ประวัติระบำอัปสรา
สมาชิกเลขที่58067 | 19 ส.ค. 54
33.2K views
สมเด็จพระมหากษัตริยานีกุสุมะนารีรัตน์ พระราชมารดาของเจ้าสีหนุ พระนางทรงทำนุบำรุงการละครเขมรให้รุ่งเรือง พระนางจึงทรงเป็นพระมารดาแห่งนาฏศิลป์กัมพูชาก็ว่าได้
ระบำอัปสราเกิดขึ้นด้วยคุณูปการของพระนาง โดยนางอัปสราตัวเอกองค์แรกคือเจ้าหญิงบุพผาเทวี พระราชธิดาในเจ้าสีหนุ เป็นระบำที่กำเนิดขึ้นเพื่อเข้าฉากภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัดที่กำกับโดย Marchel Camus ชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า L"Oiseau du Paradis ก็คือ The Bird of Paradise หลังจากนั้นระบำอัปสราก็เป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชา ใครได้เป็นตัวเอกในระบำอัปสรานั้นเชื่อได้ว่าเป็นตัวนางชั้นยอดแห่งยุคสมัย
นครวัดเป็นอุดมคติแห่งชาติกัมพูชา นางอัปสราในนครวัดก็เป็นอุดมคติแห่งสตรีเขมร ดังนั้นการชุบชีวิตนางอัปสราออกมาเป็นระบำระดับชาตินั้นมีความหมายในเชิงชาติพันธุ์นิยม เพื่อให้เข้าถึงสัญลักษณ์สูงสุดแห่งสตรีแขมร์ ระบำอัปสรามีชื่อเสียงขึ้นมาด้วยการอิงบนความยิ่งใหญ่ของนครวัด และระบำอัปสราก็จำลองภาพสลักที่แน่นิ่งไร้ความเคลื่อนไหวในนครวัดให้หลุดออกมามีชีวิต
ดอกไม้เหนือเศียรนางอัปสราส่วนใหญ่ในปราสาทนครวัดคือดอกฉัตรพระอินทร์ เนื่องจากรูปทรงของดอกชนิดนี้พ้องกันกับภาพสลัก เขมรเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า "ดอกเสนียดสก" เสนียด คือสิ่งที่เอามาเสียด และสก คือผม ชื่อของดอกไม้บ่งบอกว่าเป็นดอกสำหรับเสียดผม เข้าใจว่าสมัยโบราณสตรีชั้นสูงของเขมรคงประดับศีรษะด้วยดอกไม้หลายชนิด หนึ่งในนั้นคือดอกฉัตรพระอินทร์ ดังหลักฐานภาพสลักนางอัปสราที่พบในปราสาทหินขอม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของช่างสลักจากที่ได้เห็นของจริง
นาฏศิลป์ของเขมรนั้นมีดีอยู่อย่าง คือคนที่มารำไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนต้องได้รับฝึกมาเป็นอย่างดีก่อนขึ้นเวที และมักเป็นนักเรียนนาฏศิลป์โดยตรง หามีซ้อมก่อนออกงานเดือนสองเดือนแล้วขึ้นเวทีไปควักกะปิให้คนดูรำคาญตารำคาญใจอย่างใดไม่
ระบำอัปสราเกิดขึ้นด้วยคุณูปการของพระนาง โดยนางอัปสราตัวเอกองค์แรกคือเจ้าหญิงบุพผาเทวี พระราชธิดาในเจ้าสีหนุ เป็นระบำที่กำเนิดขึ้นเพื่อเข้าฉากภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัดที่กำกับโดย Marchel Camus ชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า L"Oiseau du Paradis ก็คือ The Bird of Paradise หลังจากนั้นระบำอัปสราก็เป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชา ใครได้เป็นตัวเอกในระบำอัปสรานั้นเชื่อได้ว่าเป็นตัวนางชั้นยอดแห่งยุคสมัย
นครวัดเป็นอุดมคติแห่งชาติกัมพูชา นางอัปสราในนครวัดก็เป็นอุดมคติแห่งสตรีเขมร ดังนั้นการชุบชีวิตนางอัปสราออกมาเป็นระบำระดับชาตินั้นมีความหมายในเชิงชาติพันธุ์นิยม เพื่อให้เข้าถึงสัญลักษณ์สูงสุดแห่งสตรีแขมร์ ระบำอัปสรามีชื่อเสียงขึ้นมาด้วยการอิงบนความยิ่งใหญ่ของนครวัด และระบำอัปสราก็จำลองภาพสลักที่แน่นิ่งไร้ความเคลื่อนไหวในนครวัดให้หลุดออกมามีชีวิต
ดอกไม้เหนือเศียรนางอัปสราส่วนใหญ่ในปราสาทนครวัดคือดอกฉัตรพระอินทร์ เนื่องจากรูปทรงของดอกชนิดนี้พ้องกันกับภาพสลัก เขมรเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า "ดอกเสนียดสก" เสนียด คือสิ่งที่เอามาเสียด และสก คือผม ชื่อของดอกไม้บ่งบอกว่าเป็นดอกสำหรับเสียดผม เข้าใจว่าสมัยโบราณสตรีชั้นสูงของเขมรคงประดับศีรษะด้วยดอกไม้หลายชนิด หนึ่งในนั้นคือดอกฉัตรพระอินทร์ ดังหลักฐานภาพสลักนางอัปสราที่พบในปราสาทหินขอม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของช่างสลักจากที่ได้เห็นของจริง
นาฏศิลป์ของเขมรนั้นมีดีอยู่อย่าง คือคนที่มารำไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนต้องได้รับฝึกมาเป็นอย่างดีก่อนขึ้นเวที และมักเป็นนักเรียนนาฏศิลป์โดยตรง หามีซ้อมก่อนออกงานเดือนสองเดือนแล้วขึ้นเวทีไปควักกะปิให้คนดูรำคาญตารำคาญใจอย่างใดไม่

ภาพนางอัปสราที่ร่ายรำอยู่แทบทุกปราสาท แต่อัปสราทุกนางจะไม่ยิ้มเห็นฟัน แม้แต่นางรำที่แสดงให้เราดูเวลารำก็จะไม่ยิ้มเลย แต่จะมีอัปสราอยู่สามนาง ที่มีลักษณะพิเศษ คือ
นางหนึ่งจะยิ้มเห็นฟันอยู่ที่โคปุระชั้นแรก
นางที่สองจะแลบลิ้นเห็นเป็นสองแฉกอยู่บนประสาทชั้นสูงสุด
และนางที่สามจะนุ่งมินิสเกิร์ต เป็นผ้านุ่งเหนือเข่า น่าจะเป็นอารมณ์ขันของผู้แกะสลักเหมือนจิตรกรรมฝาผนัง
ท่ารำ
เนียงอัปสราดำเนิร ( นางอัปสรก้าวเดิน)
เนียงอัปสราเปือดขาง ( นางอัปสรบิดข้าง)
เนียงอัปสราอาตึสเตียน (นางอัปสรอธิฐาน)
เนียงอัปสราจูนปอร (นางอัปสรส่งพร)
เนียงอัปสราบังกมกรอม (นางอัสรบังคมล่าง)
เนียงอัปสราลืกว็องมุขประกับ (นางอัปสรตั้งวงหน้าคว่ำ)
เนียงอัปสราลืกว็องมุข (นางอัปสรตั้งวงหน้า)
เนียงอัปสราลืกว็องบันตูล (นางอัสรตั้งวงทูล)
เนียงอัปสราอรฤเตือย (นางอัปสรดีใจ)
เนียงอัปสราโจลรูป (นางอัปสรเข้ารูป)
เนียงอัปสราจอลกรอย (นางอัปสรทิ้งข้างหลัง)
เนียงอัปสราลืกว็องมุขประหาล (นางอัปสรตั้งวงหน้าหงาย)
เนียงอัปสราเฮาะเฮิร (นางอัปสรเหาะเหิร)
เนียงอัปสราสำแดง (นางอัปสรแสดง)
นางหนึ่งจะยิ้มเห็นฟันอยู่ที่โคปุระชั้นแรก
นางที่สองจะแลบลิ้นเห็นเป็นสองแฉกอยู่บนประสาทชั้นสูงสุด
และนางที่สามจะนุ่งมินิสเกิร์ต เป็นผ้านุ่งเหนือเข่า น่าจะเป็นอารมณ์ขันของผู้แกะสลักเหมือนจิตรกรรมฝาผนัง
ท่ารำ
เนียงอัปสราดำเนิร ( นางอัปสรก้าวเดิน)
เนียงอัปสราเปือดขาง ( นางอัปสรบิดข้าง)
เนียงอัปสราอาตึสเตียน (นางอัปสรอธิฐาน)
เนียงอัปสราจูนปอร (นางอัปสรส่งพร)
เนียงอัปสราบังกมกรอม (นางอัสรบังคมล่าง)
เนียงอัปสราลืกว็องมุขประกับ (นางอัปสรตั้งวงหน้าคว่ำ)
เนียงอัปสราลืกว็องมุข (นางอัปสรตั้งวงหน้า)
เนียงอัปสราลืกว็องบันตูล (นางอัสรตั้งวงทูล)
เนียงอัปสราอรฤเตือย (นางอัปสรดีใจ)
เนียงอัปสราโจลรูป (นางอัปสรเข้ารูป)
เนียงอัปสราจอลกรอย (นางอัปสรทิ้งข้างหลัง)
เนียงอัปสราลืกว็องมุขประหาล (นางอัปสรตั้งวงหน้าหงาย)
เนียงอัปสราเฮาะเฮิร (นางอัปสรเหาะเหิร)
เนียงอัปสราสำแดง (นางอัปสรแสดง)
ระบำอัปสรา สมัยตอนที่พระธิดาของพระเจ้าสีหนุ รำ