โดยทั่วไปนักพฤกษศาสตร์ได้จัดแบ่ง “บัว” ไว้เป็น 3 สกุล ได้แก่ 1. สกุลบัวก้านแข็ง (Nelumbo) ปทุมชาติได้แก่ บัวหลวง ชื่อสามัญ Lotus จัดอยู่ในวงศ์ Nelumbonaceae ลักษณะเด่น คือ ก้านใบและก้านดอกจะชูเหนือน้ำ ลักษณะใบสีเขียวอมเทาใบค่อนข้างกลมคล้ายจานขอบใบเรียบหน้าใบไม่จับน้ำ ก้านใบและก้านดอกมีหนามอ่อนๆ ดอกมี 2 ประเภท คือ ดอกซ้อนและดอกรา มี 3 สี คือ ชมพู ขาว และสีเหลือง
2. สกุลบัวก้านอ่อน (Nymphaea) อุบลชาติ ได้แก่ บัวผัน บัวเผื่อน บัวยักษ์ บัวจงกลนี และบัวสาย ชื่อสามัญ Water lily จัดอยู่ในวงศ์ Nymphaeacea มีอยู่ 2 ประเภท คือ ประเภทบานกลางวัน และประเภทบานกลางคืน 2.1 ประเภทบานกลางวัน (Tropical Day Blooming Waterlily) มีอยู่ 2 ชนิด คือ 2.1.1 อุบลชาติยืนต้น (Hardy Waterlily) ได้แก่บัวฝรั่ง ซึ่งเป็นบัวที่ มีถิ่นกำเนิดในเขตหนาวถึงอบอุ่น ลักษณะใบกลม ขอบใบเรียบ ดอกเป็นรูปทรงถ้วย ลอยอยู่เหนือผิวน้ำออกดอกเป็นชุดๆ ละ 3-4 ดอก ติดต่อกัน 2-3 เดือน ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มี 5 สี คือ ขาว ชมพู แดง เหลือง และสีอมแสด
2.1.2 อุบลชาติล้มลุก (Tropical Waterlily) ได้แก่บัวผัน บัวเผื่อน บัวยักษ์ และบัวจงกลนี เป็นบัวที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อน
บัวผัน บัวเผื่อน เป็นบัวใบหยัก ขอบใบไม่เรียบ ดอกชูพ้นน้ำ ดอกดกและออกดอกมาทดแทนกันตลอดเวลา กลีบดอกเรียวยาวแหลมเวลาบานจะแผ่ออก ดอกมีกลิ่นหอมมาก ดอกมี 9 สี คือ ขาว ชมพู แดง เหลือง แสด ฟ้าคราม ม่วงแดง ม่วงน้ำเงิน และสีเหลือบ (สีเหลือบมีสีฟ้าเหลือบเหลืองเขียว)
บัวยักษ์, บัวยักษ์ออสเตรเลีย (Giantea) เป็นบัวพื้นเมืองของทวีปออสเตรเลีย ใบและดอกมีขนาดใหญ่ เป็นบัวใบหยัก ขอบใบไม่เรียบ ดอกชูพ้นน้ำ ดอกดกและออกมาทดแทนกันตลอดเวลามีกลิ่นหอมเล็กน้อยมี 2 สี คือ สีขาวและสีม่วง
บัวจงกลนี เป็นบัวพื้นเมืองของไทย มีแห่งเดียวในโลก มีการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยสุโขทัย ลักษณะใบรี ขอบใบหยัก ออกดอกดกและทยอยออก ดอกมีสีชมพูอ่อน กลิ่นหอมเล็กน้อย ดอกลอยเหนือผิวน้ำ ดอกบานแล้วไม่หุบ
2.2 ประเภทบานกลางคืน (Tropieal Night Blooming Waterlily) ได้แก่บัวกินสายหรือบัวสาย เป็นบัวใบหยัก ขอบใบไม่เรียบ ดอกชูพ้นน้ำ (ดอกดกและออกมาทดแทนกันตลอดเวลา ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกมี 3 สี คือ ขาว แดง และชมพู
3. สกุลบัววิกตอเรีย (Victoria) หรือบัวกระด้ง จัดอยู่ในวงศ์ Nymphaeaceae เป็นบัวพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต้ มีคนนำไปปลูกบนเกาะอังกฤษได้สำเร็จในสมัยที่พระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งอังกฤษครองราชย์อยู่ จึงนำชื่อพระองค์มาเป็นชื่อสกุลของบัวชนิดนี้ เป็นการเทิดพระเกียรติของพระราชินีอังกฤษด้วย
ลักษณะเด่นของบัวพันธุ์นี้คือ ลำต้นอยู่ใต้ดิน ใบเป็นใบเดี่ยว ลักษณะกลมมีขนาดใหญ่มาก ลอยแตะผิวน้ำ ขอบใบยกสูงคล้ายกระด้ง ใบและก้านใบมีหนามแหลม ดอกมีกลิ่นหอม ทยอยออกดอก กลีบดอกชั้นนอกมีหนามแหลมปกติดอกจะบานกลางคืนเมื่อแรกที่ดอกบานจะมีสีขาวแล้วจึงเปลี่ยนสีเป็นชมพูและสีแดงเข้ม
ที่มา : พิพิธภัณฑ์บัว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
http://www.lotus.rmutt.ac.th/archives/404