จากข่าวของเด็ก ๆ ทั้ง 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง สร้างความตระหนักให้พวกเราพ่อแม่เป็นอย่างดีว่า การพาลูกน้อยไปเที่ยวตามสถานที่ทางธรรมชาติต่าง ๆ จำเป็นต้องสอนให้เขารู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร และคุณพ่อคุณแม่เองต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์อะไรบ้าง
คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจเช็คสภาพอากาศของช่วงที่แพลนจะพาลูกน้อยไปเที่ยวให้ดี ควรเลือกช่วงที่ไม่มีฝน และอากาศไม่ร้อนจนเกินไป เพื่อป้องกันการติดอยู่ในถ้ำเนื่องจากฝนตก น้ำท่วม และการโอเวอร์ฮีทของลูกน้อยที่ต้องเดินตากแดดมาเข้าถ้ำ และหายใจไม่สะดวกเพราะในถ้ำอากาศน้อย
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาเส้นทางภายในถ้ำก่อนการเดินทางทุกครั้ง หากจะพาลูกน้อยไปด้วย ควรเป็นถ้ำที่ไม่คดเคี้ยวมาก หรือเป็นถ้ำปลายเปิดที่มีอากาศค่อนข้างถ่ายเท ไม่ควรเป็นถ้ำใหญ่ที่ทอดตัวยาวและลึก เพื่อป้องกันการพลัดหลงกันในถ้ำ
คุณพ่อคุณแม่ควรโทรศัพท์สอบถามเรื่องเจ้าหน้าที่นำทาง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางก่อนเดินทางเข้าไปในถ้ำทุกครั้ง เพราะเจ้าหน้าที่มีความชำนาญพื้นที่มากกว่า และสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ในกรณีที่ติดอยู่ในถ้ำ แต่หากไม่มีเจ้าหน้าที่นำทาง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้งว่ามากี่คน จะเข้าไปที่ถ้ำอะไร ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ หากเกิดกรณีฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
ควรเลือกเสื้อผ้าที่รัดกุม เคลื่อนไหวสะดวก ระบายอากาศได้ดี และไม่อุ้มน้ำ สำหรับคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อย เพื่อให้ลูกรู้สึกสบายตัว และให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลลูกน้อยได้ถนัดมากขึ้น นอกจากนี้ควรเลือกรองเท้าหุ้มส้นที่มีดอกยางชัด เพื่อให้ยึดเกาะพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น ป้องกันไม่ให้ลูกน้อยลื่นหกล้ม
เนื่องจากการเดินทางไปเที่ยวถ้ำต้องใช้กำลังกายค่อนข้างสูง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งฝึกลูกให้คุ้นชินกับสภาวะที่มีออกซิเจนค่อนข้างต่ำ เพื่อให้เขาปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่ออยู่ในถ้ำ
ควรเลือกเป้ให้มีขนาดพอเหมาะ ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป และมีช่องเก็บของหลายช่อง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่หยิบจับสัมภาระสะดวก รวมไปถึงมีเป้ให้ลูกน้อยไว้ใส่ของจำเป็นต่าง ๆ ด้วย
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรคุยกันว่าใครเอาอะไรไป และอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เผื่อเวลาฉุกเฉินจะได้หยิบฉวยได้ทันท่วงที
คุณพ่อคุณแม่ และลูกน้อย ควรมีไฟฉายคนละหนึ่งกระบอก พร้อมด้วยแบตสำรอง และควรมีขนาดกำลังดี เพราะในถ้ำค่อนข้างมืด อาจต้องช่วยกันส่องหาทาง และไฟฉายของทุกคนควรมีสายคล้องพอ เพื่อป้องกันไฟฉายหล่นหาย
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรพกแบตหรือถ่านสำรองสำหรับไฟฉายทุกกระบอก รวมไปถึงไฟฉายกระบอกเล็ก ๆ ติดไว้สำรองเพิ่มเติมด้วย
แนะนำเป็นเข็มทิศของจริง ไม่ใช่แอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน เพราะในถ้ำอาจไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ดังนั้น เข็มทิศจึงมีประโยชน์มากในการนำทางภายในถ้ำ และควรสอนลูกน้อยดูเข็มทิศเบื้องต้นไว้ด้วย ให้เขาช่วยดูทิศทาง จะได้รู้สึกสนุกกับการเดินทางมากขึ้น
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการเดินทางแต่ละครั้ง คือน้ำดื่มและเสบียงเล็กน้อย คุณพ่อคุณแม่ควรพกกระติกน้ำขนาดพอดีติดกระเป๋าไว้ พร้อมด้วยกระติกน้ำขนาดเล็กสำหรับเด็กใส่เป้ให้ลูกน้อย นอกจากนี้ควรเตรียมขนมหรือของแห้งเล็กน้อยติดกระเป๋าไปด้วย เผื่อลูกหิวกลางทางจะได้ให้ลูกน้อยกินรองท้อง และเมื่อกินอิ่มแล้วควรเก็บเศษขยะใส่ถุงและนำออกมาทิ้งถังขยะนอกถ้ำ
ชุดปฐมพยาบาลจำเป็นมากสำหรับลูกน้อย เพราะเผื่อลูกน้อยลื่นหกล้ม โดนแมลงสัตว์กัดต่อย มีแผล หรือมีไข้ไม่สบาย จะได้ปฐมพยาบาลได้อย่างทันท่วงที (หากลูกน้อยมียาประจำตัว ก็ควรพกติดตัวไปด้วยเช่นกัน)
อย่างสุดท้ายที่ควรเตรียมไปด้วยคือเชือกที่เหนียวและแข็งแรง โดยเชือกควรมีความยาวประมาณ 20-30 เมตร เพราะเชือกอาจเป็นประโยชน์กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หรือมีเหตุฉุกเฉินใด ๆ เกิดขึ้นในถ้ำ หรือระหว่างการเดินทางตลอดทริป
1. ห้ามแตะต้องกลุ่มหินต่าง ๆ ภายในถ้ำ เพราะไขมันจากเหงื่อของเราอาจทำให้หินหยุดการเจริญเติบโต หรือ "หินตาย" ได้
2. ห้ามตีหรือเคาะหิน เพราะอาจทำให้หินพังทลายลงมาได้
3. ห้ามสูบบุหรี่ หรือก่อกองไฟภายในถ้ำ เพราะอาจทำให้ออกซิเจนในถ้ำลดลงได้
4. ห้ามนำอาหารใด ๆ เข้าไปรับประทานภายในถ้ำ (ยกเว้นเสบียงเล็กน้อย) รวมไปถึงทิ้งขยะต่าง ๆ เพราะอาจก่อให้เกิดมลพิษได้
5. ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการใด ๆ ที่เป็นการรบกวนสัตว์ในถ้ำ
6. ห้ามเก็บสิ่งใด ๆ ออกมาจากถ้ำ
7. ห้ามเปลี่ยนทางน้ำ หรือสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำในถ้ำ
8. ห้ามขีดเขียน ทา หรือพ่นสีภายในถ้ำ
9. ห้ามตั้งแคมป์พักแรมในถ้ำ
10. ห้ามเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนดไว้ เพราะอาจพลัดหลงจนไปอยู่ในบริเวณที่เป็นอันตรายได้