เรื่องสุขภาพเนี่ยสำคัญนะคะสาว ๆ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ช่วยแค่ทำให้เรารูปร่างดี น้ำหนักลดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดีทั้งภายนอกภายใน ไปจนถึงระบบต่าง ๆ รวมถึงการผลิตฮอร์โมนให้สมดุล ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน ความดันสูง รวมถึงโรคร้ายอย่างมะเร็งต่าง ๆ แต่เมื่อพูดถึงการออกกำลังกาย หลายคนมักมีข้ออ้างว่าไม่มีเวลาบ้าง เปลืองเงินบ้าง ไม่พร้อมบ้าง ทำให้รูปร่างสุดเป๊ะ สุขภาพสุดปังเป็นได้แค่เพียงความฝันที่ไม่มีวันจริง !
ได้เวลาตื่นจากความฝันแล้วลงมือทำให้เป็นเรื่องจริงแล้วด้วยการ ออกกำลังกายด้วยการเดิน ที่ทุกคนทำได้ เริ่มต้นง่าย ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย ที่สำคัญทำได้ทุกที่ทุกเวลา เชื่อหรือไม่ว่าแค่เดินสวย ๆ ก็ผอมได้ มาดูกันว่าประโยชน์ของการเดินคืออะไร ช่วยให้สาวหุ่นเป๊ะ สุขภาพปังได้อย่างไรบ้าง เริ่มค่ะ
ร่างกายต้องการพลังงาน (ในรูปแบบแคลอรี่) เพื่อการเคลื่อนไหว หายใจ การคิดและขับเคลื่อนระบบต่าง ๆ ให้เป็นปรกติ หากอยากให้รูปร่างดี ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ หัวใจสำคัญก็คือการกินให้น้อยกว่าใช้ คนที่มีกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมาก ๆ ก็จะมีอัตราการเผาผลาญแคลอรี่มากกว่าคนที่ทำงานนั่งโต๊ะ จึงไม่น่าแปลกใจว่าสาว ๆ ที่ต้องนั่งทำงานทั้งวัน น้ำหนักตัวจะพุ่งขึ้นปรู๊ดปร๊าดจนตัวเองยังตกใจ แถมยังส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้อีกด้วย ปัญหานี้แก้ได้ง่าย ๆ ด้วยการเดินให้มากขึ้นค่ะ เพราะการเดิน 1.6 กิโลเมตร ช่วยเบิร์นได้ถึง 100 แคลอรี่ และถ้าหากเพิ่มความยากในการเดินเช่น เพิ่มน้ำหนัก หรือเดินขึ้นทางชัน ก็จะช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นไปด้วย
สาว ๆ ที่ลดน้ำหนักด้วยการลดอาหาร ตัดแคลอรี่จะทำให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อ แทนที่จะเป็นการลดไขมัน ทำให้คนที่ลดน้ำหนักเร็วเกินไป รูปร่างขาดความกระชับ มีส่วนที่ย้วย ย้อย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เพราะกล้ามเนื้อจะเป็นตัวดึงพลังงานไปใช้มากกว่าไขมัน การออกกำลังกายต่าง ๆ รวมถึงการเดิน จึงเป็นการรักษาและสร้างมวลกล้ามเนื้อควบคู่ไปกับการคุมอาหารจึงส่งผลดีต่อรูปร่าง ทำให้การลดน้ำหนักได้ผลมากกว่า สามารถป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้การเดินยังช่วยให้ระบบการเผาผลาญทำงานในระดับปรกติ ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ดีและควบคุมน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน และยังช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากอายุที่เพิ่มขึ้นได้ด้วย ไม่ว่าอายุเท่าไร การเดินก็ดีต่อสุขภาพ
ขนาดของห่วงยางที่อยู่รอบเอวเรา จะเชื่อมโยงกับความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจ ยิ่งพุงใหญ่มากเท่าไร โอกาสเป็นเบาหวานกับโรคหัวใจก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม วิธีลดพุงที่ได้ผลนั่นก็คือการออกกำลังกายแบบแอโรบิคเป็นประจำ ซึ่งการเดินก็เป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างหนึ่ง เพราะช่วยให้ปอดและหัวใจทำงานดีขึ้น มีงานวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่เดิน 50-70 นาทีต่อสัปดาห์เป็นเวลา 12 สัปดาห์ สามารถลดรอบเอวได้ 1.1 นิ้ว และลดไขมันสะสมในร่างกายได้ถึง 25% และคนที่ควบคุมอาหารร่วมกับออกกำลังกายด้วยการเดิน วันละ 1 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ลดรอบเอวลงได้ถึง 1.5 นิ้ว และลดไขมันสะสมลงอีก 1.3%
การออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ช่วยทำให้อารมณ์ดี ผ่อนคลายจากความตึงเครียด ลดอาการซึมเศร้า และคลายความวิตกกังวลได้ เพราะเป็นการกระตุ้นให้สมองผลิตฮอร์โมน เซโรโทนิน และนอร์อีพิเนฟริน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด และกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขหรือ เอ็นดอร์ฟีน และการเดินก็เป็นการออกกำลังกายระดับความเข้มข้นปานกลาง ที่เริ่มต้นได้ง่ายไม่ต้องใช้อุปกรณ์ เมื่อเริ่มแล้วรู้สึกสนุกจะทำให้เราออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คุมน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพ และป้องกันอาการบาดเจ็บได้ดีกว่าการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ หรือการออกกำลังกายแบบจำใจ
คนที่ลดน้ำหนักส่วนมากจะมีปัญหาน้ำหนักกลับมาขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แต่การเดินจะช่วยให้รักษาน้ำหนักให้คงที่ได้ เพราะนอกจากช่วยเผาผลาญไขมันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอแล้ว การเดินยังช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้มีปริมาณมากขึ้น ทำให้ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นตามแม้แต่ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ออกกำลังกาย นอกจากนี้การออกกำลังกายด้วยการเดินยังช่วยให้อารมณ์ดี ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า แอ็คทีฟได้ตลอดทั้งวัน
การวิจัยพบว่าหากอยากรักษาน้ำหนักให้คงที่ไปเรื่อย ๆ ควรเดินไม่ต่ำว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ แต่ถ้าคุณลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว ควรเดินไม่น้อยกว่า 200 นาทีต่อสัปดาห์เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหนักที่หายไปเพิ่มกลับขึ้นมา
เห็นข้อดีของการออกกำลังกายด้วยการเดินอย่างนี้แล้ว ก็อย่ามัวแต่หาข้ออ้างไม่อยากออกกำลังกายกันอีกเลยค่ะ อยากมีสุขภาพดี มันก็ต้องยอมเสียเหงื่อกันหน่อย สำหรับความเร็วในการเดินเพื่อออกกำลังกายก็คืออย่าเดินช้าเกินไป ไม่ควรเล่นโทรศัพท์ขณะเดิน ต้องเดินตัวตรง แกว่งแขนเล็กน้อย เดินเร็ว ๆ ต่อเนื่อง 10 นาที เดินสบาย ๆ พักหายใจ 5 นาที แล้วค่อย ๆ เพิ่มเวลาเดินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ