั้งเหล่าสาวก คอยครอบงำและนำมาซึ่งความชั่วร้าย ผิดศีลธรรมจรรยา ต่อจิตใจมวลมนุษย์ที่อ่อนแอ ให้คอยต่อต้านพระเจ้าตลอดไป
เดิมนั้นซาตานหาใช่หัวหน้าปีศาจหรือเจ้าแห่งอสูรกาย อย่าง ในปัจจุบัน แต่คือเทพบุตร ลูซิเฟอร์ เทพบุตรรูปนี้มีรูปร่าง หน้าตางดงามที่สุดในบรรดาทูตสวรรค์ทั้งปวง อีกทั้งยังมี แสงสุกใสเรืองรองออกมาจากร่างจนได้ชื่อว่าเป็น โอรสแห่ง รุ่งอรุณ และเป็นที่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้ายิ่งนัก

- แต่ดูเหมือนว่า ลูซิเฟอร์ จะเป็นเทพประเภทรูปหล่อ เอาแต่ใจ เพราะอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างโลกและมนุษย์ขึ้น ลูซิเฟอร์เห็นว่ามนุษย์ที่ส้รางขึ้นมานั้น พระผู้เป็นเจ้าเลียบแบบ หน้าตาจทูติสวรรค์ จึงเกิดความไม่พอใจ กล่าวว่า

" เมื่อพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาให้เหมือนกันพวกหม่อมฉัน ได้ หม่อมฉันนี่แหละจะเป็นผู้ทำลายมันให้ย่อยยับไปกับมือ "

-พระผู้เป็นเจ้าได้เห็นธาตุแท้ของเทพบุตรผู้เคยโปรดปราน จึงบันดาลโทสะ " อุเหม่.. คิดจะหล่ออยู่ คนดียวหรือไงยะ" ว่าแล้วก็ขับไล่ลูซิเฟอร์ไปจากสวรรค์ ไปออยู่ในนรก



ภาพตอนตกสวรรค์แล้ว
"ข้าขอเป็นใหญ่ในนรก ดีกว่าเป็นทาสให้ดูถูกบนสวรรค์"

เปลี่ยนจากเทพบุตรเป็นซาตาน
เมื่อเทพบุตรถูกขับลงมาอยู่ในนรกจึงเกิดความคลั่งแค้น ตั้งตนเป็นหัวหน้าปีศาจ อสูรกาย เปลี่ยนฐานะจาก "โอรสแห่งรุ่งอรุณ " เป็น " เจ้าชายแห่งความมืดและความชั่วร้าย" นำกองทัพปีศาจบุกไปยังสวรรค์อาละวาด ต่อสู้กับเหล่าเทพบนสวรรค์



ขณะนั้นเกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ มีคาเอลกับบรรดาฑูตสวรรค์ของท่านต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับบริวารของมันก็ต่อสู้ แต่มันพ่ายแพ้และพบว่าไม่มีที่อยู่สำหรับพวกมันในสวรรค์อีกต่อไป พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย?

จิตใจของเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า เจ้ากระทำให้สติปัญญาของเจ้าเสื่อมทรามลง เพราะเห็นแก่ความงามของเจ้า เราเหวี่ยงเจ้าลงที่ดินแล้ว?





นี่คือภาพสัญลักษณ์ของลูซิเฟอร์ เค้าว่ากันว่ามันอาถรรณ์มากๆ 
รูปลักษณ์ของซาตาน

- สมัยเป็นเทพอยู่บนสวรรค์ ได้ชื่อว่าเป็นเทพบุตรที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม จนได้ฉายาว่า "โอรสแห่งรุ่งอรุณ" แต่เมื่อถุกขับไล่ออกมายังนรก ก็มีรูปร่างต่างไปราวฟ้ากับดิน คือ กลายเป็นจอมอสูรกายที่มีปีก เจ้าเล่ห์น่าเกลียด น่ากลัว สุดแท้แต่จิตกรจะวาดให้มันน่ากลัวเพียงไหน แถมบนหัวยังมีเขางอกออกมา ข้างหนึ่งบ้างสองข้างบ้าง ส่วนขามีลักษณะคล้ายกับขาของแพะ ปีกทั้งสองข้างดูเหมือนกันค้างคาว หรือค้างคาวผี มีหางงอกออกมายาวเฟื้อย ปลายหางนั้นหยักออกมาเป็นลูกศรแหลมอีกต่างหาก


อิทฤทธิ์ของซาตาน

- อาวุธของซาตานคือ สามง่ามแบบมีด้ามถือทำจากเหล้กแหลม ใช้ได้สารพัดประโยชน์แล้วแต่ผู้แต่งจะจินตนาการ ให้ปล่อยแสงหรือทิ่มแทงรบรากับคู่ต่อสู้ได้ทั้งนั้น และมีตพแหน่งเป็นหัวหน้าอสูรกาย นำกำลังบุกขึ้นสวรรค์ ไปอาละวาดต่อสู้กับเทพเจ้าบนสวรรค์ นอกจากนั้นยังแปลงกายได้สารพัด หายตัวล่องหน รวมทั้ง เหาะเหิน เดินอากาศ

วิธีป้องกันและจัดการกับซาตาน

- ซาตานเป็นถึงเจ้าแห่งอสูรกาย คนธรรมดาคงไม่สามารถต่อกรกับมันได้ ต้องยกให้เป็นหน้าที่ของเหล่าเทพบน สวรรค แต่สำหรับวิธีป้องกันนั้นไม่ยาก เพราะซาตานจะครอบงำได้เฉพาะผู้ที่อยู่ใน รัก โลภ โกรธ หลง เท่านั้น เมื่อใดที่ท่านอยู่ในอารมณ์ที่ชั่วร้าย ซาตานก็จะมาสิงทำให้ทำอะไรผิดทำนองครองธรรม

- และเนื่องจาก ซาตาน สามารถแปลงกายได้สารพัด เวลานี้อาจจะมาอยู่ใกล้ๆท่านก็ได้ ลองดูตนเองในกระจกเงา เวลาที่อารมณ์เสีย มีจิตใจอาฆาตร พยาบาทแล้สท่านจะได้พบกับตัวจริงของซาตาน



พักพวกของ ลูซิเฟอร์ 7ปีศาจ ที่เก่งและหน้ากลัวที่สุด
1.ซาตาน (SATAN) <---- เป็นคนละคนกันกับลูซิเฟอร Anger - ความโกรธ




ว่ากันว่าซาตานคือเทพแพนหรือบาโพเมท

บาโพเมท เป็นเทพแห่งความอุมสมบูรณ์ของสัทธิเพเกินเป็นมนุษย์ประหลาดมีหัวเป็นแพะมีเขายาว และมีปีกนั่งอยู่บนแท่ง

ความจริงแต่เดิมซาตานเป็นเทพ ชื่อแพน เป็นเทพหน้าแพะ The goat-god ให้พลังอำนาจแห่งความปราถนา อนยากที่จะหยุดยั้งหรือควบคุม โดยเฉพาะความต้องการทางเพศอันรุนแรง ชาวกรีกแต่โบราณก็บูชาเทพองค์นี้ เพื่อขอให้ได้กำเนิดบุตร (เหมือนกับชาวอินเดียบางกลุ่มที่บูชาศิวลึงค์) อำนาจแห่งความลุ่มหลงในอารมณ์ใคร่ รสสัมผัสอันเย้ายวนของอิสตรี เป็นพลังมืดที่ซ่อนเร้นในจิตใจมนุษย์ และเทพบุตรแพนชอบที่จะดลจิตใจใฝ่ราคะนี้เข้าสู่มวลมนุษย์มากจนเกิดความ วุ่นวายขึ้นในโลก จึงโดนลงโทษขับไล่ลงจากสวรรค์มาสร้างอาณาจักรใต้พื้นภิภพ อาณานิคมแห่งใหม่ ถูกขานนามว่า นรกนิเวศ์ เป็นที่อยู่อาศัยของวิญญาณอันชั่วร้าย สะสมไว้ด้วยกองกิเลส บุคคลที่เต็มไปด้วย โลภะ โมหะ โทสะ จึงมักจะเดินทางไปสู่ปรโลกเสียส่วนมาก



กาลครั้ง1 ยังไม่นานมาก มีหญิงคน 1 อายุประมาณ32ปี ชื่อว่า " บาร่า " เนื่องจากเธอมีนิสัยเป็นคนใจดำไม่ชอบช่วยเหลือใคร จึงไม่มีคนในหมู่บ้านคบค้าสมาคมชมดาวด้วย แต่แล้วเทพเจ้าแห่ง Loki ก็เสด็จมาเยือนหมู่บ้านแห่งนั้น จึงมีประชาชนขอร้องให้กำจัด บาร่าออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ เออขอประทานโทษครับที่ลืมบอกชื่อหมู่บ้านไปหมุ่บ้านนี้มีชื่อว่า" เมืองซู " ซึ่งจะมีปราสาทหลังใหญ่เอาไว้สำหรับสักการะบูชาเทพเจ้า Loki



ย้อนกลับมาที่ บาร่านะครับ เมื่อเทพเจ้า Loki เสด็จลงมา จึงมีคนขอร้องให้กำจัดบาร่าไปที เทพเจ้าLoki เห็นว่าบาร่าเป็นคนไม่ดีจึงสาปให้บาร่ากลายเป็นกวางมูส แต่คำสาปเกิดผิดพลาดทำให้บาร่ากลายเป็นปีศาจอันทรงพลัง มีเคียวอันใหญ่เป็นอาวุธ มีนามว่า" บาโฟ " แต่เหตูการณ์ก็ไม่แย่ลงเพราะเทพเจ้า Loki สามารถปิดผนึกบาโฟ ไว้ในปราสาทที่เป็นสิงสถิตย์ของเทพเจ้า Loki บ้านเมืองจึงสงบสุข แต่เหตุการณ์ก็ผวนคืน เมื่อลูกๆของบาร่าหรือบาโฟ นั้นโตขึ้นจึงแก้แค้นให้แม่ โดยการเข่นฆ่าคนในหมู่บ้าน เทพเจ้า Loki จึงต้องออกมาปราบ โดยสาปให้เป็นกวางมูสตัวเล็กแต่ด้วยอำนาจด้านมืดทำให้กลายเป็นปีศาจรูปร่าง แบบเดียวกับบาโฟ

....บาโฟ มีเคียวอันเล็กเป็นอาวุธ แต่ในเมื่อไม่มีชื่อชาวบ้านจึงขนานนามมันว่า " บาโฟ จูเนียร์ " แล้วเทพเจ้า Loki จึงปิดผนึกพวกมันโดยนำไปไว้ที่เดียวกับบาโฟ บ้านเมืองจึงสงบสุข



เวลาผ่านไป800ปี อำนาจของบาโฟก็สามารถทำลายพลังของเทพเจ้า Loki และได้สร้างกองทัพปีศาจ มาต่อกรกับเทพเจ้า Loki และในที่สุดบาโฟก็สามราถปราบเทพเจ้า Loki ได้สำเร็จและยึดครองเมืองซู เป็นอาณาจักรแห่งปีศาจ จากนั้นก็กลายเป็นเมืองร้าง

....ชื่อ Baphomet น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักเล่นเกม โดยเฉพาะผู้เล่น RO น่าจะจำความร้ายกาจของมันได้ ^^

....มาคราวนี้ผมเลยมาเจาะลึกเรื่อง Baphomet ที่หลายๆคนน่าจะอยากรู้ครับ

....Baphomet เป็นรูปเคารพที่ถือเป็นเทพของลัทธิที่บูชา satan ลัทธิหนึ่งที่เป็นที่เคารพของ Templar (อัศวินทางศาสนา) โดยที่ Baphomet เป็นเครื่องหมายแห่งความชั่วร้าย และ มนต์ดำ เป็นเครื่องหมายที่แทนถึง satan



เรื่องของ Baphomet เป็นส่วนหนึ่งของตำนานทาง Templar มีหลายตำนานและหลายเรื่องราวที่มีการพูดถึง Baphomet แม้จะผ่านมากว่า 600 ปีแล้ว แต่เรื่องราวของ Baphomet ยังคงเป็นสิ่งลึกลับที่น่าสนใจอย่างไม่เสื่อมคลาย เรื่องของ Baphomet อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 19 เชื่อกันว่ากลุ่ม Templar ที่เป็นอัศวินของทางศาสนา ได้มีการสร้างลักทธิความเชื่อในการบูชาเทพปีศาจนาม Baphomet พวกเขามีพิธีกรรมต่างๆที่แสนจะแปลกพิศดาร ที่จะกระทำต่อ Baphomet เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอำนาจและวัตถุประสงค์ต่างๆ


....พิธีกรรม ของ Baphomet มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่ขั้นต้นที่อัญเชิญ Baphomet มา การให้ Baphomet เข้าสิงร่างและควบคุมร่างอย่างสมบูรณ์ (ตัวผู้ถูกสิงจะไม่มีสติเลย) รวมไปถึงการติดต่อกับ Baphomet เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอำนาจตอบสนองความปรารถนาต่างๆ รูปแบบของพิธีกรรมมีหลากหลายขั้นตอน แต่สิ่งประกอบสำคัญทั่วไป คือ เลือด และ การบูชายัญด้วยชีวิต

....(มีนักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า Templar ก็ดี ลัทธิความเชื่อพิธีกรรมอย่าง Baphomet ก็ดีเป็นส่วนหนึ่งของการคอรัปชั่นของทางรัฐบาล กับทางโบสถ์ และเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความสับสนวุ่นวายไร้ระเบียบของคนในยุคนั้นด้วย )

....รูปแบบของ Baphomet นั้นมีอยู่มากมาย จากตำนานต่างๆ แต่ที่มีความสอดคล้องกันคือ Baphomet จะมีรูปร่างเป็นมนุษย์เพศชายรูปร่างกำยำ ในขณะที่ศรีษะจะเป็นศรีษะระของสัตว์ รูปแบบที่พบกันบ่อยคือ หัวของแพะ และบางตำนานจะมีการเน้นถึงเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ พลังงานของ Baphomet จากอวัยวะเพศชายที่ตั้งตรงและมีงูวนอยู่รอบๆด้วย (ดั่งที่เห็นจากเรื่อง Berserk รูปปั้นและเจ้าลัทธิในเรื่องนั้นก็เอามาจากความเชื่อของ Baphomet อย่างไม่ต้องสงสัยครับ)



....นอกจากนี้ Baphomet ยังมีสิ่งประกอบอื่นๆอีก เช่น สัญลักษณ์ ดาว 5 แฉก ซึ่งเรามักจะเห็นเจ้าเครื่องหมายนี้อยู่คู่กับ Baphomet เสมอ (รวมถึงในRO ด้วย) Eliphas Levi ผู้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องลัทธิความเชื่อนี้ในศตวรรษที่ 19 ได้บรรยายถึงลักษณะของ Baphomet รวมไปถึงรูปแบบดาว 5 แฉก นี้ว่า เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายและปีศาจ ซึ่งในยุคกลางนี้ ดาว 5 แฉกในส่วนขวาบนจะหมายถึงหน้าร้อน ในขณะที่ด้านกลับ หรือ ส่วนล่างจะหมายถึงหน้าหนาว ซึ่งเชื่อกันว่า Levi ได้วาดรูปแบบของดาว 5 แฉก ไว้ 2 ลักษณะด้วยกัน

....แบบแรก เป็นการสร้างรูปแบบของมนุษย์จากจุดทั้ง 5 ของดาว โดยสื่อถึงธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ตามจุดแขนขาทั้ง 4 ของมนุษย์ โดยที่จุดที่ 5 คือ ศีรษะเป็นส่วนแห่งจิตวิญญาณ (รูปแบบนี้ผมเชื่อว่าหลายๆคนอาจเคยเห็นแล้ว ที่เป็นแผนภาพมนุษย์กางแขนขา แขน ขาเป็นส่วนของจุดทั้ง 4 ของดาว 5 แฉก ขณะที่ศีรษะเป็นส่วนที่ 5 ) ซึ่งรูปแบบนี้เรียกว่า Microcosmic Man (จุลภพมนุษย์)



แต่รูปแบบของดาว 5 แฉกแบบที่ 2 นี้เป็นรูปแบบที่เกี่ยวกับ Baphomet อย่างชัดเจน รูปแบบดาว 5 แฉกแบบที่ 2 นี้ เป็นรูปแบบดาว 5 แฉกที่กลับด้าน ในรูปแบบของศีรษะของแพะซึ่งก็คือสื่อถึง Baphomet นั่นเอง ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบระหว่างรูปแบบของมนุษย์ และ ปีศาจนั่นเอง สัญลักษณ์ดาว 5 แฉกของ Baphomet นี้ ถูกใช้อย่างเป็นทางการในแง่เครื่องหมายของ satan โดยเริ่มโดย Anton Szandor La Vey ในปี 1996 แล้วจึงถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยลัทธิบูชา satan ต่างๆทั่วโลก รูปที่เกี่ยวกับ Baphomet ส่วนมากจะถูกวาดและบรรยายโดย Levi ซึ่งผลงานของ Levi เกี่ยวกับเรื่อง Baphomet นี้ ถูกใช้ครั้งแรกกับผลงาน

"A Pictorial History of Magic and the Supernatural" ของMaurice Bessy

....ตีพิมพิ์ในฝรั่งเศสในปี 1961 และแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี 1964 หลายปีหลังการเสียชีวิตของ Levi






2. เดม่อน (Demon)   ไม่มีข้อมูล








3. แมมม่อน (Mammon) Avarice - ความโลภ



บาปแห่งความโลภในเงินทอง เป็นบาปที่มีอำนาจมากในสมัยนี้ เพราะบางคนสมัยนี้ยังคือว่าเงินคือพระเจ้า เพราะงั้นจึงไม่แปลกถ้า แมมม่อน ตัวแทนแห่งความโลภเงิน จะมีอำนาจมากในนรก เพราะความโลภเงิน ก่อกำเนิดการคตโกง การขโมย หรือแม้แห่งฆาตกรรม ซึ้งแมมมอม สิงผู้คนทำให้เกิดความกระหายในเงินทอง

แมมมอน มีความหมายว่า "ทรัพย์สมบัติ"  "ทรัพย์ศฤงคาร" "เจ้าแห่งเงินตรา" หรือ "ผู้ร่ำรวยที่สุด" แต่คำแปลนั้นยังไม่แน่ชัด บางกลุ่มก็บอกว่ามันแปลว่า "ผู้คตโกง" หรือแม้แต่ ชาวฮิบรู คำว่า matmon แปลว้าเงินทอง แต่มีกล่าวไว้ว่าคำๆนี้มาจากชาว Syrian  เพระพวกเค้าเรียกผู้ร่ำรวยด้วยชื้อของปีศาจ
แมมมอนเป็นหนึ่งในเจ้าชายแห่งนรก ซึ้งเคยเป็น Archangel มาก่อนเหมือนลูซิเฟอร์ บางคนก็กล่าวไว้ว่า แมมม่อนเป็นตนเดียวกันกับ Beelzebub

มีคำกล่าวไว้มากมายเกี่ยวกับปีศาจตนนี้ บางคนว่า มันได้ครองบันลังแห่งโลกนี้ไว้ เพราะว่าโลกสมัยนี้เป็นโลกแห่งเงินทอง

ในแมนธิว 6:24 และ ลุกค์ 16:13 กล่าวถึงพลังอำนาจที่ต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า
เป็นปีศาจที่สามารถอ่านความคิดมนุษย์ได้ และจะกำจัดได้มีแต่ความศัทรา

ตามพระคัมภีร์กล่าวถึงแมมม่อนน้อยมาก มีเพียงแค่ท่องคำบางคำที่พูดถึงมันเช่น "Mammon est nomen daemonis" (Mammon is the name of a demon).  หรือ แมมมอนคือชื้อของปีศาจ
และ กล่าวถึงมันที่แปลว่า ความร่ำรวยเพียงเท่านั้น

 St Matthew กล่าวเอาใว้ว่า

No one can serve two masters. He will either hate one and love the other, or be devoted to one and despise the other. You cannot serve God and mammon.
Matthew 6:24

แปลได้ว่า
"ไม่มีใครสามารถรับใช้ได้สองเจ้า เขาจะรังเกียจอีกคน และรักอีกคน หรือ ซื่อสัตย์ อีกคนและเหยียดหยาม อีกคน คุณไม่สามารถรับใช้พระเป็นเจ้า และ แมมม่อนได้"
Milton กล่าวเอาไว้เกี่ยวกับแมมม่อนไว้อีกมากมาย (ซึ้งยาวมากจนแปลไม่ไหว) แต่ใจความรวมๆคือ แมมม่อนเป็นปีศาจที่สามารถเข้าสิงใครก็ได้ที่มีความกระหาย มันจะแทรกเข้าไปในจิตใจตามความโลภที่ผู้นั้นมี มันจะบังคับให้ครนผู้น้ำทำทุกอย่างเพื่อได้เงินทองมาเป็นของตน และไม่ยอมที่จะให้มันไปกับใคร ถ้าจะให้คนๆนี้บริจากเงินละก็ ฝันไปเถอะ สำหรับคนที่ถือว่า เงินคือพระเจ้า  เงินบันดาลเสกสรรค์ได้ทุกอย่าง   นั่นแหละ พวกสาวกของ MAMMON  มันจะทำให้คนๆนั้นรักเงินยิ้งกว่าอะในโลก ในที่สุดทำให้เสียทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด แม้กระทั้งลูกเมีย
ไม่ มีร่องรอยอื่นว่ามันมากที่ได แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีเทพเจ้าที่มีชื้อว่า แมมม่อนถึงศาสณาได แต่ว่าความหมายของชื้อนั้งไปตรงกับเทพบางองค์ชองชาว Syriac
จบแล้วล่ะคับ ผมคิดว่ามันน้อยไปนี๊ดนะคับ แต่เพราะข้อมูลของแมมม่อมมีน้อยมากเลยได้มาแค่นี้ ตัวผมเองคิดว่าความโลภ ความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ นี้น่ากลัวมากๆ
การที่ พี่ฆ่าน้อง ลูกฆ่าพ่อ   ผัวฆ่าเมีย   ที่เป็นข่าวดังๆกันมานักต่อนัก  เบื้องหลังอาจเป็นฝีมือของ MAMMON ดลใจก็ได้
แท้จริงแล้ว อำนาจที่ร้ายแรงที่สุดของ MAMMON   อาจไม่สำแดงฤทธิ์เดชออกมาได้   ถ้ามนุษย์ รู้จักคำว่า "พอ"






4. เบลเซบับ (Beelzebub) Gluttony - ความตะกละ



เบลเซบับในความเชื่อของคริสต์ศาสนา
ชื่อของเบลเซบับ หรือเบเอลเซบูล (Beelzebul) ปรากฏในคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ ว่าเป็นผู้ปกครองปีศาจ หรือเจ้าชายแห่งมวลปีศาจ ซึ่งชาวฟารีสได้กล่าวว่าพระเยซูใช้พลังอำนาจของเบลเซบับในการรักษาผู้คน แต่พระเยซูก็ได้ตรัสกับพวกเขาว่า "ถ้าหากข้าใช้พลังของซาตาน ขับไล่ซาตาน เมื่อนั้นคือตอนที่มันเป็นศัตรูกับตัวเอง, หากข้าใช้พลังของเบลเซบับ มีหรือที่พ่อจะไล่ลูกตัวเองออกจากบ้าน? แต่หากข้าใช้พลังจากพลังของพระเป็นเจ้า เมื่อนั้น อาณาจักรแห่งพระเจ้าจะอยู่กับตัวท่าน"
ในมาระโก 3:22 ได้มีพวกธรรมจารย์จากกรุงเยรูซาเล็มได้กล่าวว่าพระองค์ว่ามีพลังของเบลเซบับ เช่นกัน พระองค์จึงตรัสเป็นความโดยย่อได้ว่า "ซาตานจะขับซาตานให้ออกได้อย่างไร ถ้าอาณาจักรใดแตกแยกก็อยู่ไม่ได้ หากต่อสู้กันเองก็จะไม่มีอะไรเหลือ ผู้ใดกล่าวหมิ่นประมาทพระวิญญาณอันบริสุทธิ์จะไม่ได้รับอภัยโทษจะได้รับแต่ ความพินาศย่อยยับ" และกล่าวแก่พระสาวกว่า ผู้ที่นับถือพระองค์ที่รออยู่ข้างนอกนั้น ก็คือมารดาและพี่น้องของพระองค์ เพราะพวกเขาเหล่านั้นเคารพในตัวพระเจ้า
แต่เดิม เบลเซบับนั้นเป็นเทวทูตที่ทำหน้าที่สอนมนุษย์ให้ใช้สิ่งของให้เป็นประโยชน์ รู้จักใช้สอยสิ่งของและพิถีพิถันในการเลือกอาหารการกิน แต่แล้วก็ถูกขับจากสวรรค์ ซาตานก็ได้มาเชิญชวนให้ไปเป็นพวก เมื่อเบลเซบับมาอยู่ในนรกก็ได้รู้วิธีล่อลวงจิตใจมนุษย์ เมื่อเบลเซบับถูกเรียกโดยเหล่าผู้บูชาตนแล้ว มักจะปรากฏในรูปของแมลงวัน และทุกที่ที่มันไปก็จะมีฝูงแมลงวันบินตามไปด้วย เมื่อบินไปที่ไหนก็ทำให้เกิดโรคร้าย ในความเป็นจริง แมลงวันก็เป็นพาหะนำโรคร้ายต่างๆ อยู่แล้ว เช่น อหิวาตกโรค โรคบิด ไข้รากสาด เป็นต้น การเป็นพาหะนำโรคของแมลงวันจึงทำให้เกิดตำนานความเชื่อเกี่ยวกับเบลเซบับ ขึ้น
เบลเซบับนั้นมีความแตกต่างจากซาตาน เพราะพลังอำนาจของเบลเซบับไม่ได้มาจากการให้ของซาตาน เรียกได้ว่าเบลเซบับปกครองนรกส่วนหนึ่ง แต่เป็นคนละส่วนของซาตาน ภายหลังกระแสของซาตานดังกว่า ผู้คนจึงกล่าวว่าซาตานเป็นนายของเบลเซบับไปด้วย
ในคัมภีร์ Gospel of Nicodemus ได้กล่าวถึงการเยือนนรกของพระเยซูเป็นเวลา 3 วันนั้น ได้ให้อำนาจปกครองนรกแก่เบลเซบับและให้มีอำนาจเหนือซาตาน (เป็นการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการโดยพระคริสต์) เพื่อแลกกับการยอมรับในตัวพระองค์ เนื่องจากซาตานนั้นเป็นผู้ต่อต้านพระเจ้า ไม่ยอมรับในตัวพระองค์ผู้เป็นพระบุตรแน่นอน และท่านยังมอบหมายให้พาตัวอดัมและนักบุญคนอื่นๆ ที่ถูกกักขังอยู่ในนรกกลับสวรรค์ด้วย (จึงมีผู้กล่าวว่าเบลเซบับยอมรับใช้พระเจ้าเพื่อขอให้พระองค์ผ่อนโทษเหมือน กับแอสโมดิวส์ แต่เบลเซบับเป็นปีศาจซุกซน เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง กลับกลอก จะเอาแน่ก็ไม่ได้ ดีร้ายเท่ากัน)
บางครั้ง เบลเซบับก็ปรากฏอยู่ในรูปของวัวยักษ์ หรือแพะตัวผู้ที่มีหางยาว เมื่อโกรธก็จะพ่นไฟออกมาทางปาก
คำว่า "เบลเซบับ" นอกจากเป็น "จ้าวแห่งแมลงวัน" แล้ว ยังมีอีกชื่อหนึ่ง ก็คือเป็น "จอมทำลายล้าง"
เบลเซบับกับความเชื่อของชาวเพเก้น
ตามความเชื่อของชาวเพเก้น เชื่อกันว่าผู้ยิ่งใหญ่หรือจ้าวแห่งนรกมีอยู่ด้วยกัย 3 ตน คือ ลูซิเฟอร์ เบลเซบับ และแอสทารอส เชื่อกันว่าทั้งสามตนต้องการปกครองผืนโลกาปฐพีทั้งใบ โดยลูซิเฟอร์จะปกครองดินแดนทางเหนือและตะวันออก (หรือยูเรเซีย) เพราะเต็มไปด้วยมนุษย์ที่หยิ่งยโสเหมือนมัน เบลเซบับจะปกครองดินแดนทางใต้ (แอฟริกากับแอนตาร์กติกา) เพราะว่าเหมาะแก่การฟักตัวของโรคร้าย และแอสทารอสจะปกครองดินแดนทางตะวันตก (อเมริกาเหนือและใต้) เพราะเต็มไปด้วยมนุษย์ที่บ้าอำนาจเหมือนมัน ซึ่งแตกต่างจากซาตานที่ต้องการปกครองสวรรค์และตั้งตนเป็นพระเจ้า

เบลเซบับกับบาปตะกละ
เบลเซบับเป็นปีศาจประจำบาปตะกละ เนื่องจากเป็นปีศาจที่มีความตะกละอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กินไม่หยุดหย่อนและเลือกแต่อาหารดีๆ กินเท่าไรก็ไม่หมดความหิวกระหาย เป็นนิสัยที่น่ารังเกียจมากๆ หากมนุษย์คนใดถูกเบลเซบับสิงก็จะมอบชีวิตให้แก่มันด้วยการกินเท่านั้น







5.แอสโมดีอุส (Asmodius) LUST ตัณหาราคะ



ปีศาจตนนี้มีชื่ออื่นที่เค้าเรียกกันเพียบ...

Ashmeday, Asmodius, Asmodee, Asmoday, Hasmoday, Sydoney, Chammaday, Ashmedai, Sidonay, Asmodai, Asmadai, Chashmodai, ?shma

คาด ว่า ชื้อน่าจะมาจาก ashma daeva ปีศาจตนนี้เป็นปีศาจที่มาจากแถบเปือร์เซีย แทนที่จะมาจากฮิบรู แบบปีศาจส่วนใหญ่ แต่ว่ามันเป็นปีศาจที่มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อของชาวฮิบรูเป็นอย่างมาก และถูกจัดว่าเป็น"ปีศาจแห่งความชั่วร้าย"

ใน Encyclopedia of Religions บอกไว้ว่า เป็นปีศาจเก่าแก่ มีอีกนามว่า Ashmedai เป็นปีศาจผู้มาจาก Zend Aeshmadeva ดินแดนแห่งราคะ (The Book of Tobit 3:Cool

ในตำนานบอกไว้ว่า เป็นความผิดของเจ้าปีศาจ Ashmedai นี้แหละที่มอมเหล้าโนอา
และเป็นเจ้าตัวนี้แหละ ที่เป็นคนสิงสาวน้อยซาราห์ และถูกมหาเทพราฟาเอล ขับไล้ และถูกขับไล้ไปยังดินแดนทางเหนือของอียิปต์

ในตำรา Demonology บางเล่มบอกไว้ว่ามันเป็นตัวควบคุมบ่อนพนันทั้งหลาย
ผู้ ที่จะสามารถเรียก จอมปีศาจตนนี้ได้ ต้องเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจมาก และต้องใส่หมวกอาคม เพื่อป้องกันการสะกดจิตของมัน ไม่งั้นจะโดนมันหลอกเอาได้

Barrett แห่ง The Magus II ได้อถิบายแอสโมดีอุส เป็น ภาชนะแห่งความโกรธเกรียว

ใน ตำราบางเล่มกล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นลูกคนแรกของ อดัม และ ลิลิธ ซึ้งก็คือ เป็นพี่ชายต่างบิดาของเหล่า ซักคิวบัส และ อินคิวบัส นั้นเอง

ทว่าในตำรา The Book of the Sacred Magic of Abra-Merlin the Mage กล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นทายาทของเผ่า Tubal ที่เก่าแก และมีน้องสาวชื้อว่า Naamah

ใน ตำนานของโซโลม่อน แอมโมดีอุส เป็นตัวแทนของ "ซาตาน" (เหมือนปีศาจเก่งๆหลายๆตัว = =) แต่ว่า มันมีเครดิด ในการริเริมการสร้าง ม้าหมุน ดนตรี การเต่นรำ การละคร และพวกแฟชั่น นำสมัย

Asmodeus เป็นปีศาจแห่งราคะ และตันหาทางเพศ มันจะพยายามทุกวิธีทางที่จะให้มนุษย์ลุ้มหลงในประเวณี และ ย่ำยีผู้อื่น แต่ทว่าจะขัดขวางทุกวิธีทาง กับคนที่ต้องการมีลูก
เมื่อมันปรากฏต่อมวล มนุษย์ มันจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาดสามหัว ขี่มังกร พร้อมอาวุทหอก หัวทั้งสามของมันเป็น วัว แพะ และคน เพราะว่า สัวต์พวกนี้ถือว่าเป็นสัตว์ที่ที่ลุ่มหลงในตัณหา เท้าของมัน ถ้าคนจะสังเกตุ จะเป็นของไก่

ลองมาดูชื้ออื่นของมันบ้างดีกว่าคับ

Ashmedai

ใน คัมภีร์กฏหมายของยิว บอกว่ามันเป็น ผู้ส่งสารแห่งพระเป็นเจ้า ซึ้งก็คือเทวดา นั้นเอง ทว่า มันเป็นคู่ปรับของโซโลม่อน และ ผู้ปกครองทางใต้ ด้วยปีศาจ 66 กองทัพ เป็นของมัน เลยถูกจัดให้เป็นปีศาจ และบางตำราไปไกลถึงจัดให้มันเป็นงูที่หลอกลวงอีฟ

จะดีหรือร้าย เทวดาหรือปีศาจ ก็แล้วแต่ Ashmedai ถูกจัดไว้ว่าเป็นปีศาจที่ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และถูกจัดให้เป็นนักปรัชญาผู้ยิ้งใหญ่

Asmadai
ในบ้างคัมภีร์บอกไว้ว่า Asmadai ถูก Uriel และ Raphael กำจัดไปพร้อมกันปีศาจอีกตนชื้อว่า Adramalec

Asmoday
เป็น เทวฑูตตกสวรรค์ที่มีปีกและบินไปมาได้ พร้อมทั้งยังรู้อนาคต อ้างอิงจาก Budge, Amulets และ Talismans Asmoday เป็นผู้สอน คณิตศาสตร์ ให้แก่มนุษย์ และสามารถทำให้หายตัวได้ ปกครองปีศาจ ทั้ง 72 กองทัพ และ เมื่อถูกเรียกมาจากขุมนรก มันจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาด สามหัว (วัว แพะ คน)
Aeshma รากศัพย์ของ Asmodeus ในตำนานของชาวเปอร์เซีย เค้าเป็น หนึ่งใน 7 เทวทูต






6.ลีเวียร์ธาณ (Leviathan) Envy - ความริษยา



อิจฉาริษยาจนตา เขียว มหาบาปข้อที่สองก็คือความต้องการ ความปรารถนาในสิ่งที่ผู้อื่นมี และคิดว่าตนเองไม่มี หรือมีน้อยกว่า มหาบาปข้อนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับความโลภ เพียงแต่ความโลภจะเน้นหนักไปที่เรื่องของทรัพย์สินเงินทอง ส่วนความริษยาจะหมายถึงเรื่องทั่วๆ ไปมากกว่า

ริษยายังแบ่งออกได้ สองประเภท คือริษยาที่ไม่มุ่งร้าย กับที่แย่กว่าคือริษยาที่มุ่งร้าย ถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็คือ ริษยาที่ไม่มุ่งร้ายก็คือ "ฉันอยากจะมีอย่างที่เขามี" ส่วนริษยาที่มุ่งร้ายที่แย่ที่สุดคือ "ฉันอยากจะให้เขาไม่มีสิ่งที่เขามี" ซึ่งจะนำไปสู่ความโกรธ
จ้าวอสรพิษลิเวียธาน (Leviathan)
จอมปีศาจแห่งริษยาตกเป็นตำแหน่งของงูยักษ์ลิเวีย ธาน ลิเวียธานถูกกล่าวถึงทั้งในคัมภีร์ยิวและไบเบิ้ล ว่าเป็นสัตว์ทะเลขนาดยักษ์ มีหลายหัว มีฟันแหลมคมเหมือนจระเข้ มีดวงตาดั่งขนตาของตะวัน (หมายถึงมันโผล่ตาขึ้นมาเหนือน้ำเหมือนที่จระเข้ทำเวลาล่าเหยื่อ ตามันจะโผล่พ้นน้ำมาเล็กน้อย เหมือนพระอาทิตย์โผล่พ้นเหลี่ยมเขาในตอนเช้า) บางครั้งมันก็ถูกกล่าวว่าเป็นพลังแห่งความสับสนวุ่นวายเมื่อครั้งสร้างโลก คัมภีร์ปฐมกาลกล่าวว่า "ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดินแผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น" ผืนน้ำนั่นแหละครับคือความสับสนวุ่นวาย และก็คือลีเวียธาน

ตาม คติตะวันตก มหาบาปแต่ละอย่างจะมีสัญลักษณ์ สีประจำ มีโทษทัณฑ์ในนรก และความดีงามด้านตรงข้าม สำหรับความริษยานั้น มีสัญลักษณ์เป็นแน่นอนครับ งูหรือบางครั้งก็เป็นสุนัข  มีสีประจำเป็นสีเขียว เมื่อตกนรกจะต้องถูกกดลงในน้ำที่เย็นเป็นน้ำแข็ง และธรรมด้านตรงข้ามของความริษยาคือ ความเมตตา  (Kindness)







7.เบลเฟกอร์ (Belphegor) Sloth - ความเกียจคร้าน



Belphegor ถูกแสดงว่าเป็นตัวแทนของความเกียจคร้าน ซึ่งความเกียจคร้านมักถูกแสดงภาพโดยการงีบหลับในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานของพระ เมื่ออยู่ในภาวะเกียจคร้าน ความไม่สนใจในหน้าที่ก็ตามมา สัตว์ที่เป็นตัวแทนของความเกียจคร้านคือ ลา เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ทั้งขี้เกียจและเคลื่อนไหวเชื่องช้า โธมัส อควินัส กล่าวว่า บาปทั้งหมดที่เกี่ยวกับความเพิกเฉยมาจากความเกียจคร้านทั้งหมด

เช่นเดียวกับเลวีและมาม่อนนะคะ เบลเฟกอล เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Belphegol ได้ตรงตัวพอดี

- สัญลักษณ์ของเกียจคร้ายคือ แพะ สีประจำบาปคือสีคราม
- บทลงโทษของผู้เกียจคร้านคือการถูกโยนลงไปในบ่องูพิษ
ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดเกียจคร้านคือ ความกระตือรือร้น ความทะเยอทะยาน

เบลเฟกอร์/เบลฟีเกอร์ (Belphegor) - ชื่อที่คุ้นหูกันดี Baal (บาร์ล หรือ บา-อัล) ซึ่งปรากฏในนวนิยาย หรือ กวีหลายๆเรื่อง เกมส์หลายๆเกมส์ และวงค์ร๊อกบูชาซาตาน ตามชื่อของมัน Belphegor ซึ่งก็คือ Baal จากภูเขา Phogor เป็นผู้ที่ได้ปกครองภูเขา Phogor และได้รับการบูชา ชาวบ้านจะต้องนำเครื่องเซ่นจากผลผลิตมาถวาย ซึ่งมีปรากฏในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล จ้าวแห่งความไร้ศีลธรรม เป็นตัวแทนของความขี้เกียจ ไม่ทำการทำงาน ไม่ทำหน้าที่รับผิดชอบ สัปเพร่า ทำงานขาดตกบกพร่อง บาปนี้ ปรากฏต่อมนุษย์ทุกคน ไม่สิ..... ต้องบอกว่าปรากฏต่อสิ่งมีชีวิตที่มีสติทุกชนิด

          อดีดเคยเป็นเทวฑูต มีหน้าที่ในการจัดตำแหน่ง ในนรก เบลเฟกอร์ เป็นปีศาจนักประดิษฐ์ที่ชาญฉลาด และการค้นพบสิ่งของแปลกๆ มักจะปราฏกตัวให้คนที่ชอบโกง และชั่วร้าย ซึ่งมันจะให้สิ่งประดิษฐ์ที่พิศดารแก่คนผู้นั้น เมื่อปรากฏร่าง มันมักจะออกมาในรูปของหญิงสาว หรือไม่ก็ปรากฏในร่างของปีศาจเครายาวปากกว้างมีเขาและเล็บยาว มันชอบที่ยั่วยวนผู้ชายให้หลงไหลในกามรส อีกชื่อหนึ่งของมันคือ จอมเปิดโปง ซึ้งก็คือ ถ้าที่ใหนมีความลับ มันจะไปเปิดโปงให้คนเค้ารู้กันทั่ว ซึ้งส่วนมากจะไม่ค่อยดีนัก และอาจจะเพราะเหตุนี้ เมื่อมันปรากฏตัว มันจึงมักจะไม่ใส่เสื้อผ้า

ลูซิเฟอร์ - ตัวแทนของบาป 7 ประการ PRIDE ความหยิ่ง

ซาตาน - ตัวแทนของบาป 7 ประการ WARTH โทสะ

แมมมอน - ตัวแทนของบาป 7 ประการ GREED โลภ

แบลเซบัฟ - ตัวแทนของบาป 7 ประการ GLUTTONY ตะกละ

ลิเวียธัน - ตัวแทนของบาป 7 ประการ ENVY ริษยา

เบลเฟเกอร์ - ตัวแทนของบาป 7 ประการ SLOTH ขี้เกียจ

แอสโมดีอุส - ตัวแทนของบาป 7 ประการ LUST ตัณหาราคะ

Share this