23,597 Views
Favorite
1. ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะที่มีขนาดเล็กที่สุด โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4,880 กิโลเมตร เล็กกว่าโลกประมาณ 2.6 เท่า และอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด โดยห่างจากดวงอาทิตย์เป็นระยะทาง 58 ล้านกิโลเมตร
2. ดาวพุธหรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า เมอคิวรี (Mercury) นั้น เป็นชื่อของเทพเจ้าโรมัน ซึ่งเป็นเทพแห่งการสื่อสารและเป็นที่ทราบกันว่าสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว การที่ดาวพุธได้ชื่อนี้มา ก็เนื่องจากความเร็วในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวพุธที่เร็วกว่าดาวเคราะห์อื่น ๆ ในระบบสุริยะ โดยโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบรอบภายในเวลา 88 วันเท่านั้น
3. การที่ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด มันจึงใช้เวลาสั้นที่สุดในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยใช้เวลาเพียง 88 วันของโลกในการโคจรครบ 1 รอบ ด้วยความเร็วประมาณ 47 กิโลเมตรต่อวินาที ดังนั้น 1 ปีบนดาวพุธ จึงมีเพียง 88 วันเท่านั้น แต่มันกลับหมุนรอบตัวเองได้อย่างเชื่องช้า โดยใช้เวลาถึง 59 วันของโลกกว่าที่จะหมุนรอบตัวเองครบ 1 รอบ นั่นหมายความว่า 1 ปีบนดาวพุธ มีเพียง 1.5 วันเท่านั้น ในขณะที่ 1 ปีบนโลก มีถึง 365 วัน
4. ชั้นบรรยากาศของดาวพุธนั้นเบาบางมากหรือเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอยู่เลย โดยมีความหนาแน่นน้อยกว่าชั้นบรรยากาศของโลกถึง 1,015 เท่า มันจึงใกล้เคียงกับคำว่าสุญญากาศอย่างแท้จริง การที่มันมีชั้นบรรยากาศที่เบาบางเช่นนี้ก็เนื่องมาจาก 1) บนดาวพุธมีแรงโน้มถ่วงน้อยกว่าบนโลก จึงไม่สามารถกักเก็บชั้นบรรยากาศไว้ได้มากนัก 2) ดาวพุธและดวงอาทิตย์อยู่ใกล้กันมากจนทำให้มันถูกลมสุริยะพัดถล่มอยู่ตลอดเวลา จึงพัดพาเอาชั้นบรรยากาศส่วนใหญ่ไปด้วย
5. แรงโน้มถ่วงบนดาวพุธมีอยู่เพียงประมาณ 38% ของโลก ดังนั้น หากน้ำหนักของคุณบนโลกเป็น 90 กิโลกรัม คุณก็จะผอมเพรียวทันทีเมื่อไปชั่งน้ำหนักบนดาวพุธ เพราะที่นั่นคุณจะหนักเพียง 34 กิโลกรัมเท่านั้น
6. แม้ว่าชั้นบรรยากาศบนดาวพุธจะเบาบางมาก ๆ แต่ชั้นบรรยากาศบนดาวพุธก็มีองค์ประกอบของแก๊สหลายชนิด ได้แก่ ออกซิเจน 42% โซเดียม 29% ไฮโดรเจน 22% ฮีเลียม 6% และโพแทสเซียม 0.5% ที่เหลือเป็นแก๊สอาร์กอน คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจน ซีนอน เป็นต้น เมื่อพิจารณาแล้วว่ามีออกซิเจน แต่มนุษย์ก็ไปอยู่บนดาวพุธไม่ได้อยู่ดี เพราะนอกจากอุณหภูมิจะโหดร้ายเกินไปสำหรับร่างกายมนุษย์แล้ว แก๊สฮีเลียมที่ปกติใช้อัดเข้าไปในลูกโป่งสวรรค์เพื่อให้ลูกโป่งลอยได้ และดูเป็นมิตรกับเด็ก กลับเป็นอันตรายสำหรับมนุษย์ มันทำให้เราเสียชีวิตจากการขาดออกซิเจนได้ หากหายใจเอาแก๊สฮีเลียมเข้าไปมาก ๆ
7. เนื่องจากดาวพุธเป็นดาวที่อยู่ใกล้พระอาทิตย์มากที่สุด จึงทำให้บางคนเข้าใจว่า ดาวพุธเป็นดาวที่ร้อนที่สุด มีอุณหภูมิสูงที่สุด ในบรรดาดาวเคราะห์ทั้ง 8 ดวงในระบบสุริยะ แต่ความจริงแล้วบนพื้นผิวดาวพุธนั้น มีอุณหภูมิต่ำที่สุดประมาณ -180 องศาเซลเซียส และสูงที่สุดประมาณ 430 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งมันก็เพียงพอแล้วที่จะหลอมละลายตะกั่ว (Lead) ได้ เพราะจุดหลอมเหลวของตะกั่วนั้นอยู่ที่ 328 องศาเซลเซียส แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับดาวศุกร์ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดในระบบสุริยะ นั่นคือประมาณ 470 องศาเซลเซียส และด้วยความที่อุณหภูมิที่ต่ำที่สุดกับอุณหภูมิที่สูงที่สุดบนดาวพุธนั้นแตกต่างกันมาก ทำให้ดาวพุธได้รับฉายาว่า "เตาไฟแช่แข็ง"
8. ดาวพุธมีน้ำแข็งและสารประกอบอินทรีย์ซึ่งเป็นองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลก เพราะดาวพุธนั้นอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มาก และมีอุณหูมิที่สูงถึง 430 องศาเซลเซียส แต่เนื่องจากมันมีหลุมอุกกาบาตเป็นบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดดเลย ทำให้บริเวณที่อยู่ภายใต้เงาของหลุมอุกกาบาตนั้นเย็นจัดจนมีน้ำแข็งเกาะอยู่ โดยสันนิษฐานว่า น้ำแข็งเหล่านี้อาจมาจากอุกกาบาตที่เคยพุ่งเข้าชนดาวพุธมาก่อนก็เป็นได้
9. ดาวพุธประกอบไปด้วยเปลือกนอก เนื้อดาว และแกนกลาง โดยชั้นเปลือกนอกมีความหนาประมาณ 100-300 กิโลเมตร เนื้อดาวมีความหนาประมาณ 600 กิโลเมตร และส่วนแกนกลางซึ่งภายในเป็นของเหลวมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3,600 กิโลเมตร
10. แกนกลางของดาวพุธประกอบไปด้วยเหล็กถึงประมาณ 75% ทำให้มันมีมวลมาก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาตรของมัน ก็ทำให้ดาวพุธกลายเป็นดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูงเป็นอันดับ 2 รองจากโลก โดยมีความหนาแน่นเฉลี่ยสูงถึง 5,427 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในขณะที่โลกมีความหนาแน่น 5,514 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
11. ภาพดาวพุธที่หลายคนเคยเห็นอาจจะเป็นสีเหลือง สีส้ม ไปจนถึงสีแดง แต่สีที่แท้จริงของดาวพุธนั้นกลับเป็นสีเทา เนื่องจากผิวของดาวพุธเต็มไปด้วยหินสีเทาที่มาจากการหลอมเหลวและแข็งตัวเมื่อหลายพันล้านปีก่อน
12. ดาวพุธไม่มีดวงจันทร์บริเวณเช่นเดียวกับดาวศุกร์ เนื่องจากดาวเคราะห์ทั้งสองนี้อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มาก และแรงดึงดูดระหว่างดวงอาทิตย์กับดาวเคราะห์ทั้งสอง ก็ทำให้วัตถุใด ๆ ที่เข้ามาในรัศมีของแรงนี้อาจหายเข้าไปในดวงอาทิตย์ได้
13. บนพื้นผิวดาวพุธนั้นมีลักษณะขรุขระคล้ายกับพื้นผิวของดวงจันทร์ เนื่องมีหลุมอุกกาบาตจำนวนมาก โดยหลุมขนาดใหญ่เรียกว่า แอ่งแคลอริส (Caloris Basin) มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,300 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีภูเขาไฟที่สงบแล้วอีกหลายลูกด้วยกัน
14. ดาวพุธเป็น 1 ในดาวเคราะห์ 5 ดวง ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลกของเรา โดยจะเห็นดาวพุธได้ในช่วงพลบค่ำหรือรุ่งสาง อีก 4 ดวงนั้นคือ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์
ดาวพุธเป็นการยากที่จะสังเกตการณ์ผ่านกล้องโทรทรรศน์เนื่องจากมันใกล้กับพระอาทิตย์มาก
15. มียานอวกาศเพียง 2 ลำเท่านั้นที่ถูกส่งไปสำรวจดาวพุธ ลำแรกคือ ยานอวกาศมาริเนอร์ 10 (Mariner10) ในช่วงปี 1974-1975 ส่วนอีกลำคือ Messenger ซึ่งถูกส่งไปในช่วงในช่วงปี 2011-2015
16. หากขึ้นไปอยู่บนพื้นผิวของดาวพุธ แล้วมองไปยังดวงอาทิตย์ เราจะเห็นดวงอาทิตย์กลมโต ขนาดใหญ่กว่าที่เห็นบนโลกถึง 3 เท่า (แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีใครอยากไปอยู่ตรงนั้น)
17. โลกของเรามีสนามแม่เหล็กห่อหุ่มอยู่ และดาวพุธก็เช่นกัน แต่สนามแม่เหล็กบนดาวพุธมีความเข้มข้นเพียง 1% ของสนามแม่เหล็กโลกเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการหลอมเหลวภายในแกนของดาวพุธเอง
18. โดยทั่วไป วงโคจรของดาวเคราะห์จะมีลักษณะเป็นวงรี แต่สำหรับวงโคจรของดาวพุธรอบดวงอาทิตย์นั้นกลับมีลักษณะเป็นรูปไข่
19. แสงสว่างและรังสีต่าง ๆ ที่ดวงอาทิตย์ส่องออกมาถึงดาวพุธนั้นมีมากถึง 7 เท่า ที่ส่งมาถึงโลก และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งนอกเหนือจากอุณหภูมิและชั้นบรรยากาศที่ทำให้ดาวเล็ก ๆ ดวงนี้ไม่น่าอยู่สำหรับมนุษย์อย่างเรา
บทความที่เกี่ยวข้อง
- วงแหวนดาวเสาร์ ความสวยงามในอวกาศ
