ประเมินค่าใช้ในจ่ายแต่ละเดือนแล้วแบ่งออกเป็น 3 ก้อนหลัก
- รายจ่ายจำเป็นต่อเดือน เช่น ค่าหอ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าบัตรเครดิต หรือหนี้สินอื่น ๆ เป็นค่าใช้จ่ายที่ห้ามเบี้ยวเด็ดขาด
- รายจ่ายจำเป็นต่อวัน เช่น ค่าข้าว ค่ารถ ค่าขนม
- รายจ่ายฟุ่มเฟือย เช่น เที่ยว ดูหนัง
มีกำหนดชัดเจนว่าแต่ละวันใช้เงินได้กี่บาท ซึ่งงบในส่วนนี้ก็ต้องคิดตามค่าครองชีพในแต่ละพื้นที่ วันไหนใช้เกินงบที่กำหนดไว้วันต่อมาต้องทดกลับคืน พยายามใช้อย่าให้เกิน รับรองมีเงินเหลือเก็บพอใช้ทั้งเดือนแน่
ถ้าอยากรู้ว่าเงินมันหายไปอยู่ที่ไหนบ้างในแต่ละเดือน ก็ต้องจดค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน เพื่อควบคุมรายจ่าย ฝึกทำจนเป็นกิจวัตรประจำวัน จะได้รู้ว่าเราใช้เงินเท่าไรในแต่ละเดือน การจดบัญชีรายรับรายจ่ายทำให้เราได้รู้พฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง เวลาสรุปบัญชีตอนสิ้นเดือนเราจะได้รู้ว่าในแต่ละเดือนใช้เงินไปกับอะไรเยอะที่สุด เพื่อเดือนต่อไปจะได้ระมัดระวังในการใช้เงินมากยิ่งขึ้น
สำหรับคนที่ควบคุมรายจ่ายในชีวิตประจำวันได้บ้างแล้ว ควรแบ่งเงินส่วนหนึ่งสำหรับออม บางคนอาจจะใช้วิธีกำหนดจำนวนเงินออมอย่างชัดเจน เช่น เดือนละพัน เดือนละหมื่น หรือเงินที่เหลือติดบัญชีในแต่ละเดือน แต่ถ้าอยากสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ตัวเองมากขึ้น นักออมเงินแนะนำว่าควรแบ่งจากเงินเดือน 20% และเงินออมควรเติบโตตามรายได้ ยิ่งออมได้มากก็เป็นหลักประกันสภาพคล่องทางการเงินในอนาคตได้มากขึ้นเช่นกัน
พยายามใช้เงินเท่าที่มี ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรนำเงินในอนาคตมาใช้ เช่น จากบัตรเครดิต การทำสินเชื่อต่าง ๆ หรือกู้ยืมจากหนี้นอกระบบ เพราะจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้านการเงินในอนาคต เช่น ต้องจ่ายดอกเบี้ย หรือปัญหาอื่น ๆ ที่อาจจะตามมา ทางที่ดีควรวางแผนการใช้เงินให้รอบคอบ หากมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินจากบัตรเครดิตจริง ๆ ก็ควรส่งคืนให้ตรงเวลา เพื่อเป็นการรักษาประวัติทางการเงินของเรา และควรคิดให้เยอะ ๆ ก่อนการยืมเงินทุกครั้ง
เรียบเรียง : จุฑาทิพย์ หงษ์สา