ชุดไทย 9 รัชกาล
สมาชิกเลขที่47660 | 02 มิ.ย. 54
3.6K views

รัชกาลที่ 1-3
หญิงชาวบ้านนิยมนุ่งผ้าโจงกระเบน ห่มสะไบเฉียงทับเหมือนอย่างอยุธยา
ผมยังตัดไว้เชิงสั้นอยู่ หรือไว้ผมปีก (ไว้ผมยาวเฉพาะบนกลางศีรษะ)

รัชกาลที่ 1-3
หญิงชาววัง นิยมนุ่งผ้าจีบ ห่มสะไบเฉียงทับเหมือนอย่างอยุธยา
ไว้ผมปีกปล่อยจอนที่ข้างหู

รัชกาลที่ 4
หญิงนุ่งผ้าลายโจงกระเบน ใส่เสื้อคอปิดแขนยาว ห่มสะไบเฉียง (อบร่ำ)
ทับตัวเสื้ออีกชั้นหนึ่ง ทรงผมนิยมไว้ปีกผม

รัชกาลที่ 5
ปลายรัชกาลที่ 5 หญิงไทยเลิกนุ่งผ้าจีบ เปลี่ยนมาโจงกระเบนแทน
เสื้อเป็นแบบผรั่งคอตั้งสูง แขนยาวมีลูกไม้ตกแต่งเป็นระบายหลายชั้น
สวมถุงเท้า รองเท้าส้นสูง ผมยาวประบ่า

รัชกาลที่ 5
ผู้หญิงเริ่มหันไปนิยมเสื้อของอังกฤษ คือ เสื้อคอตั้งแขนยาว
ต้นแขนพองคล้ายขาหมูแฮมแต่ยังคงมีผ้าห่มเป็นแพร
แบบสะไบเฉียง นุ่งผ้าจีบไว้ชายพก ผมไว้ทรงดอกกระทุ่ม

รัชกาลที่ 6
ต้นรัชกาลที่ 6 ผู้หญิงยังคงนุ่งโจงกระเบน แต่สวมเสื้อลูกไม้แบบตะวันตก
คอเสื้อลึก แขนยาวเสมอข้อศอก มีผ้าแพรบางๆ
สะพายทับ ผมนิยมไว้ยาวเสมอต้นคอ

รัชกาลที่ 6
ผู้หญิงนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อตัวยาวหลวมๆ ส่วนมากใช้ผ้าลูกไม้ฝรั่ง
ปักเป็นลวดลายด้วยลูกปัด และไข่มุก
ผมเกล้ามวยแบบฝรั่ง หรือดัดเป็นลอน ดัดผมแบบ ทรงซิงเกิ้ล

รัชกาลที่ 7-8
ผู้หญิงเลิกใช้สะไบแพรปัก นิยมนุ่งผ้าซิ่นแค่เข่า เสื้อทรงกระบอกตัวยาว
ตัดแบบตะวันตก ไว้ผมบ็อบ ใส่ต่างหูและกำไล สวมสร้อยคอ

รัชกาลที่ 7-8
ผู้หญิงเลิกใช้สะไบแพรปัก นิยมนุ่งซิ่นแค่เข่า เสื้อทรงกระบอกตัวยาว
ตัดแบบตะวันตก ไว้ผมบ็อบ ใส่ต่างหูและกำไล สวมสร้อยคอ

รัชกาลที่ 9
ผู้หญิงแต่งแบบไทยพระราชนิยม "ไทยจักรพรรดิ" ใช้ซิ่นไหมข้างหน้า
มีชายพกเอวจีบห่มสะไบ ปักงดงาม ใช้แต่งในโอกาสพิเศษ