7 ขั้นตอน หยุดแค้นเคืองโกรธ
สมาชิกเลขที่14323 | 22 พ.ค. 53
2.7K views

 
 

 

          พระพยอม กัลยาโณ เคยกล่าวว่า "โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า" เราทุกผู้ทุกคนก็รู้ดีว่า การโมโหโกรธเป็นสิ่งไม่ดี เพราะมีแต่จะทำร้ายตนเองงและผู้อื่น แม้เข้าใจขนาดนี้ก็ยังระงับไม่อยู่ มีการโมโหจนได้ เมื่อใครทำอะไรไม่ถูกใจหรือคิดเห็นไม่เหมือน

          แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อลดละความโกรธ จะทำอย่างไรเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ทำอย่างไรเพื่อมิให้ความขัดแย้งขยายบานปลายกลายเป็นความรุนแรง ในทางพุทธศาสนาได้แนะแนวทางปฏิบัติ 7 ขั้นตอน ระงับความโกรธไว้ดังนี้

1. ตั้งสติ เมื่อมีเหตุเข้ามากระทบ

          ควบคุมอารมณ์ อดทนเมื่อต้องเผชิญกับเหตุที่ไม่พึงต้องการ

2. เมื่อรู้สึกโกรธ ให้ปลุกสติรู้ตัวทันที

          ให้ปรับเปลี่ยนความสนใจ หลบหลีกไม่สนใจในเรื่องนั้น ถ้าเป็นไปได้จงย้ายตัวเอง เลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่สร้างความโกรธ เพื่อตัดภาวะปัจจัยที่จะเข้ามากระทบออกไปให้ไกลตัว

3. ให้นึกเสมอว่า "ความโกรธเป็นศัตรูร้ายทำลายตัวเราเอง"

          คนที่โกรธง่าย อารมณ์เสียตลอดเวลา จะมีหน้าตาบึ้งตึงขุ่นมัว เสื่อมสุขภาพจิต ไม่เป็นที่รักของใคร มีแต่คนอยากหลีกลี้หนีหาย ถ้าเราเป็นคนโกรธง่าย ก็มีแต่ทำลายบุคลิกภาพตัวเอง ถ้าเป็นผู้อื่นเขาจะทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว

4. แผ่เมตตาให้กับคนที่โกรธเรา

          นึกถึงใจเขาใจเรา ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น ให้เข้าใจธรรมชาติมนุษย์มีทั้งดีและเสีย ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ให้คิดเสียว่าที่เขาโกรธ เพราะเขามีทุกข์ที่ต้องการระบายออก เขาหาคนช่วยเยียวยาอาการ

5. เตือนตนเองเสมอ "อย่าโกรธตอบ"

          เพราะถ้าเราโกรธตอบเท่ากับเราเดินเข้าไปติดกับดักทางอารมณ์ เรากำลังช่วยขยายเหตุการณ์ให้รุนแรง และยืดยาวขึ้น ยิ่งโกรธตอบยิ่งเสียหาย เปรียบดังแสงที่ตกกระทบบนกระจกเงานับร้อยบาน ที่สะท้อนไปสะท้อนมาจนไม่มีสุดสิ้น

6. อยู่ห่างไกลหรือหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนที่ขี้โมโห โกรธง่าย

          การอยู่ใกล้เหมือนเรามีเชื้อไฟที่คุกรุ่นอยู่ข้างกายตลอดเวลา จะทำให้เราเคยชินจนกลายเป็นคนโกรธง่ายไปด้วย

7. อย่าคิดแบ่งแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย

          มีแต่เพื่อนร่วมโลก ร่วมทุกข์ ร่วมสุข มนุษย์ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐเลิศเลอ ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดเทียบเคียงได้ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม รวมกันเพื่ออยู่ เพื่อสร้างสรรค์ มิใช่เพื่อทำลาย มิใช่เพื่อประหัตประหารห้ำหั่น และนี่คือเป้าประสงค์ของการมีชีวิตอย่างมีคุณค่า

http://hilight.kapook.com/view/31298
 
 

เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองไม่สงบ
เมื่อมีการสาดเลือดกันแทนสาดน้ำ
เมื่อต่างฝ่ายต่างหาว่าฝั่งตรงข้ามผิด
คนในประเทศมากมายไม่สบายใจ

ไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องขึ้นในบ้านเมือง
แต่เพราะอยากช่วยให้บ้านเมืองดีขึ้นแล้ว ช่วยไม่ได้
ไม่รู้ว่าประชาชนตาดำๆคนหนึ่งจะทำตัวอย่างไร
จึงจะได้ชื่อว่าไม่งอมืองอเท้าดูดาย
ปล่อยบ้านปล่อยเมืองฉิบหายวายวอดด้วยวิธีนั่งเฉย

ถ้าช่วยให้อะไรๆดีขึ้นไม่ได้
ทางเดียวคืออย่าทำให้อะไรๆเลวร้ายลง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจจริงๆ
ว่าบ้านเมืองลุกเป็นไฟ เริ่มที่ใจ ไม่ใช่ที่ไฟ
ยิ่งมีคนพากันลุกฮือ โกรธ เกลียด คับแค้น ด่าว่ากันมากเท่าไร
ไฟยิ่งเป็นกองใหญ่ ลามไม่หยุด ดับมอดลงได้ยากมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยความเข้าใจนี้เท่านั้น
จะมีส่วนช่วยขยายวงความกว้างของน้ำใจให้ลามทั่วได้จริง

มาลองฝึกเล่นสงกรานต์ ด้วยการสาดเมตตากันในปีนี้
เริ่มต้นขึ้นด้วยการทำใจให้เย็น ให้ฉ่ำ ให้ชื่นบานเหมือนน้ำใส
สำหรับคนที่กำลังเกิดโทสะ ไม่ว่าโกรธแค้นเพื่อฝ่ายไหน
อย่าตั้งคำถามว่าจะทำยังไงดี หรือเมื่อไรจะทำใจได้
ให้ตั้งความเชื่อไปเลยว่าเราทำได้เดี๋ยวนี้
ที่ตั้งท่าด่ากันก็เปลี่ยนมาพูดเห็นอกเห็นใจ
ทบทวนให้เข้าใจเหตุผลของอีก ฝ่ายว่าทำอะไรไปทำไม
หรือถ้าจะตั้งท่าใช้กำลังเข้าห้ำหั่น
ก็เปลี่ยนมาใช้เสียงเจรจาพาทีกันเสียใหม่
ไม่เคยมีคำว่าสายไปสำหรับเสียงเจรจา
มีแต่คำว่าสายไปสำหรับเสียงปืน
ชีวิตคุณมีค่ากว่าความเจ็บใจ
แต่ความเจ็บใจมักมีค่ากว่าชีวิตคนอื่น
และการจบชีวิตคนอื่น
ก็มักเริ่มต้นจากการเจ็บใจไม่จบของคุณเอง

ส่วนคนที่อยู่วงนอก ไม่ได้โกรธแค้นฝ่ายไหน
มีแต่ความเศร้าใจว่าทำไมบ้านเมืองถึงเป็นอย่างนี้
ภาวนาเช้าค่ำให้จบดี ลงเอยงาม
ก็เปลี่ยนเป็นเอาใจช่วยแบบใหม่
อย่าเชื่อว่าเรื่องเลวร้ายจะลงเอยเร็ว ดี และเรียบร้อย
แต่ให้เชื่อว่าใจเราจะเรียบร้อยดีเดี๋ยวนี้เลย
ไม่ต้องรอว่าเมื่อไรจะทำได้เสียที
ตอนดีๆมีคนพูดดีได้เยอะ
แต่ตอนร้ายๆมีน้อยคนทำดีได้ตามที่เคยพูด
มาลองคิดถึงคำพูดดีๆที่เคยสรรเอามาพูดกัน
ไม่ว่าจะในแวดวงการบ้าน การเมือง หรือการศาสนา
แล้วลองพิจารณาว่าถึงเวลาพิสูจน์ใจกันหรือยัง
มาพิสูจน์ตัวกันเสียทีไหมว่าเราเป็นคนดีแต่พูด
หรือทำได้ตามที่พูดดี
จะแค่ลองนึกถึงคำว่าตั้งสติก็ได้
นึกถึงคำว่าหยุดโกรธ หยุดด่า หยุดแค้นก็ได้
นึกถึงคำว่าเข้าใจเหตุผล เอาใจเขามาใส่ใจเราก็ได้
คำไหนก็แล้วแต่
แค่คิดออก คำพูดก็พร้อมจะเกิดขึ้นตามนั้น
แค่พูดได้ การกระทำก็พร้อมจะตามมาโดยเร็ว

อย่าเอาแต่สวดแผ่เมตตา
ให้ทำใจเป็นเมตตาด้วยความเข้าใจกันด้วย
ความเข้าใจนั่นแหละที่ทำให้คนเราอภัยได้จริง
ความเข้าใจนั่นแหละที่ช่วยให้เรายัง มองหน้ากันได้ติด
และความเข้าใจนั่นแหละที่จะยุติเรื่องเลวร้าย
เปลี่ยนสายเลือดให้กลายเป็นสายน้ำ
น้ำใจสาดใส่กันในวันสงกรานต์

ดังตฤณ
เมษายน ๕๓ เดือนแห่งความร้อนแรงไปทั่วโลก

http://www.dharmamag.com/

Share this