สังคมก้มหน้า เสี่ยงโรคปวดศีรษะ และกระดูกต้นคอเสื่อมในระยะยาว

ปัจจุบันการใช้งานสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จนเกือบเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกายที่ขาดไม่ได้  
หากแต่......การใช้งานสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้นนี้ ส่งผลกระทบโดยตรง กับระบบประสาท และกระดูกต้นคอ
 

อาการปวดศีรษะ

เมื่อใช้ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นระยะเวลานานแล้ว ยังสามารถที่จะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยตามมาได้ โดยเฉพาะ “อาการปวดศีรษะ” 
 

ร.ท.นพ.กีรติกร ว่องไววาณิชย์ อายุรแพทย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า การใช้งานสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ที่มากเกินไปเป็นเวลานาน ๆ หรือใช้งานอย่างไม่ถูกท่าทางเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดอาการ "ปวดศีรษะ" ซึ่งพบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอเกิดอาการเมื่อยล้า หรือ เกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อขึ้นมาเป็นก้อน อาการปวดที่กล้ามเนื้อคอนี้ อาจส่งความปวดไปยังส่วนอื่นที่ใกล้เคียง เช่น ท้ายทอย บริเวณขมับ รอบกระบอกตา หรือหน้าผากได้ ...พบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้สมาร์ทโฟนไม่เหมาะสม

“กลุ่มอาการปวดจากกล้ามเนื้อเกร็ง” 

เกิดภาวะกระดูกคอเสื่อมก่อนวัย หรืออาจถึงขั้นหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมาทับเส้นประสาทได้ การเกิดกระดูกต้นคอเสื่อมนั้นถ้าไปกดทับเส้นประสาทสมองระดับที่ 1-4 (Cervical nerve root level 1-4) ก็อาจเกิดอาการปวดศีรษะที่บริเวณท้ายทอย, ด้านข้างศีรษะ, ขมับ, กระบอกตา, หน้าผาก รวมถึงกลางกระหม่อมได้ ซึ่งทางการแพทย์จะเรียกว่าโรคนี้ว่า "โรคปวดศีรษะจากความผิดปกติของคอ" Cervicogenic headache
 

โรคไมเกรน

แสงที่ออกมาจากหน้าจอหรือแสงสะท้อนจากหน้าจอยังสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบเฉียบพลันขึ้น รวมทั้งกล้ามเนื้อที่มีอาการเกร็งปวดบริเวณคอและศีรษะ ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบรุนแรงเฉียบพลันได้อีกด้วย  

ซึ่งในกลุ่มของคน ที่เป็นโรค "ไมเกรน" อยู่แล้ว จะเห็นว่า สังคมก้มหน้า ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้หลายชนิด ซึ่งบางชนิดอาจเป็นรุนแรงจนถึงขั้นต้องรักษาโดยการผ่าตัด

ดังนั้นการใช้งานสมาร์ท โฟนหรือคอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสม จะเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดศีรษะ ในกรณีที่มีอาการปวดศีรษะจากการใช้งานสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์