เมื่อครูมอ ไปทัศนศึกษาที่ประเทศกัมพูชา
สมาชิกเลขที่22620 | 05 ก.ย. 53
4.5K views

              การจัดงานมุทิตาจิต/เกษียณอายุราชการของผู้บริหารโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดในปี ๒๕๕๓ นี้ ได้จัดขึ้นในจังหวัดศรีสะเกษ ผู้บริหารและครูโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๓ คณะครูจากโรงเรียนอนุบาลอำนาจเจริญ นำโดย ผอ.ประยูร เหมือนเหลา และคณะรวม ๑๓ คน เข้าร่วมกิจกรรม

 

         การจัดงานครั้งนี้ โรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ ได้นำคณะครูจากทั่วประเทศ จำนวน ๔๘๐ คนร่วมเดินทางทัศนศึกษา ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ ๒-๔ กันยายน ๒๕๕๓ คณะครูและผู้ติดตามจากโรงเรียนอนุบาลอำนาจเจริญ เข้าร่วมเดินทาง ประกอบด้วย ครูพิกุล เกียรติพศิน ครูอุไรวรรณ และคุณพรสวรรค์ หวานอ่อน ครูกมลรัตต์ เจริญวงศ์ ครูอรุณี อณุพรรณสว่าง ครูมนัส อุปนิสากร และสุดท้ายคือครูมอ  รวมจำนวน ๗ คน โดยในเย็นวันที่ ๑ คณะเราพักอยูที่ โรงแรมหพรหมพิมาน จังหวัดศรีสะเกษ

        ตื่นเช้าของวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๓ ได้นำรถ chevrolet colorado คู่ใจ จอดที่โรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ

  

            เวลา ๐๗.๐๐ น. คณะของเราเคลื่อนตัวออกจากจังหวัดศรีสะเกษ โดยรถท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชา ขณะที่อยู่บนรถ ก็พยายามฝึกพูดภาษาเขมร เพื่อสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ แต่ไกด์แนะนำว่าพูดภาษาไทยก็น่าจะฟังรู้เรื่องพอสมควร รวมทั้งการแลกเงินไทยเป็นเงินเรียลของกัมพูชา โดย ๑ บาทไทย มีค่าเท่ากับ ๑๐๐ เรียลกัมพูชา

          เนื่องจากจำนวนคนที่เดินทางมีจำนวนถึง ๔๘๐ คน ต้องใช้รถถึง ๑๒ คัน เดินทางเป็นขบวนยาว เวลาเข้าห้องน้ำแต่ละที ครูผู้ชายจึงต้องอาศัยตามป่าละเมาะ แถวๆ ข้างทางบ้าง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค์กับคณะเท่าใดนัก

            คณะเราเดินทางถึงเมืองเสียมรียบ เวลาประมาณ ๑๒.๒๐ น. เก็บสัมภาระเข้าที่พัก แล้วรับประทานอาหารกลางวัน แต่รสชาติไม่ค่อยจะเหมือนบ้านเราเท่าใดนัก

             ในตัวเมืองจะปรากฎ รูปปั้นของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ กษัตริย์ที่สร้างนครธม อันเป็นที่ศรัทธาของชาวกัมพูชา  หลังจากรับประทานอาหารเสร็จคณะเราเดินทางเพื่อชม โตนเลสาบ (Tonle Sap) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย

                 จากนั้นเดินทางกลับเพื่อบันทึกภาพตะวันตกดินที่ เขาพนมบาเค็ง (Phnom Bakeng) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่  9 สมัยพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 สร้างด้วยหินทราย เป็นศูนย์กลางเมืองยโสธรปุระพนมบาแค็ง เป็นเทวสถานจากพื้นราบถึงยอดเขาขึ้นไป 15 ชั้น บนสุดมีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง 5 ชั้น เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม

            เย็นวันนี้เรารับประทานอาหารที่ภัตตาคารทะเลแม่โขง มีการแสดงของนาฏศิลป์เขมร จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาฮินดู เช่นเรื่องรามเกียรติ และเรื่องราวในท้องถิ่น

          เช้าวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๓ วันนี้คณะของเราเที่ยวปราสาทถึง ๔ ปราสาท โดยเริ่มจากปราสาทบันเตียสเรย หรือเรียกอย่างไทยว่าปราสาทบันทายสรี อยู่ในกลุ่มเดียวกับปราสาทนครวัด ซื้อบัตรครั้งเดียว เที่ยวที่นี่ได้ด้วย แต่บันเตียสเรยอยู่ไกลตัวเมืองเสียมเรียบถึง 50 กิโลเมตร  บันเตียสเรยก่อสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ห้า สร้างหลังนครวัด แต่ก่อนนครธม ตัวปราสาทสร้างจากหินทรายสีแดง  รูปแกะสลักต่างๆก็ล้วนแต่อ่อนช้อยราวกับคนสร้างเป็นผู้หญิง

              ต่อที่ปราสาทตราพรหมที่สร้างในปลายปีพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1729) รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และมีการขยายพื้นที่สร้างต่อเติมอีกในรัชสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 เป็นศิลปะแบบบายน ศาสนาพุทธ นิกายมหายาน  ปราสาทตาพรหมจัดได้ว่าเป็นวัดในพุทธศาสนาและเป็นวิหารหลวงในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

          จากปราสาทตตราพรหม เรามาที่นครธม สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7เป็นศิลปะแบบบายน  ศาสนาพุทธนิกายมหายาน นครธมมีความหมายว่าเมืองใหญ่ (ธม แปลว่า ใหญ่) เมืองพระนครหลวงมีพระราชวังและปราสาทต่างๆมากมาย และเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรขอมมั่งคั่งและรุ่งโรจน์เป็นที่สุด ปราสาทบายนเป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

            สุดท้ายของวันนี้เรามาที่  ปราสาทนครวัด สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่สร้างขึ้นในปีพุทธศตวรรษที่ 17 (พ.ศ. 1650 – 1693) รัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2  ปราสาทเป็นศิลปะแบบนครวัด  ในศาสนาฮินดู ไวษณุพนิกาย  ปราสาทนครวัด ก่อสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในพุทธศตวรรษที่ 17 (พ.ศ. 1650 – 1693) จุดประสงค์เพื่อสร้างอุทิศถวายแก่พระวิษณุเทพในศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์ และยังใช้เป็นราชสุสานเก็บพระศพของพระองค์ ด้วยเหตุนี้มหาปราสาทนครวัดจึงถูกสร้างให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ต่างจากปราสาทอื่นๆ

           เสร็จจากการชมปราสาททั้งวันแล้ว ตอนเย็นคณะครูโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ จัดงานมุทิตาจิต แก่ผู้บริหารที่เกษียณอาอีกครั้งที่ภัทตาคารเรดออร์คิด ก็เป็นที่สนุกสนานกันทุกคน

        เช้าวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๓ คณะได้เดินทางชมภาพประวัติศาสตร์เขมรแดง ที่วัดใหม่ และเยี่ยมชมศูนย์หัตถกรรม แกะสลักหิน     อาร์ทิศซอง

          หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงแล้ว คณะจึงเดินทางกลับ โดยผ่านช่องสงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ

            การเดินทางครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ ผู้บริหารและคณะครูโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ ที่อำนวยความสะดวกและบริการแก่เพื่อนครูโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศไทย ทั้งก่อนเดินทาง ขณะเดินทาง และหลังการเดินทางกลับถึงโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษแล้วยังเตรียมอาหารไว้คอยต้อนรับอย่างดี ก็คงจะรู้ว่าพวกเราเหนื่อยและหิว จึงได้เตรียมข้าวปลาอาหารอย่างดี ทำให้เราอิ่มท้องก่อนเดินทางกลับบ้าน และทราบว่าการจัดงานเกษียณอายุราชการแก่ผู้บริหารโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดจะจัดทางภาคเหนือ ประมาณว่าจังหวัดเชียงรายทำนองนี้นี่แหละ และจะมีการศึกษาดูงานแถวๆ ประเทศพม่า รับรองครูมอคงจะได้ไปเที่ยวและมีเรื่องเล่าให้ฟังอีกเยอะเลยทีเดียว

ครูมอ ใจดี

Share this