ซึ่งการเลื่อนชั้นนี้ เราสามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
- การเลื่อนชั้นในระดับ เช่น จากประถมศึกษาปีที่ 1 ไปสู่ประถมศึกษาปีที่ 2 หรือจากมัธยมศึกษาปีที่ 4 ไปสู่มัธยมศึกษาปีที่ 5 เป็นต้น
- การเลื่อนชั้นต่างระดับ เช่น จากอนุบาล ไปสู่การเรียนระดับประถมศึกษา และในระดับมัธยมศึกษา เป็นต้น
การเลื่อนชั้นในระดับนั้น มักไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่นัก เพราะในหลาย ๆ โรงเรียนส่วนใหญ่ครูผู้สอนทั่วไปนอกเหนือจากครูประจำชั้นที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง ก็ยังคงเป็นครูผู้สอนชุดเดิม ซึ่งทราบและเข้าใจพฤติกรรมของนักเรียนมาแล้วเป็นอย่างดี ทำให้นักเรียนสามารถปรับตัวในชั้นเรียนต่อไปได้ง่าย แต่สำหรับการเลื่อนชั้นต่างระดับนั้น มีความแตกต่างออกไป
การเลื่อนชั้นต่างระดับ ส่งผลกระทบของนักเรียนค่อนข้างมาก เพราะความแตกต่างในรูปแบบการศึกษาของแต่ละระดับ ทำให้นักเรียนเมื่อก้าวมาสู่ระดับการศึกษาใหม่ อาจมีปัญหาด้านการเรียนและการปรับตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของนักเรียนได้ในระยะยาว สิ่งนี้คือ ปัญหาที่เกิดจากรอยต่อทางการศึกษาที่สำคัญ
สำหรับรอยต่อทางการศึกษาที่มีปัญหามากที่สุดคือ รอยต่อทางการศึกษาระหว่างอนุบาลกับระดับประถมศึกษา เพราะด้วยหลักสูตรที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก ทำให้การเชื่อมต่อทางการศึกษาในช่วงนี้เป็นช่วงที่มีปัญหามากที่สุด
อนุบาล หรือการศึกษาปฐมวัย จะเน้นการจัดประสบการณ์ให้เด็กมีทักษะและมีองค์ความรู้ต่าง ๆ ผ่านการจัดกิจกรรม 6 กิจกรรม อันได้แก่ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมเกมการศึกษา และกิจกรรมเสรี ซึ่งจะเน้นให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่นและไม่เร่งเขียนอ่าน โดยจะใช้การสังเกตเป็นการประเมินหลัก ในขณะที่ประถมศึกษา จะเริ่มเข้าสู่การเรียนเป็นวิชาหรือตามกลุ่มสาระการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนมีทักษะความรู้พื้นฐานและสามารถอ่านออกเขียนได้ โดยมีการวัดประเมินผลด้วยวิธีการที่หลากหลายมากขึ้นเป็นรายภาคเรียน
ด้วยความแตกต่างกันในจุดมุ่งหมายของการพัฒนาการศึกษา ทำให้เมื่อเด็กปฐมวัยก้าวไปสู่ในระดับประถมศึกษา บางส่วนมักจะประสบปัญหาในด้านการเรียนรู้ เพราะไม่อาจเชื่อมต่อการเรียนรู้จากระดับปฐมวัยสู่ระดับประถมศึกษาได้ ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของการอ่านและการเขียน เพราะในระดับปฐมวัยนั้น การอ่านออกเขียนได้นั้นไม่ใช่จุดเน้นสำคัญ เมื่อเทียบกับการเตรียมความพร้อมและการเสริมสร้างพัฒนาการ เด็กอาจจะเขียนและอ่านได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเร่งให้เด็กเขียนอ่านได้โดยเร็ว ซึ่งแตกต่างจากระดับชั้นประถมศึกษาที่เน้นในเรื่องการเขียนและการอ่านอย่างเป็นระบบเพื่อให้สามารถเรียนรู้ในชั้นสูงขึ้นได้ สิ่งนี้ทำให้เด็กปฐมวัยที่ไม่ได้ผ่านการฝึกด้านการเขียนและการอ่านมาก่อน ประสบปัญหาในด้านการเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา
งานวิจัยหลายตัวชี้ให้เห็นว่า เราไม่ควรให้เด็กปฐมวัยเร่งเขียนอ่าน แต่ในความเป็นจริง การศึกษาในระดับประถมศึกษานั้นจำเป็นต้องใช้ทักษะการเขียนและการอ่านในการเรียนรู้อย่างมาก ซึ่งทำให้ประโยชน์ที่ได้จากการไม่เร่งเขียนอ่านนั้น อาจไม่เพียงพอหรือไม่ทันที่จะทำให้เด็กประสบความสำเร็จในการเรียนได้ เมื่อเทียบกับเด็กปฐมวัยที่ผ่านการฝึกเขียนอ่านมาก่อนแล้ว สิ่งนี้เป็นความเชื่อของครูประถมศึกษาหลายท่านที่ขัดกับทฤษฏีการศึกษาปฐมวัยโดยสิ้นเชิง ซึ่งความไม่เข้าใจนี้ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างการศึกษาปฐมวัยไปสู่ประถมศึกษา เป็นลักษณะของการครอบงำคือ บังคับให้เด็กปฐมวัยต้องเรียนอ่านเขียนตั้งแต่ระดับอนุบาลเพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ดี
ด้วยเหตุนี้ การก้าวข้ามจากระดับปฐมวัยไปสู่ระดับประถมศึกษา จึงเป็นก้าวย่างอันยิ่งใหญ่และมีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญ ซึ่งแนวทางที่เหมาะสมในการส่งต่อเด็กปฐมวัยไปสู่การเรียนรู้ในระดับชั้นประถมศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพนั้น สามารถดำเนินการได้ดังนี้
1. เปิดโอกาสให้เด็กปฐมวัยได้มีประสบการณ์ทำกิจกรรมร่วมกันกับรุ่นพี่ในชั้นประถมศึกษา
2. ให้ข้อมูลและแนวทางในการประชุมผู้ปกครอง เกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็นในการเรียนในระดับประถมศึกษา และเชิญครูผู้สอนหรือผู้บริหารโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่อยู่ในระแวกใกล้เคียงมาแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการเรียนในระดับประถมศึกษากับผู้ปกครอง
3. เตรียมความพร้อมให้แก่เด็กปฐมวัยให้มีทักษะทางการเรียนรู้ในด้านวิชาการ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
4. มีการปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ และจัดให้มีการเรียนปรับพื้นฐานการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนคุ้นเคยกับสังคม และสภาพสิ่งแวดล้อมใหม่
5. วางเป้าหมายและนโยบายของโรงเรียนให้ชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องรอยต่อนี้ เพื่อให้ครูผู้สอนและผู้ปกครองได้มีความเข้าใจร่วมกัน
6. มีการประเมินผลเกี่ยวกับการปรับตัวของนักเรียนในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
7. ส่งเสริมให้ครูระดับปฐมวัยและระดับประถมศึกษาทำงานร่วมกันในการจัดกิจกรรมและการแลกเปลี่ยนข้อมูลของเด็ก
8. มีมาตรการ การจัดทำระบบการดำเนินการเกี่ยวกับรอยต่ออนุบาลสู่ประถมศึกษาอย่างเป็นระบบแบบแผน
9. ส่งเสริมความร่วมมือของครอบครัวกับโรงเรียนด้วยการสื่อสารหลากหลายช่องทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
จะเห็นได้ว่ารอยต่อทางการศึกษาระหว่างอนุบาลกับประถมศึกษานั้นมีความสำคัญอย่างมาก และเป็นความท้าทายของสถานศึกษาในการบริหารจัดการรูปแบบของการเชื่อมต่อนี้ เพราะถ้าสามารถบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสมแล้ว จะช่วยลดปัญหาด้านการเรียนของนักเรียนที่ขึ้นมาจากระดับปฐมวัยได้อีกมาก ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเครียดความกดดันที่อาจจะเกิดขึ้นการการปรับตัวของนักเรียน และทำให้นักเรียนเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นได้อย่างมีความสุข
เรียบเรียงโดย : นรรัชต์ ฝันเชียร