เคล็ดลับ กำจัดกลิ่นปาก
สมาชิกเลขที่23 | 16 มี.ค. 55
2.5K views

“กลิ่นปาก” เรื่องที่เจ้าตัวมักไม่ค่อยรู้และคนใกล้ชิดไม่ค่อยอยากบอก และแม้ว่ากลิ่นปากจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่หลายคนมักมองข้าม แต่หากปล่อยไว้อาจส่งผลต่อบุคลิกภาพ และทำให้ขาดความมั่นใจในการเข้าสังคมได้ ...อย่างไรก็ตามหลายคนคงสงสัยว่ากลิ่นปากนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร มีคำตอบจาก ทพ.อัครพล เล้าสุทธิพงศ์ แผนกประกันสังคม รพ.กล้วยน้ำไท 1 มาฝากกัน

    คุณหมอกล่าวว่า กลิ่นปากนั้นเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ สาเหตุจากภายในช่องปาก และสาเหตุจากส่วนที่ไม่ใช่จากช่องปาก เช่น หลอดอาหาร โพรงอากาศ (Sinus) โดย 80-90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นปาก เกิดจากสาเหตุภายในช่องปาก ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในช่องปาก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในปากบริเวณเหงือกระหว่างฟัน และด้านหลังของโคนลิ้น ซึ่งแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีขึ้นโดยการอาศัยอาหารที่ตกค้างอยู่ตามร่อง เหงือก ลิ้น ทำให้เหงือกมีการอักเสบ นานๆ เข้าจะมีกลิ่นเกิดขึ้น ทั้งจากเหงือกที่อักเสบลุกลาม และแบคทีเรียบางชนิดที่สร้างแก๊สที่ทำให้เกิดกลิ่นได้ด้วย

    สำหรับบริเวณที่มักเกิดการสะสมของแบคทีเรียจนเกิดกลิ่นปากนั้น เกิดได้จาก

1.โรคเหงือกอักเสบ เป็น สาเหตุสำคัญที่สุดของการเกิดกลิ่นปาก เริ่มจากการมีคราบจุลินทรีย์ (plaque) สะสมบริเวณผิวฟัน ร่วมกับการตกตะกอนของน้ำลายจนเกิดเป็นหินปูนขึ้น ซึ่งทำให้เหงือกถูกทำลาย มีการอักเสบและมีกลิ่นขึ้นเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการทำลายกระดูกด้านใต้เหงือก ทำให้ฟันโยกได้ เหงือกอักเสบมักเริ่มจากบริเวณซอกฟันก่อนบริเวณอื่น (แม้ว่าจะมีหินปูนในระดับที่ยังไม่ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ ก็เป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้เช่นเดียวกัน)

2.ฟันผุ รูที่เกิดจากฟันผุเป็นแหล่งสะสมเศษอาหาร ซึ่งกลิ่นเกิดจากอาหารที่บูดเน่า และแก๊สจากแบคทีเรีย ยิ่งฟันผุจนทะลุถึงโพรงประสาทฟัน มีหนองปลายรากฟัน ซึ่งหนองเหล่านี้มีกลิ่นเหม็นมากจึงทำให้เกิดกลิ่นปากนั่นเอง

3.อาหารกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หอมใหญ่ พริกไทย และการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก การสูบบุหรี่ 4.แผลในช่องปาก เช่น แผลร้อนใน แผลหลังถอนฟัน ฯลฯ เพราะทำให้เคี้ยวไม่ถนัด ทำให้มีเศษอาหารติดฟันได้ง่ายและมากกว่า แผลที่มีเลือดไหลซึมก็เป็นอาหารที่ดีของเชื้อโรค ทำให้มีเชื้อโรคในช่องปากมากขึ้น มีการบูดเน่าของอาหาร นอกจากนี้เลือดและแผลที่เกิดขึ้นทำให้แปรงฟันได้ไม่ถนัด ส่งผลให้มีกลิ่นปากมากขึ้นได้เช่นกัน 5.ลิ้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลิ่นปาก เพราะมีการสะสมของเศษอาหารและแบคทีเรีย ช่วงเวลาที่เกิดกลิ่นปากได้ง่ายคือ ช่วงหลังตื่นนอนตอนเช้า เพราะน้ำลายไหลเวียนในปากน้อย ยิ่งแปรงฟันไม่สะอาดก็จะมีการสะสมของแบคทีเรียมากขึ้น

วิธีทดสอบกลิ่นปากตัวเองง่ายๆ คุณหมอแนะนำว่า 1.ให้ เอามือป้องปากแล้วลองสังเกตกลิ่นเวลามีลมออกจากช่องปาก 2.ถามคนใกล้ชิดที่กล้าพูดตรงไปตรงมากับคุณให้ช่วยบอกให้ 3.หากคุณรู้สึกตัวว่ามีกลิ่นปาก ไม่ควรนั่งนิ่งๆ ไม่พูดคุยกับใครทั้งวัน เพราะจะทำให้มีกลิ่นปากมากกว่าเดิม และวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถทำเป็นประจำเพื่อไม่ให้มีกลิ่นปาก แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หรือเมื่อมีเศษอาหารติด

ในกรณีหากคุณหนุ่มๆ หรือสาวๆ ต้องการลดกลิ่นปากในกรณีฉุกเฉินนั้น คุณหมอแนะนำว่า

1.ให้ดื่มน้ำ เพราะการดื่มน้ำจะช่วยเพิ่มให้น้ำลายไหลเวียนในช่องปากได้ดี และลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปากได้ เพราะถ้าในช่องปากอุ่นและแห้งแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดี

2.ควรบ้วนปากให้ทั่วเพื่อลดเชื้อแบคทีเรียและกลิ่นปาก และที่สำคัญการใช้น้ำยาบ้วนปากควรเลือกที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 3.เคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะช่วยเพิ่มการผลิตน้ำลายที่จะมาชะล้างคราบแบคทีเรีย แต่ควรเลือกชนิดที่ไม่มีน้ำตาลเพื่อป้องกันฟันผุ หรือชนิดที่ใช้สารไซลิทอลให้ความหวานแทนได้

นอกจากการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันแล้ว วิธีกำจัดกลิ่นปากให้ได้ผลนั้น

1.การทำความสะอาดโคนลิ้นด้วยแปรงทำความสะอาดลิ้น แปรงให้ลึกถึงโคนลิ้น

2.เคี้ยวอาหารให้ได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เพื่อลดการสะสมของคราบแบคทีเรีย

3.ดื่มน้ำให้เพียงพอไม่ปล่อยให้ปากแห้ง

4.หากพบหินปูน โรคเหงือก หรือฟันผุ ควรรีบไปพบทันตแพทย์ทันที

5.พบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูน และตรวจสุขภาพในช่องปากทุก 6 เดือน และเพื่อสุขภาพในช่องปากที่ดีในระยะยาว ควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเป็นประจำ และทำตามคำแนะนำของหมอฟันอย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยทำให้คุณมีลมหายใจที่หอมสดชื่น และมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามมากขึ้น

ที่มา นสพ.ไทยโพสต์



ขอบคุณข้อมูลจาก : Yenta4.com

Share this