ทุกคนคงได้ยินคำนี้ ออทิสติก เเล้วจะรู้สึกกลัวหรือเบื่อหรือไม่อยากเจอบุคคลเป็นออทิสติกขึ้นมาทันที ชอบเเกล้งรังเเกเด็กพวกนี้ด้วยสำหรับคนปกติบางคนผมก็เป็นครับ เเต่ออทิสติกนั้นมีจำนวนหลายคนที่เปลี่ยนโลกนี้ไปครับเพราะอาการออทิสติกบางอย่างเป็นรากฐานของการพัฒนาโลกนี้ 1ชอบจดจ่อทำในสิ่งที่ตนเองสนใจ 2ซนมาก 3ชอบทำตามใจตนเอง 4ทำอะไรซ้ำๆ ซึ่งคุณสมบัติพวกนี้มีส่วนที่ออกเเนวไปในทางวิทยาศาสตร์สร้างความรู้หรือกำเนิดความรู้ใหม่ๆ โดยเฉพาะข้อ2เนี่ยครับ .........ซนถึงขนาดชอบทดลองก็มีคุณสมบัติข้อสองจะทำให้เป็นนักวิทยาศาสตร์เจอความรู้วิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ในอนาคน เช่น โทมัส เเอลวา เอดิสัน นักประดิษฐ์หลอดไฟ คนนี้เป็นออทิสติกเหมือนกัน เเล้วข้อ1.เป็นรากฐานที่ต่อไปในอนาคนเด็กพวกนี้จะมีความรู้ชำนาญเเละสามารถในวิชาเเขนงต่างๆกันออกไปซึ่งมีอยู่ในตัวออทิสติกทุกคน ข้อนี้เนื่องจากสมาธิเเละสมองเทียบเท่าเเล้วคล้ายคลึงกับอัจฉริยภาพ ทำให้เรียกได้ว่าเป็นข้อเเรกสุด เพราะเด็กพวกนี้ความสนใจเเตกต่างกันลิบลับ บางคนสนใจวิชาการ บางคนสนใจศิลปะ บงคนสนใจกีฬา ทำให้ทำกิจกรรมเเละงานอดิเรกจำพวกนี้ซ้ำๆจนเกิดเป็นความรู้ความชำนาญทำได้ดีกว่าใครเเต่ก็ไม่ได้ดีกว่าใครไปซะหมดทั้งโลก เเล้วคุณสมบัติข้อนี้ทำให้เกิดความรู้สติปัญญาของเด็กพวกนี้ขึ้นต่อมากลายเป็นความสามารถพิเศษ จุดที่ทำให้เปลี่ยนโลกนี้ในข้อนี้นั้นคือ การสร้างความสามารถเเละพลังเพื่อใช้เปลี่ยนโลก

ข้อ3นั้นสำคัญ ถ้าเกินไปเนี่ยอนาคตใช่จะดีต้องปฏิบัติตามกรอบบ้าง สร้างนักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน จิตรกร นักคณิตศาสตร์ เเละหลากหลายสาขา เพราะจะเกิดความรู้เเล้วทฤาฎีใหม่ๆขึ้นมีการพิสูจน์ทฤษฎีให้กว้างเเล้วขยายเเล้วได้ความรู้กว้างขึ้นที่สามารถพิสูจน์ได้ คือพิสูจน์ในสิ่งที่นอกเหนือจากกรอบของธรรมชาติเเล้วขยายความรู้นั้นให้กว้างออกไป หรือวิจัยหรือทำอะไรก็ได้ มักจะสถานที่เวลาเเล้วกรอบเวลาเช่นเล่นหรือวาดภาพหรือทำอย่างอื่นในเวลาเรียนไม่ฟังครูสอนเป็นต้น ข้อนี้คือต้องปรับปรุงเเต่ข้อดีคือพิสูจน์ทดลองซ้ำหรือทำกฏหรือเพิ่มความรู้เเล้วศึกษาหาความรู้ขยายความรู้เพิ่ม สร้างผลงานเพิ่ม สิ่งที่ได้นั้นคือสามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้เพราะ เเนวคิด องค์ความรู้ สิ่งประดิษฐ์เปิดโลกกว้าง พัฒนาสิ่งรอบตัวได้ไร้ขีดจำกัด ทำลายกรอบความรู้เพื่อให้ความรู้ในโลกนี้กว้างขึ้น.............สิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนโลกจากพฤติกรรมนี้ ได้ทฤษฎีที่ถูกต้อง พัมนาทฤษฏีศึกษาเพิ่มใส่ที่ถูกลงไปเเล้วล้างสิ่งที่ผิดออกจากความรู้ให้มีความรู้ดีขึ้นหลากหลายขึ้น มีความรู้เเล้วการพัฒนาหลากหลาย

ข้อ4นั้นจะเหมือนข้อสามผลลัพธ์ที่ได้ต่างกันที่ข้อสามทำตามสิ่งที่คิดเเต่ข้อสี่ทำในสิ่งที่ทำเรื่อยๆ