ต้นอัสสัตถพฤกษ์ หรือต้นปีปปัน (papal) มีความสำคัญต่อชาวพุทธมาจนปัจจุบัน และเกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์เป็นอย่างมาก
เพราะต่อมา ต้นปีปปันนี้ถูกเรียกว่าต้นโพธิ์ อันแปลว่าต้นไม้เป็นที่อาศัยตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ต้นโพธิ์เป็นหนึ่งในสหชาติทั้ง 7 คือเกิดพร้อมกันกับพระพุทธองค์ นั่นคือ
1 พระนางยโสธราพิมพา
2 พระอานนท์
3 กาฬุทายีอำมาตย์
4 นายฉันนะ
5 ม้ากัณฑกะ
6 ต้นพระศรีมหาโพธิ์
7ขุมทองทั้ง 4 ( สังขนิธี,เอลนิธี,อุบลนิธี,บุณฑริกนิธี)
เหตุการณ์สำคัญที่ต้นโพธิ์เกี่ยวพันกับพระพุทธองค์คือในวันที่ทรงตรัสรู้
เย็นวันนั้น เมื่อทรงรับหญ้ากุศะจากพราหมณ์โสตถิยะ ทรงนำมาปูลาดเป็นอาสนะที่โคนต้นโพธิ์แล้ว
ทรงประทับนั่งขัดสมาธิ ดำริห์ในพระทัยแน่ว ว่าหากไม่บรรลุโพธิญาณจะไม่ทรงลุกขึ้น
โคนต้นโพธิ์ที่ประทับนั่งนั้น จึงเรียกว่า โพธิ์บัลลังก์
และในยามที่อาทิตย์กำลังจะลับทิวไม้ พระยามารทนไมได้ ที่พระองค์กำลังจะหลุดพ้นจากอำนาจตน จึงยกไพร่พลมาผจญเพื่อไม่ให้พระองค์ทรงบรรลุตามพระประสงค์ ไพร่พลที่ยกมานั้นมากมายนัก จนเทพยดาที่คอยอารักษ์ล้วนเกรงกลัว พากันหลบลี้หนีหน้า
พระยามารได้กล่าวตู่ว่า พระองค์ยึดเอาบัลลังก์ของตนไป จะต้องลุกจากอาสนะนั้น พระพุทธองค์ไม่เห็นผู้ใดพอจะเป็นพยานได้ จึงทรงชี้พระดัชนีลงยังพื้นพระธรณี พระนางธรณี จึงผุดขึ้นมาเป็นพยาน
ปฐมสมโพธิกล่าวว่า พระธรณีอุบัติขึ้นเป็นรูปนารี กล่าวเป็นพยานแก่มหาบุรุษ พร้อมทั้งบีบน้ำ “ทักษิโณทก” อันคือน้ำที่พระพุทธองค์ทรงกรวดทุกครั้งที่ทรงบำเพ็ญบุญบารมีมาทุกปางชาติ ซึ่งพระนางธรณีก็เก็บไว้ที่มวยผม
“เป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไปในประเทศทั้งปวง ประดุจห้วงมหาสาครสมุทร...หมู่มารทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้ ก็ลอยไปตามกระแสน้ำ ปลาสนาการไปสิ้น ส่วนคิรีเมขลคชินทร ที่นั่งทรงองค์พระยาวัสสวดี ก็มีบาทาอันพลาด มิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร....พระยามารก็พ่ายไปในที่สุด”
มีการถอดความว่ามารในที่นี้ คือกิเลสในใจคนนั้นเอง เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสติปัญญา ด้วยพระพุทธองค์ในขณะนั้น ในพระทัยยังมีกิเลสอยู่ หากแต่เป็นกิเลสที่กำลังจะหลุดจากขั้วพระทัย กิเลสนี้คือความห่วงใย การคิดถึงความหลัง ความสุขในราชสมบัติ แต่ก็ทรงกำจัดกิเลสนี้ ได้ด้วยพระบารมีที่ทรงสั่งสมมา
เมื่อทรงมีชัยชนะแก่หมู่มาร ทรงบำเพ็ญสมาธิและบรรลุญาณที่ใต้ต้นโพธิ์นั้น ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทวยเทพต่างยินดี แซ่ซ้อง ขับร้องเป็นพุทธบูชากันถ้วนหน้า
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาเป็นรุ่นที่สามของต้นโพธิ์ในครั้งพุทธกาล โดยต้นที่พระพุทธองค์ประทับนั่งตรัสรู้นั้นถูกโค่นทำลายไป แต่เมื่อนำนมโคไปราดที่ราก ก็แตกแขนง ก่อเป็นลำต้นขึ้นมาใหม่ ครั้นต้นที่สองตายไป ก็มีหน่อแตกใหม่ เติบโต ตั้งมั่นอยู่ที่พุทธคยาจนปัจจุบันนี้
ยังมีต้นโพธิ์อีกต้น ที่พระอานนท์อำนวยการให้ปลูกไว้ เพื่อเป็น “เจดีย์” กราบไหว้ แทนพระพุทธองค์ในยามที่พระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ ณ วัดพระเชตวัน โพธิ์ต้นนั้นเรียก “อานันทโพธิ” (ต้นโพธิ์พระอานนท์)
..........................................
อ้างอิงเรื่อง และรูป
เหม เวชกร สมุดภาพพระพุทธประวัติ ธรรมสภา 35/270 จรัลสนิทวงศ์ 62 บางพลัด บางกอกน้อย กรุงเทพ
เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา เกษมอนันต์พริ้นติ้ง 02-809-7452-4
ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ
พนิตา อังจันทรเพ็ญ พระพุทธประวัติ สมุดภาพจิตรกรรมไทยเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ธรรมสภา 1 / 4-5 ถ.บรมราชชนนี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ