เราเรียนกันมาว่า อาหารในหมู่โปรตีนคือ เนื้อ นม ไข่ แต่นมเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีจริงหรือ มันมีเรื่องราวมากมายเบื้องหลังโปรตีนในนมและความสำคัญของการดื่มนมเพื่อให้ได้โปรตีน ทำไมเราต้องดื่มนมปริมาณมาก ทำไมทุกต่างบอกว่า "รักใครให้ดื่มนม" มีเพลงมากมายเพื่อกระตุ้นให้ดื่ม รณรงค์ให้ดื่ม ให้ความสำคัญกับการดื่มนม อาหารชนิดอื่น ๆ ซึ่งก็ให้คุณค่าทางอาหาร ให้โปรตีน ไม่ต่างกันกลับไม่ได้รับความนิยมเท่า
นมที่เราพูดถึงอยู่ในขณะนี้คือ นมวัว แต่ความเป็นจริงก็คือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดที่เราเลี้ยงไว้เป็นปศุสัตว์ก็ให้ผลิตผลเป็นนมได้เช่นกัน แต่ทำไมเราถึงเจาะจงที่นมวัว นมแพะก็เป็นนมอีกชนิดที่ผลิตออกมาให้เราเลือกซื้อหา ความจริงคือ นมอูฐ นมควาย เองก็เป็นที่นิยมในบางพื้นที่ และแม้จะมีการศึกษาพบว่า นมวัวอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้บ้าง และบางคนที่แพ้นมวัวต้องดื่มนมแพะแทนเนื่องจากมักไม่แพ้ รวมถึงมีสารอาหารจำพวกวิตามินมากกว่าอีกด้วย แต่ด้วยทรัพยากรที่จำกัด รวมถึงพื้นที่ที่ใช้เลี้ยงและการดูแลรักษา แม้ปัจจุบันจะมีการทำฟาร์มนมแพะ แต่เมื่อเปรียบเทียบปริมาณผลผลิตที่ได้ต่อทรัพยากรที่ลงทุนไป วัวก็ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและนิยมที่สุดในการทำฟาร์มเพื่อผลิตน้ำนมออกขายอยู่ อีกทั้งยังมีสัดส่วนของไขมันใกล้เคียงนมของคนด้วย
น้ำนมคืออาหารมื้อแรกที่เรารับประทาน ตั้งแต่เราเกิดมา นมแม่เป็นแหล่งอาหารแหล่งแรกของทารก และยังประกอบไปด้วยสารอาหารและสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโต การปรับตัว และการรับมือของทารกต่อสภาพแวดล้อมภายนอกท้องแม่ซึ่งเต็มไปด้วยปัจจัยหลากหลาย การเปลี่ยนแปลง รวมถึงเชื้อโรคมากมาย หากพูดถึงในแง่วิทยาศาสตร์แล้ว ธรรมชาติได้วิวัฒน์และเตรียมนมแม่มาให้ดีพร้อมทั้งในด้านสารอาหารครบ 5 หมู่และภูมิคุ้มกันสำหรับลูก โดยไม่มีสารอาหารใดสามารถเทียบเท่าได้ ทารกที่ได้ดื่มนมแม่จึงมีสุขภาพแข็งแรง อีกทั้งยังสะดวกและสะอาดปลอดภัย เนื่องจากไม่ต้องผ่านกระบวนการผลิตและบรรจุอื่น ๆ ที่อาจจะทำให้คุณค่าทางอาหารลดลงหรือปนเปื้อนได้
ร่างกายของทารกเองก็ออกแบบมาให้สามารถย่อยและดูดซึมนมแม่ได้ตลอด 6 เดือนแรกของชีวิต นมจากสัตว์ที่มีสายพันธุ์ต่างกัน อยู่ในสถานที่แตกต่างกันก็ให้คุณค่าและสัดส่วนของสารอาหารที่ต่างกัน นมกวางเรนเดียร์ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ขั้วโลกมีสัดส่วนของไขมันถึง 20% ของน้ำนม ซึ่งมากกว่านมวัวหรือนมของคนหลายเท่า แน่นอนว่านมของอูฐ นมของโลมา หรือแม้แต่ตุ่นปากเป็ด ก็ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อลูกของมันแตกต่างกันไปตามวิถีและการใช้ชีวิต
แล้วทำไมนมจึงผลิตออกมาแตกต่างกันตามแต่ละสายพันธุ์ กระบวนการผลิตน้ำนมเริ่มจากเซลล์ที่ชื่อ Mammocytes ซึ่งอยู่ในเต้านมจะเรียงตัวเป็นชั้นบาง ๆ รูปเหมือนลูกแพร์ โดยมันจะดึงเอาสารอาหารที่จำเป็น ซึ่งเป็นส่วนประกอบของนมออกมาจากร่างกายของแม่ ผ่านทางเส้นเลือดซึ่งเป็นตัวลำเลียงสารอาหาร กลั่นจนกลายเป็นหยดไขมันเล็ก ๆ เมื่อมันมีปริมาณมากขึ้นก็จะไหลไปรวมกันอยู่ในช่องว่างพิเศษระหว่างเซลล์ ก่อนจะส่งต่อไปยัง Mammary Gland หรือต่อมน้ำนม เพื่อให้ทารกหรือเด็ก ๆ ในสายพันธุ์ต่าง ๆ ดูดเป็นอาหาร
แม้ว่ากระบวนการนี้จะเป็นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพศเมีย แต่ก็สามารถเกิดขึ้นในสัตว์เพศผู้บางชนิดได้ เช่น ค้างคาวดายัค (Dayak Fruit Bat) ซึ่งอาศัยอยู่ที่เกาะบอร์เนียวและพื้นที่โดยรอบ แพะ หรือแม้แต่แมว ก็สามารถสังเคราะห์นมได้ การผลิตน้ำนมถูกกระตุ้นด้วยฮอร์โมนเนื่องจากกระบวนการปฏิสนธิและทำให้ร่างกายมีความพร้อมที่จะให้กับทารกที่เพิ่งเกิด
สำหรับคนแล้วสามารถแบ่งได้เป็นสามช่วง ช่วงแรกซึ่งคุณแม่ได้ตั้งครรภ์ 16-22 สัปดาห์ จะมีการผลิตน้ำนมปริมาณเล็กน้อย ช่วง 30-45 ชั่วโมงหลังคลอด ซึ่งร่างกายจะต้องเตรียมพร้อมที่จะให้นมกับทารกที่เพิ่งเกิด น้ำนมจะถูกผลิตออกมาในปริมาณที่เพียงพอต่อทารก และแม้ว่าทารกจะไม่ได้ดูดนม น้ำนมก็จะถูกผลิตออกมาจากการกระตุ้นของฮอร์โมนอยู่ดี และช่วงสุดท้ายคือน้ำนมจะถูกผลิตออกมาเรื่อย ๆ แม้ไม่มีการกระตุ้นจากฮอร์โมนแล้ว แต่เกิดจากการกระตุ้นจากการดูดนมของทารก โดยร่างกายจะผลิตนมทดแทนนมที่ถูกดูดออกไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นกระบวนการเติมเต็มปริมาณนมในเต้าให้มีปริมาณคงที่อย่างต่อเนื่อง และนั่นทำให้เราสามารถทำฟาร์มนมได้ เราจำเป็นต้องปั๊มนมแม่วัวออกมาเป็นประจำเพื่อให้แม่วัวผลิตน้ำนมออกมาเรื่อย ๆ
และถ้าหากคุณค่าทางอาหาร ความมหัศจรรย์ในการสร้างน้ำนม ยังไม่ทำให้เห็นถึงความสำคัญของนมต่อการดำรงชีวิตของเรา ก็ให้คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เราใช้วิทยาการสมัยใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีมากมายถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตและจำหน่ายนม นับตั้งแต่การให้แม่วัวได้รับสารอาหารที่ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมและปัจจัยกระตุ้นที่เหมาะสมเพื่อให้น้ำนมถูกผลิตออกมาเป็นประจำ การตรวจสอบคุณภาพและปริมาณน้ำนมต่อไขมันในน้ำนมที่มีมาตรฐาน รวมถึงการเพิ่มหรือสกัดเอาไขมันส่วนที่ไม่ต้องการออก เพื่อให้ได้นมหลายชนิด ทั้งพร่องมันเนย และขาดมันเนย รวมถึงการนำไขมันที่แยกออกมาไปผลิตเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น เช่น เนย ชีส ครีมต่าง ๆ ยังไม่รวมถึงการฆ่าเชื้อเพื่อให้ผลผลิตมีอายุยาวขึ้นและพร้อมสำหรับการบริโภค เราลงทุนไปมากกับอุตสาหกรรมนมซึ่งมีขนาดใหญ่เกือบ 900 ล้านตันในแต่ละปี และมันคงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ หรือเป็นแค่เครื่องดื่มสำหรับเด็ก
บทความที่เกี่ยวข้อง