เหตุผลที่ทำให้การศึกษาแบบโฮมสคูลนั้น เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากผลของความไม่มั่นใจและไม่พอใจในระบบการศึกษาปกติที่ตั้งมาตรฐานไว้เพียงทิศทางเดียว ทำให้นักเรียนบางส่วนที่มีแนวทางการเรียนรู้ที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของโรงเรียน กลายเป็นนักเรียนที่มีปัญหาด้านการเรียน และอาจจะส่งผลทำให้นักเรียนปรับตัวไม่ได้ และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตามมาในภายหลัง ด้วยเหตุนี้เอง หลาย ๆ ครอบครัวจึงเลือกที่จะจัดการศึกษาแบบโฮมสคูล ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของนักเรียนมากกว่า เพราะสามารถเลือกหลักสูตรและแนวทางที่เหมาะสมกับนักเรียนได้ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยมาตรฐานทั่วไปของโรงเรียน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นประเทศหนึ่งที่สนับสนุนการศึกษาแบบโฮมสคูล อย่างแพร่หลาย ซึ่งมีพ่อแม่ผู้ปกครองกว่าร้อยละ 7 ที่ต้องการให้ลูกเรียนแบบโฮมสคูล แต่ปัจจัยหลายอย่างนั้นก็ไม่ได้เอื้อให้การศึกษารูปแบบนี้ประสบความสำเร็จมากนัก เช่น เรื่องของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาแบบโฮมสคูลซึ่งมีราคาสูง ความสามารถในการอุทิศเวลาของพ่อแม่ผู้ปกครอง และ ความกังวลในการปรับตัวของเด็กในอนาคต ซึ่งจากสาเหตุเหล่านี้เอง ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองแม้มีความสนใจที่จะจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กด้วยรูปแบบโฮมสคูล แต่ก็มีความกังวลและความไม่มั่นใจต่อการจัดการศึกษารูปแบบนี้อยู่พอสมควร
จากความกังวลและไม่มั่นใจดังกล่าว ทำให้สหรัฐอเมริกา เริ่มหาทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อลดจุดด้อยและเพิ่มจุดเด่นของการศึกษาแบบโฮมสคูล จนนำมาสู่การศึกษาแบบโฮมสคูลรูปแบบใหม่ ที่เรียกกันว่า โฮมสคูลแบบไฮบริด (Hybrid Homeschooling)
โฮมสคูลแบบไฮบริด (Hybrid Homeschooling) เป็นรูปแบบการศึกษาที่ผสมผสานระหว่างการเรียนรู้แบบโฮมสคูลตามปกติ กับการเรียนรู้ในรูปแบบโรงเรียนซึ่งรูปแบบของการจัดการศึกษาในลักษณะนี้ นักเรียนจะแบ่งการเรียนรู้ออกเป็นสองส่วนคือ การเรียนที่บ้านแบบโฮมสคูล กับการเรียนรู้ที่โรงเรียนหรือสถาบันการเรียนรู้ที่ดำเนินการเหมือนโรงเรียน โดยจะเป็นไปตามหลักสูตรการเรียนรู้ที่พ่อแม่ผู้ปกครองเลือกเฟ้นให้ตามความเหมาะสมของตัวนักเรียน ซึ่งนักเรียนจะมาโรงเรียนเพียง 2-3 วันใน 1 สัปดาห์ ส่วนวันที่เหลือนั้นนักเรียนจะเรียนที่บ้านตามแนวทางปกติของโฮมสคูล
ลักษณะการจัดการเรียนรู้แบบไฮบริดโฮมสคูลนี้ เป็นรูปแบบการศึกษาที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ครอบครัวที่ดำเนินการศึกษาแบบโฮมสคูลในสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการกล่าวถึงอย่างมากมายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนักการศึกษาหลายคนมองว่า รูปแบบของการจัดการแบบโฮมสคูลในลักษณะใหม่นี้ จะเป็นอนาคตใหม่ของการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งในสหรัฐและทั่วโลก
การศึกษาโฮมสคูลแบบไฮบริดนั้น เป็นการนำเอาจุดเด่นของระบบการศึกษาทั้ง 2 ระบบมารวมกัน คือการที่พ่อแม่และผู้ปกครองยังคงมีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนรู้และจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับนักเรียนตามแนวทางของโฮมสคูล แต่ขณะเดียวกัน นักเรียนก็ยังได้มีโอกาสสัมผัสกับการเรียนรู้ในห้องเรียน ซึ่งทำให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนคนอื่น ๆ อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาทักษะทางสังคมของนักเรียน และด้วยความที่โรงเรียนนั้นมีหลักสูตรที่หลากหลายสำหรับการเรียนรู้ ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็กในแต่ละวัย จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองในการใช้หลักสูตรเหล่านั้นเป็นแนวทางในการส่งเสริมการศึกษาควบคู่กับการจัดการศึกษาในห้องเรียนของแต่ละโรงเรียน ซึ่งทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องคลำหาหนทางจัดการศึกษาให้กับนักเรียนด้วยตัวเอง
นอกจากการศึกษาแบบไฮบริดโฮมสคูลนั้น ยังง่ายต่อการสร้างเครือข่ายผู้ปกครองของนักเรียนที่เรียนโฮมสคูลด้วยกันอีกด้วย เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถจับกลุ่มพูดคุยและร่วมมือกันกับผู้ปกครองคนอื่นที่มีลูกเรียนหลักสูตรเดียวกัน ทำให้สามารถปรึกษาและแนะนำกันได้มากขึ้น
ระบบการศึกษาแบบไฮบริดโฮมสคูลนั้น มีความยืดหยุ่นสูง โดยผู้ปกครองสามารถจัดสรรเวลาระหว่างการเรียนที่บ้านกับการเรียนที่โรงเรียนได้ตามความเหมาะสม โดยในชั้นเด็กเล็ก อาจแบ่งการศึกษาระหว่างเรียนที่บ้านกับที่โรงเรียนออกเป็นอย่างละเท่า ๆ กันใน 1 สัปดาห์ ในขณะที่ในระดับการศึกษาที่สูงขึ้นอาจเน้นการจัดการศึกษาในห้องเรียนมากขึ้น และเปลี่ยนบทบาทของพ่อแม่ผู้ปกครองจากผู้สอนเป็นผู้สนับสนุนและชี้แนะแทน
แม้รูปแบบนี้จะมีการเรียนในห้องเรียนเหมือนการเรียนตามปกติ แต่พ่อแม่ผู้ปกครองก็ยังมีบทบาทสำคัญที่สุดในการจัดการศึกษา จึงยังคงไว้ซึ่งหัวใจของการศึกษาแบบโฮมสคูลอย่างเต็มเปี่ยม ทำให้ปัจจุบันนี้ มีเด็กที่เรียนโฮมสคูลในสหรัฐอเมริกา เปลี่ยนมาเรียนโฮมสคูลแบบไฮบริดกันมากถึง กว่า 20% เลยทีเดียว
การศึกษาโฮมสคูลแบบไฮบริดนั้น สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อจัดการศึกษาได้หลากหลายตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนไปถึงระดับชั้นมัธยมศึกษา ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการเรียนรู้ตามระบบโรงเรียนปกติ แต่พ่อแม่ผู้ปกครองที่สนับสนุนการศึกษาแบบโฮมสคูลนี้ก็ยินดีที่จะจ่าย เนื่องจากมีความยืดหยุ่นและเป็นระบบที่ลดความกังวลและความไม่มั่นใจของผู้ปกครองที่มีต่อการศึกษาโฮมสคูลด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่การศึกษารูปแบบนี้ และถูกมองว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการศึกษาที่ช่วยให้การศึกษาสามารถดำเนินต่อไปได้ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่ส่งผลให้ระบบการศึกษาต้องหยุดชะงัดเนื่องจากปิดสถานศึกษาและนักเรียนไม่สามารถมาเรียนได้ ซึ่งการศึกษาโฮมสคูลแบบไฮบริดนั้นเนื่องจากมีความยืดหยุ่นทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองอาจจัดสรรเวลาให้สอดคล้องกับมาตรการเพื่อป้องกันโรค โดยอาจเพิ่มการเรียนบ้านมากขึ้นและลดหรือระงับการเรียนในห้องเรียนลง และเมื่อสถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ ก็จัดสรรเวลาใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทำให้การเรียนรู้ของนักเรียนนั้นมีความต่อเนื่องและไม่หยุดชะงัด
สำหรับประเทศไทย แม้เรื่องของการศึกษาแบบโฮมสคูลจะมีการกำหนดไว้ตั้งแต่ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แต่การดำเนินการจริง ๆ นั้น ค่อนข้างทำได้ยาก เพราะด้วยข้อจำกัดในระบบการศึกษาหลายอย่าง ทำให้การศึกษาแบบโฮมสคูลเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาเท่าไหร่นัก จึงทำให้การศึกษาระบบนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร ถึงแม้จะมีพ่อแม่ผู้ปกครองดำเนินการเรื่องนี้บ้างในชั้นอนุบาลที่หลักสูตรยังมีความยืดหยุ่นสูง แต่สำหรับในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
เรียบเรียงโดย : นรรัชต์ ฝันเชียร