ชาไข่มุก น้ำอัดลม กาแฟปรุงสำเร็จ และน้ำผลไม้กล่อง มักมีน้ำตาลสูงเกินความจำเป็น โดยหนึ่งแก้วอาจมีน้ำตาลมากถึง 30–50 กรัม ซึ่งเทียบเท่าหรือเกินกว่าปริมาณที่ควรบริโภคต่อวัน (แนะนำไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา สำหรับผู้หญิง และ 36 กรัม สำหรับผู้ชาย) การดื่มน้ำหวานเป็นประจำอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวน เกิดความอยากของหวานซ้ำซ้อน ส่งผลให้กินมากเกินไป น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และเสี่ยงโรคเรื้อรังในระยะยาว
แม้จะดูธรรมดาแต่น้ำเปล่าคือเครื่องดื่มที่ดีที่สุดในการลดน้ำตาลในร่างกาย และช่วยขจัดของเสียออกจากระบบเลือด การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ (ประมาณ 6–8 แก้วต่อวัน) ยังช่วยควบคุมความอยากน้ำหวานได้ดีอีกด้วย
เคล็ดลับ : ถ้าเบื่อน้ำเปล่าล้วน ลองเติมมะนาวฝาน หรือใบสะระแหน่ลงไปเพื่อเพิ่มความสดชื่น
น้ำมะนาวมีวิตามินซีสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการเผาผลาญ และยังช่วยลดความอยากของหวานได้อย่างดี
วิธีดื่มแทนน้ำหวาน : คั้นน้ำมะนาว 1 ลูก เติมน้ำเย็น และน้ำแข็ง โดยไม่ต้องเติมน้ำตาล หรือใช้น้ำผึ้งนิดเดียวแทน ถ้าจำเป็น
ชาเขียวมีสารโพลีฟีนอล และคาเทชิน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ข้อควรระวัง : ควรเลือกชาเขียวแบบไม่หวาน ไม่ปรุงแต่งกลิ่น หรือชาที่ชงจากใบชาแท้ ไม่ใช่ชาเขียวขวดที่มักมีน้ำตาลแฝง
เครื่องดื่มสุขภาพไทย ๆ เช่น น้ำตะไคร้ น้ำขิง น้ำใบเตย น้ำเก๊กฮวย หากทำเองโดยไม่ใส่น้ำตาล จะให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยลดความดัน บำรุงระบบย่อยอาหาร และช่วยขับของเสีย ดื่มแทนน้ำหวานได้ดีมาก และเหมาะกับผู้ที่ต้องการเลี่ยงคาเฟอีนหรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป
น้ำมะพร้าวอ่อนมีน้ำตาลธรรมชาติในระดับพอเหมาะ อุดมด้วยอิเล็กโทรไลต์ วิตามิน และโพแทสเซียมที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เหมาะสำหรับดื่มหลังออกกำลังกายแทนเครื่องดื่มเกลือแร่
ข้อแนะนำ : ควรเลือกน้ำมะพร้าวสดจากผล ไม่ใช่แบบกล่องที่มักเติมน้ำตาลเพิ่ม
น้ำนมอัลมอนด์แบบไม่เติมน้ำตาล หรือนมถั่วเหลืองสูตรไม่หวาน เป็นทางเลือกที่ดีในการดื่มแทนน้ำหวาน ให้พลังงานต่ำ มีโปรตีนและไขมันดี ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
เหมาะกับ : ผู้ที่แพ้นมวัว หรือต้องการลดน้ำหนักควบคู่กับควบคุมน้ำตาล
น้ำอินฟิวส์ คือ การแช่ผลไม้หรือสมุนไพรลงในน้ำเปล่า เช่น มะนาว แตงกวา สตรอว์เบอร์รี ขิง หรือใบมิ้นต์ ซึ่งช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและรสอ่อน ๆ ให้กับน้ำดื่มโดยไม่ต้องเติมน้ำตาล ใช้ดื่มแทนน้ำหวาน ได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเบื่อ อีกทั้งยังทำเองง่ายและประหยัดด้วย
- ลดปริมาณน้ำตาลทีละน้อย เช่น จากชานมหวาน 100% เหลือ 50% แล้วค่อย ๆ ปรับเหลือ 0%
- พกเครื่องดื่มลดน้ำตาลติดตัว เพื่อลดโอกาสซื้อน้ำหวานข้างนอก
- เลือกดื่มชา กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือเปลี่ยนเป็นสูตรหวานน้อย
- อ่านฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลแฝง
- ดื่มน้ำเปล่าทุกเช้า เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว และไม่โหยหวาน
แม้ว่าเครื่องดื่มที่กล่าวมาในบทความจะเป็นเครื่องดื่มสุขภาพ และเหมาะกับการดื่มแทนน้ำหวาน แต่ก็ไม่ควรดื่มในปริมาณมากเกินไป เช่น น้ำผลไม้ธรรมชาติถึงแม้ไม่ใส่น้ำตาลเพิ่ม แต่ก็มีน้ำตาลจากผลไม้อยู่แล้ว หากดื่มมากเกินไปก็อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้เช่นกันหลักสำคัญคือ “ดื่มพอดี ไม่ดื่มเพลิน” และควรสลับกับน้ำเปล่าบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายสมดุลอย่างแท้จริง