แต่เดิมทีสาธารณรัฐอิตาลีหรือประเทศอิตาลีในระหว่างปี 1861-1946 ได้มีการปกครองด้วยระบบราชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยมี "กษัตริย์อุมแบร์โต้ที่ 2” (Umberto II) ผู้ครองราชย์ในปี 1946 เป็นกษัตริย์องค์สุดท้าย โดยในวันนี้การปกครองระบอบกษัตริย์ที่มีรัฐสภาและการเลือกตั้งแบบจำกัดก็ได้ถูกล้มล้างลง เมื่อประชาชนชาวอิตาลีพากันไปลงประชามติเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองของประเทศมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ โดยมีประธานาธิบดีเป็นผู้นำสูงสุดแทน
ผลของประชามตินั้นได้บีบให้ “กษัตริย์อุมแบร์โต” (Umberto II) ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ พร้อมด้วยพระราชบิดาคือ อดีตกษัตริย์ “วิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3” (Victor Emmanuel III) และสมาชิกราชวงศ์อื่น ๆ ต้องลี้ภัยไปยังต่างแดน นับเป็นการปิดฉากระบอบกษัตริย์ในประเทศอิตาลีลง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวอิตาลีหันหลังให้กับสถาบันกษัตริย์ก็คือบทบาทของ “กษัตริย์วิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3” ซึ่งชาวอิตาลีกล่าวหาว่าพระองค์คือต้นเหตุที่ทำให้อิตาลีเข้าสู่หายนะ เนื่องจากในเดือนตุลาคมปี 1922 เมื่อกองกำลังคนชุดดำของกลุ่มฟาสซิสต์นำโดย “เบนิโต มุสโสลินี” เตรียมเคลื่อนกำลังสู่กรุงโรม พระองค์ได้ปฏิเสธที่จะลงนามในพระราชกฤษฎีกาตามคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศกฎอัยการศึกซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการยับยั้งการยึดอำนาจของกลุ่มฟาสซิสต์