4,656 Views
เมื่อลูกเข้าสู่สังคมวัยเรียน ในช่วงแรกลูกอาจมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอันเนื่องมาจากการปรับตัวสู่สังคมรูปแบบใหม่ที่เขาไม่คุ้นเคย แต่หากพฤติกรรมเหล่านั้นยังไม่ดีขึ้น ลูกไม่สดใส ไม่ยิ้มหรือหัวเราะ ไม่มีเพื่อน ไม่เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง และเริ่มมีพฤติกรรมถดถอย ให้คุณพ่อคุณแม่สันนิษฐานว่าลูกอาจถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน ซึ่งหลักการสังเกตมีดังต่อไปนี้
การเปลี่ยนแปลงแรกที่สังเกตได้ง่าย คือ พฤติกรรมของลูกเริ่มเปลี่ยนไป ลูกไม่สดใสยิ้มแย้มเหมือนเคย ไม่อยากออกไปวิ่งเล่น เก็บตัวอยู่แต่ในห้องหรือในบ้าน ไม่ช่างพูดช่างเจรจา มีสีหน้าอมทุกข์ เหม่อลอย เวลาคุณพ่อคุณแม่ซักถามว่า "เป็นอะไร" หรือ "มีอะไรอยากเล่ามั้ย" หรือ "ที่โรงเรียนเป็นอย่างไร" ลูกมักจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ หรือตอบว่าไม่มีอะไร
บางครั้งเด็กอาจมีรอยแผลหรือรอยฟกช้ำกลับมาบ้านบ้าง เพราะอาจเกิดจากการเล่นหรือทำกิจกรรมที่โรงเรียน แต่หากคุณพ่อคุณแม่พบรอยที่มากผิดปกติ หรือเมื่อถามลูกถึงสาเหตุของรอยต่าง ๆ แล้วลูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ ก้มหน้า มีท่าทีลังเลที่จะเล่าให้ฟัง หรือตอบเพียงแค่ "เปล่า ไม่มีอะไร" ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าลูกอาจโดนแกล้งที่โรงเรียนได้
เด็กในวัยเรียนเป็นช่วงที่ใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ เมื่อกลับถึงบ้านจึงมักหิวและกินข้าวได้ในปริมาณมาก แต่หากลูกเริ่มไม่กระตือรือร้นกับมื้ออาหารนั้น ๆ แม้จะเป็นของโปรด ไม่อยากลุกมากินข้าว เริ่มอมข้าว เขี่ยอาหาร หรือแสดงสีหน้าอมทุกข์ตลอดเวลา สามารถสันนิษฐานได้เลยว่าลูกกำลังทุกข์ใจหรือมีบางสิ่งกวนใจลูกอยู่
ลูกเริ่มพูดว่าไม่อยากไปโรงเรียน อยากหยุด หรือแสดงอาการเจ็บป่วยทุกครั้งก่อนไปโรงเรียน เพื่อวันนั้นจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน พฤติกรรมในข้อนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าเกิดบางสิ่งบางอย่างกับลูกที่โรงเรียนแน่นอน
เด็ก ๆ ที่โดนแกล้งมักมีปัญหานอนไม่หลับ หรือฝันร้ายบ่อยครั้ง เนื่องจากเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เขาจำฝังใจ และกระทบจิตใจเขาเป็นอย่างมาก ในบางรายเด็กอาจละเมอร้องออกมา หรือละเมอดิ้นอย่างรุนแรงขณะนอนหลับด้วยเช่นกัน
ในกรณีที่ลูกถูกแกล้งที่โรงเรียน นอกจากพฤติกรรมและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ผลการเรียนของลูกยังเป็นอีกหนึ่งส่วนที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำมาสังเกตได้ โดยเด็กที่ถูกแกล้ง มักไม่มีสมาธิในการเรียน ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำการบ้าน จนส่งผลให้การเรียนตกลงกว่าที่ควรจะเป็น
อีกหนึ่งวิธีสังเกตและตรวจสอบ คือการสอบถามจากคุณครูที่โรงเรียนหรือเพื่อน ๆ ของลูกที่โรงเรียน โดยวิธีการสอบถามอาจต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์และบริบทในขณะนั้น ๆ ข้อพึงระวังคือคุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามและรับฟังอย่างมีสติและใจเย็น
----------------------
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
สัญญาณเตือนภัย ว่าลูกอาจถูกทำร้ายที่โรงเรียน
ปรับบุคลิกของลูก ไม่ให้กลายเป็น “เหยื่อ” ของการ Bully ในโรงเรียน