ประวัติของขนมโดนัท
สมาชิกเลขที่44034 | 15 พ.ค. 54
2.4K views

ขนมแป้งทอดมีรูตรงกลางชื่อเก๋ไก๋ว่าโดนัท
มีประวัติความเป็นมายาวนาน
นักโบราณคดีเคยขุดพบซากชิ้นส่วนฟอสซิล
ที่มีลักษณะคล้ายขนมโดนัทจากกองขยะ
ของชาวพื้นเมืองอเมริกาในยุคก่อนประวัติศาสตร์
สันนิษฐานว่าเริ่มมีขึ้นครั้งแรกที่เมืองแมนแฮตเตน
หรือ นิวอัมสเตอร์ดัม ซึ่งเป็นเมืองอพยพของชาวดัตช์ที่มาตั้งรกรากในอเมริกา
ปัจจุบันคือเมืองนิวยอร์ก ซิตี้ มีชื่อภายใต้ภาษาดัตช์ว่า "โอลีคูกส์"
หรือมาจาก ออยลี เคกส์ นั่นเอง

ในยุคต้นของการล่าอาณา นิคม ชาวดัตช์-อเมริกัน
ที่อพยพมาได้ค้นพบวิธีการนำแป้งเค้กมาทอด
โดยมีเรื่องเล่าเม้าธ์กันเลยเถิดว่า
บังเอิญมีวัวตัวหนึ่งไปเตะหม้อน้ำมันเดือดๆ
หกราดบนแป้งขนมอบที่ผสมแล้ว
ทำให้เกิดขนมทอดสีทองชนิดใหม่ขึ้นมา

ประมาณปี 1847 เอลิซาเบธ เกรกอรี่
มารดาของกัปตันเรือนิวอิงแลนด์
นำส่วนผสมที่หลากหลายจากคาร์โกเรือของลูก
เช่น ลูกจันทน์เทศ อบเชย และเปลือกมะนาว
มาใส่ลงในแป้งทอด นำไปให้บุตรชายและลูกเรือ
เป็นเสบียงในการเดินทาง ในตอนนั้นเกรกอรี่นำถั่วฮาเซลนัทหรือวอลนัท
มาวางตรงกลางของขนม และเรียกขนมนี้ว่า โดนัท
อันเป็นที่มาของชื่อขนมในปัจจุบัน

ส่วนที่มาของรูบนขนมโดนัท มีเรื่องเล่าปากต่อปากกันมากมาย
แต่จุดเริ่มต้นคือ แฮนสัน เกรกอรี่ บุตรชายของเอลิซาเบธ
ที่น่าเชื่อถือสุดบอกว่าแฮนสันไม่ชอบขนมโดนัทของแม่
ที่อมน้ำมันมากเกินไป ซึ่งตอนนั้นยังมีรูปทรงกลมอยู่
เขาก็เลยใช้ขวดพริกไทยบนเรือ เจาะรูตรงกลางของขนม
และได้สอนเทคนิคนี้ให้แม่ อันเป็นที่มาของรูบนขนมโดนัทนั่นเอง
เมื่อมีการจัดงานปาร์ตี้แฮนสันก็จะนำขนมโดนัทออกมาเลี้ยงแขก
ได้รับคำชื่นชมเป็นอันมาก

โชคร้ายที่แฮนสันถูกจับเผาทั้งเป็นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19
เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกแม่มด
แต่ทุกวันนี้ยังมีแผ่นหินสลักยกย่อง แฮนสัน เกร กอรี่
ที่เมืองแคลมโคฟ มลรัฐเมน ในฐานะเป็นคนริเริ่มให้ขนมโดนัทมีรู

เครื่องผลิตโดนัทเครื่องแรกเกิดขึ้นในปี 1920 เมืองนิวยอร์ก ซิตี้
โดยนายอดอล์ฟ เลวิตต์ ผู้ลี้ภัยจากสมัยของพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย
เครื่องทำขนมโดนัทของเขาทำให้ขนมโดนัทเป็นที่แพร่หลายอย่างรวดเร็ว
ปี 1934 ในงานเวิลด์แฟร์ที่ชิคาโก
โดนัทกลายเป็นขนมยอดฮิตในศตวรรษแห่งความก้าวหน้า
มีการนำเครื่องทำขนมโดนัทอัตโนมัติมาจัดแสดง
ปัจจุบันมีสถิติยอดผลิตโดนัทเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา
พบว่าแต่ละปีสูงถึงหมื่นล้านชิ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.bloggang.com

Share this