Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

10 วิธีทำให้ลูกกินหวานน้อยลง

Posted By naminmin273 | 22 ก.ค. 68
88 Views

  Favorite

รู้ไหมว่า "น้ำตาลกับเด็ก" มีความสัมพันธ์ที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะการบริโภคน้ำตาลเกินขนาดในวัยเด็กไม่เพียงแต่ส่งผลต่อสุขภาพระยะสั้น เช่น ฟันผุ แต่ยังสะสมไปสู่โรคเรื้อรังในอนาคต เช่น เบาหวาน ภาวะอ้วน โรคหัวใจ หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาวิธี ลดน้ำตาล ลดของหวานในเด็ก อย่างได้ผลจริงโดยไม่ต้องบังคับ บทความนี้คือคำตอบที่จะช่วยให้เข้าใจปัญหา พร้อมแนวทางปฏิบัติง่าย ๆ ที่ทำได้จริง

ทำไมน้ำตาล ถึงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเด็ก

- พฤติกรรมซุกซน หรือสมาธิสั้น : น้ำตาลที่มากเกินไปส่งผลต่อระดับพลังงานที่ผันผวน เด็กอาจมีพฤติกรรมไฮเปอร์ ขาดสมาธิ หรือหงุดหงิดง่าย
- ฟันผุ : น้ำตาลเป็นอาหารโปรดของแบคทีเรียในปาก นำไปสู่ฟันผุอย่างรวดเร็ว
- เสี่ยงโรคอ้วนและเบาหวาน : หากเด็กบริโภคน้ำตาลสูงต่อเนื่องตั้งแต่วัยเยาว์ จะเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกิน และโรคเมตาบอลิก
- สร้างพฤติกรรมติดรสหวาน : เมื่อชินกับรสหวาน เด็กจะปฏิเสธอาหารที่ไม่หวาน เช่น ผัก หรือผลไม้ธรรมชาติ

 

ปริมาณน้ำตาลที่เหมาะสมสำหรับเด็ก

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่า เด็กควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 5% ของพลังงานทั้งหมดต่อวัน ซึ่งเท่ากับไม่เกิน 4–6 ช้อนชาต่อวัน (ประมาณ 16–25 กรัม) สำหรับเด็กวัยเรียน

แต่ในความเป็นจริง เด็กไทยจำนวนมากบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยเกิน 2–3 เท่าจากปริมาณที่แนะนำ โดยเฉพาะจากขนม น้ำหวาน และอาหารแปรรูป

 

น้ำตาลแฝงในอาหารเด็ก มีอะไรบ้าง

- โยเกิร์ตปรุงรส / นมเปรี้ยว
- ขนมปังไส้หวาน ซีเรียลอาหารเช้า
- น้ำผลไม้กล่อง
- เครื่องดื่มรสนมต่าง ๆ
- ซอสปรุงรสและซุปก้อน

 

10 วิธีทำให้ลูกกินหวานน้อยลง ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน
1. ค่อย ๆ ปรับ ไม่หักดิบ

การตัดหวานทันทีอาจทำให้เด็กต่อต้าน ลองลดปริมาณน้ำตาลทีละน้อย เช่น สั่งชานมหวานน้อย เปลี่ยนจากขนมเค้กเป็นผลไม้ หรือดื่มน้ำผลไม้เจือจาง

 

2. ทำของว่างสุขภาพเอง

เปลี่ยนขนมหวานสำเร็จรูปเป็นของว่างโฮมเมด เช่น กล้วยอบ ขนมจากข้าวโอ๊ต น้ำผลไม้คั้นสดไม่เติมน้ำตาล

 

3. ชวนลูกทำอาหารด้วยกัน

ให้ลูกมีส่วนร่วมในการทำอาหาร เช่น ปั่นสมูทตี้ผลไม้ เลือกผลไม้เอง ทำให้เด็กตื่นเต้นกับของหวานทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ

 

4. สอนลูกเรื่องน้ำตาลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ใช้การ์ตูนหรือภาพประกอบอธิบายว่า น้ำตาลมากเกินไปทำให้ฟันผุ พุงป่อง หรือไม่มีแรงเล่นกับเพื่อนได้

 

5. ตั้งกฎง่าย ๆ เช่น “วันหวาน 1 วัน”

กำหนดว่าใน 1 สัปดาห์จะมีเพียง 1–2 วัน ที่สามารถกินของหวานได้ ทำให้เด็กรู้จักควบคุมตัวเอง และมีความสุขโดยไม่ติดหวานทุกวัน

 

6. หาผลไม้รสหวานธรรมชาติแทนขนม

กล้วย มะม่วงสุก สตรอว์เบอร์รี อินทผาลัม เป็นผลไม้รสหวานตามธรรมชาติที่ยังมีใยอาหารและวิตามิน

 

7. อย่าซื้อติดบ้าน

ของหวานที่วางในตู้เย็นหรือตู้กับข้าว คือสิ่งล่อตาล่อใจ หากไม่มีอยู่ในบ้าน เด็กก็ไม่เรียกร้อง

 

8. เปลี่ยนน้ำหวานเป็นเครื่องดื่มธรรมชาติ

แทนน้ำอัดลม ด้วยน้ำผลไม้ปั่นไม่ใส่น้ำตาล หรือชาใบเตย ชาน้ำผึ้งมะนาวเจือจางที่ทำเอง

 

9. ให้รางวัลด้วยสิ่งอื่น ไม่ใช่ขนม

หยุดใช้ขนมหวานเป็นรางวัล ให้เปลี่ยนเป็นกิจกรรมที่เด็กชอบ เช่น อ่านนิทาน เล่นของเล่น ไปเที่ยวสวน

 

10. เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น

หากพ่อแม่ยังติดหวาน กินน้ำอัดลม กินของหวานทุกวัน เด็กก็จะทำตามโดยไม่รู้ตัว การลดน้ำตาลในบ้านต้องเริ่มจากทุกคน

 

แนวทางเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เด็กลดกินหวาน แบบยั่งยืน 

- ไม่ตำหนิหรือบังคับ เพราะจะทำให้เด็กรู้สึกว่าอาหารสุขภาพคือลงโทษ
- เปลี่ยนวิธีพูด เช่น “ผลไม้นี้อร่อยเหมือนลูกอมเลย” แทนที่จะพูดว่า “กินอันนี้เถอะ ไม่อ้วน”
- สื่อสารบวก ให้เด็กเข้าใจว่าน้ำตาลมากไปไม่ดี แต่ของหวานบางชนิดกินได้บ้างในปริมาณที่พอดี
- เชื่อมโยงกับเป้าหมายของลูก เช่น “ถ้าอยากวิ่งได้เร็ว เหมือนนักกีฬาคนนั้น ต้องกินหวานให้น้อยนะ”


การลดน้ำตาลในเด็กไม่จำเป็นต้องใช้วิธีหักดิบหรือบังคับให้เลิกกินทันที แต่คือการปรับพฤติกรรม ค่อย ๆ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม สื่อสารเชิงบวก และใช้ความร่วมมือจากทั้งครอบครัว เมื่อเด็กได้เรียนรู้ ได้ลงมือทำ และเห็นตัวอย่างที่ดีจากคนรอบตัว เขาก็จะค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมไปสู่การกินหวานอย่างพอดี และมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • naminmin273
  • 0 Followers
  • Follow