Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การวินิจฉัยโรคออทิซึม

Posted By Plookpedia | 09 มิ.ย. 60
1,062 Views

  Favorite

การวินิจฉัยโรคออทิซึม

การวินิจฉัยกลุ่มอาการออทิซึม คือ การสังเกตถึงความผิดปกติทางพฤติกรรมต่าง ๆ และรวบรวมไว้เป็นข้อชี้บ่ง ดังต่อไปนี้

๑) มีความผิดปกติด้านสังคมและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (ต้องพบอย่างน้อย ๒ ข้อ)

      ๑. แสดงพฤติกรรมไม่สนใจใคร มีการกระทำต่อบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตอื่นคล้ายสิ่งของ ไม่สามารถมีสัมพันธภาพต่อบุคคลเหมือนเด็กปกติในวัยเดียวกัน
      ๒. แสดงพฤติกรรมไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเองจากอันตรายต่าง ๆ
      ๓. ไม่สามารถลอกเลียนแบบการกระทำของคนอื่น
      ๔. เล่นกับใครไม่เป็น
      ๕. ไม่สนใจที่จะมีเพื่อน ไม่สามารถผูกมิตรกับใคร

๒) มีความผิดปกติทางด้านการสื่อความหมาย ทั้งด้านการพูด และการสื่อโดยการแสดงท่าทาง (ต้องพบอย่างน้อย ๑ ข้อ)

      ๑. ไม่สามารถแสดงพฤติกรรมสื่อความหมายได้เลย
      ๒. การสื่อความหมายโดยการแสดงท่าทางมีความผิดปกติอย่างชัดเจน
      ๓. ขาดจินตนาการในการเล่น
      ๔. มีความผิดปกติอย่างชัดเจนในการเปล่งเสียงพูด
      ๕. มีความผิดปกติอย่างชัดเจนในรูปแบบและเนื้อหาของการพูด
      ๖. ไม่มีความสามารถที่จะสนทนากับใครได้นานมักจะพูดแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจ

๓) มีการกระทำและความสนใจซ้ำซากอย่างเด่นชัด (ต้องพบอย่างน้อย ๑ ข้อ)

      ๑. เคลื่อนไหวร่างกายซ้ำ ๆ
      ๒. คิดหมกมุ่นหรือสนใจส่วนหนึ่งส่วนใดของสิ่งของ
      ๓. แสดงความคับข้องใจอย่างมากถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเขาหรือที่เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน
      ๔. ต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เคยทำเป็นประจำโดยมีรายละเอียดเหมือนเดิม
      ๕. มีความสนใจในขอบเขตที่จำกัด

 

โรคออทิซึม
การทดสอบความผิดปกติทางพฤติกรรมของเด็กเพื่อประกอบการวินิจฉัยของแพทย์

 

๔) เริ่มพบอาการได้ในช่วงอายุ ๓๐ - ๓๖ เดือน

      เมื่อรวมข้อปลีกย่อยทั้งหมดจากทุกหัวข้อแล้วต้องพบทั้งหมดไม่น้อยกว่า ๘ ข้อ สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเสมอ คือ จะต้องพิจารณาว่าความผิดปกติทางพฤติกรรมที่พบนั้นเป็นความผิดปกติจากระดับพัฒนาการของเด็กปกติในวัยเดียวกันเท่านั้น ข้อ ๑ - ๕ ใน ๑) และข้อ ๑ - ๖ ใน ๒) สามารถบอกได้ว่าพฤติกรรมในข้อแรก ๆ นั้นพบในเด็กออทิสติกที่มีอายุน้อย (ต่ำกว่า ๑ ปี ๖ เดือน) หรือเด็กออทิสติกที่มีอาการมาก ส่วนในหัวข้อหลัง ๆ จะพบในเด็กออทิสติกที่มีอายุมากขึ้นหรือเด็กออทิสติกที่มีอาการน้อยเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นขอยกตัวอย่างประกอบทุกข้อ ดังต่อไปนี้

 

โรคออทิซึม
การทดสอบความผิดปกติทางพฤติกรรมของเด็กเพื่อประกอบการวินิจฉัยของแพทย์

 

ก. มีความผิดปกติต่อต้านสังคม และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

๑. แสดงพฤติกรรมไม่สนใจใครเลย 

       ตัวอย่างเช่น ขณะผู้ปกครองนำเด็กเข้ามาในห้องแพทย์เด็กจะแสดงอาการเฉยเมยไม่สนใจใครและทำเสมือนว่ามีเขาอยู่เพียงคนเดียวในห้องนั้น ไม่สามารถสังเกตหรือรับรู้ถึงความพอใจหรือไม่พอใจของคนอื่น เมื่อมารดาร้องไห้ขณะที่เล่าถึงปัญหาทางพฤติกรรมของเด็กให้แพทย์ฟังเด็กจะไม่มีปฏิกิริยารับรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น บางรายอาจจะเดินผ่านไปมาระหว่างแพทย์กับมารดาของเขาและไม่สนใจว่าใครกำลังต้องการความเป็นส่วนตัวหรือไม่ บางรายจะเดินชนคนอื่นโดยไม่สนใจ

  • มีการกระทำต่อบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตอื่นคล้ายสิ่งของไม่รู้ความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ตัวอย่างเช่นเมื่อเด็กกำลังนั่งเล่นรองเท้าของเขาอยู่คนเดียวโดยการยกขึ้นดม กัด และหมุนเล่นไปมา เมื่อผู้เขียนนำลูกบอลเล็ก ๆ เข้าไปให้เขาเล่นเพื่อทดแทนการเล่นรองเท้านอกจากเขาจะไม่สนใจลูกบอลแล้วเขายังทำหน้าตาเฉยเมยและลุกขึ้นมือหนึ่งถือลูกบอลอีกมือหนึ่งดึงผู้เขียน ฉุดให้เดินไปห่างจากที่เขานั่งเล่นแล้วทิ้งลูกบอลและปล่อยมือผู้เขียนอย่างแรงเสมือนกับขว้างของทิ้งพร้อมทั้งวิ่งกลับไปเล่นรองเท้าในลักษณะเดิม ทำเช่นนี้ทุกครั้งที่ผู้เขียนเข้าไปใกล้พฤติกรรมที่เด็กแสดงนั้นเสมือนกับเขารู้สึกว่าบุคคลเป็นสิ่งของหรือสิ่งที่ไม่มีชีวิต ถ้าเขาไม่ต้องการก็จะเอาไปไว้ห่าง ๆ จากตัวเขาหรือโยนทิ้งเสีย ผู้ช่วยเหลือเด็กหรือผู้ปกครองจะต้องได้รับการบอกเล่าให้ระวังขณะเด็กเล่นกับสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ เนื่องจากผู้เขียนพบเสมอว่าเด็กจะถูกสุนัขหรือแมวกัดมาจนเป็นแผลมากมายเพราะเด็กเล่นกับสุนัขหรือแมวที่มีชีวิตโดยการพยายามฉีกปากหรือดึงหู ดึงหาง ดึงขา บางรายเด็กไปกัดจมูกหรือหูสุนัขจนกระทั่งเมื่อสุนัขพบเด็ก สุนัขจะกลัวและวิ่งหนีทันที
  • ไม่สามารถมีปฏิกิริยาต่อสัมพันธภาพของบุคคล ตัวอย่างเช่น ถ้ากอดเด็กเด็กจะกอดตอบไม่เป็นหรืออุ้มเด็กเด็กจะทำตัวแอ่นไปมาทำให้รู้สึกว่าตัวเด็กหนักมากกว่าที่ควร คล้ายอุ้มคนเป็นลม เนื่องจากเด็กไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เด็กจะทำหน้าตาเฉยเมยและไม่รู้จักเอามือโอบกอดคอผู้อุ้มได้เหมือนเด็กปกติที่จะป้องกันไม่ให้ตัวเองตกลงมา

 

โรคออทิซึม
เด็กออทิสติกจะแสดงพฤติกรรมที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว
เช่น เด็กออทิสติกคนหนึ่งเมื่อถูกเด็กคนอื่นขึ้นไปขี่หลังขณะกำลังคลานอยู่บนพื้นจะไม่มีปฏิกิริยาหลีกเลี่ยงหรือโต้ตอบ

 

๒. แสดงพฤติกรรมไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเองจากอันตรายต่าง ๆ 
      เช่น เมื่อเด็กออทิสติกถูกเด็กคนอื่นตีกัดหรือจิกผม เด็กจะไม่สามารถปกป้อง หลีกเลี่ยง หรือโต้ตอบได้ บางคนจะเฉยเมยบางคนจะร้องและส่งเสียงไม่เป็นภาษาเท่านั้น เด็กบางคนถูกมดแดงกัดอยู่เต็มเท้าก็ทำเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดจะยืนเฉยและไม่สามารถปัดมดออกไปจากเท้าได้ เด็กบางคนเมื่อเปิดลิ้นชักและถูกหนีบนิ้วไว้ก็ไม่สามารถดึงนิ้วออกเองได้จะร้องแต่ " ซี๊ด ๆ " จนกว่าจะมีคนไปช่วยดึงออกให้ ผู้ดูแลเด็กจึงควรระวังอันตรายและต้องอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา ที่แผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์แม้ว่าพยาบาลและผู้ดูแลเด็กจะดูแลโดยไม่ให้คลาดสายตาเลยก็ยังปรากฏเสมอว่าเด็กบางคนชอบกัดเด็กคนอื่นซึ่งก็ยอมให้ถูกกัดอยู่อย่างนั้นจนกว่าผู้ดูแลจะไปช่วยเหลือ ต้องระวังแม้กระทั่งเรื่องอาหารถ้าอาหารร้อนจัดไม่ควรวางให้เด็กรับประทานเพราะเด็กจะตักรับประทานได้แม้จะร้อนจนทำให้ปากพอง

 

โรคออทิซึม
การใช้กิจกรรมกลุ่มเพื่อฝึกเด็กให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

 

๓. ไม่สามารถที่จะลอกเลียนแบบการกระทำของคนอื่นได้ 
      ตัวอย่างเช่น การโบกมือ "บ๋าย บาย" ถ้าสอนซ้ำ ๆ เด็กอาจจะลอกเลียนแบบได้โดยที่กระทำผิดแปลกไปกว่าปกติ คือ ในเด็กปกติ จะทำท่า "บ๋าย บาย" โดยหันฝ่ามือออกนอกตัวและโบกไปมา แต่สำหรับเด็กออทิสติกส่วนใหญ่จะทำท่าหันฝ่ามือเข้าหาตัวโดยที่นิ้วมืออาจจะชี้ขึ้นบนหรือชี้ลงล่าง บางรายจะหันฝ่ามือออกด้านนอกโดยเอานิ้วมือชี้ลงล่าง ส่วนเรื่องการส่งจูบเด็กออทิสติกมักชอบเอาหลังมือแตะปากแล้วมองดูมือคล้ายจะค้นหาว่าเสียงออกมาได้อย่างไร เมื่อสอนให้เขายิ้มหรือหัวเราะเด็กจะยิงฟันแล้วต้องเอามือแตะฟันของเขาเองทุกครั้งเพื่อให้รู้ว่าทำตามได้แล้ว
๔. เด็กออทิสติกจะเล่นกับใครไม่เป็น แม้จะเป็นการเล่นอย่างง่ายๆ 
      ตัวอย่างเช่น การเล่นโยนและรับลูกบอลกับเพื่อน การเตะลูกบอลแม้แต่เด็กออทิสติกที่ดีขึ้นจนไปเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ได้ เมื่อเล่นเตะลูกบอลกับเพื่อนเด็กขาดทักษะในการเคลื่อนไหวร่างกายจึงทำให้เด็กไม่เคยได้เตะลูกบอลเลยจึงรู้สึกไม่พอใจจะวิ่งไปแย่งลูกบอลมากอดไว้คนเดียวโดยไม่ยอมให้ใครได้เตะลูกบอลอีกเลย เด็กออทิสติกที่เคยได้รับการบำบัดรักษาจากโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ จนดีขึ้นและได้เข้าโครงการการศึกษาพิเศษของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว บางคนยังเล่นกับเพื่อนไม่ค่อยเป็น เช่น อยากจะเล่นกับเพื่อนเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเล่นโดมิโนกันอยู่เด็กจะตรงเข้าไปแย่งตัวโดมิโนมาแล้ววิ่งหนีเพื่อให้เพื่อนวิ่งตามจนเพื่อนโมโหก็รุมตีเด็ก เด็กจะหัวเราะนึกว่าเพื่อนเล่นด้วย สำหรับรายนี้ได้ประวัติจากมารดาว่าขณะอยู่บ้านเด็กจะเล่นกับน้องที่ปกติอายุ ๓ ปี โดยน้องแย่งของเล่นแล้ววิ่งหนีเด็กก็วิ่งตามอย่างสนุกสนานจึงนำเอามาเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียนบ้างแต่เพื่อนอายุ ๗ ปี แล้ว จึงไม่ชอบการเล่นแบบเด็กอายุ ๓ ปี เช่นนั้น
๕. ไม่สนใจที่จะมีเพื่อน ไม่สามารถผูกมิตรกับใคร และขาดความสนใจ ในการมีปฏิสัมพันธ์ในด้านสังคมกับเด็กอื่น 
      ตัวอย่างเช่น การนำเด็กออทิสติกในวัยเดียวกัน ๕ คน มาร่วมทำกิจกรรมเป็นกลุ่มอย่างง่าย ๆ ด้วยการให้โยนลูกบอลให้แก่กันเป็นวงกลมถ้าผู้ดูแลไม่ช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ป็นระยะ ๆ แล้ว ภายใน ๑ นาที เด็กจะผละออกจากกันไปคนละทิศละทางเสมือนเป็นแม่เหล็กขั้วเดียวกัน แต่ละคนจะไปแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างกันไปในการเคลื่อนไหวที่ชอบทำเป็นประจำเมื่ออยู่ในโลกของตนเอง โดยไม่สนใจใครเลย

ข. มีการสูญเสียทางด้านการสื่อความหมาย ทั้งด้านการพูด และการไม่ใช้คำพูด รวมทั้งไม่สามารถมีจินตนาการ ในการเล่นได้

๑. ไม่สามารถแสดงพฤติกรรมสื่อความหมายได้เลย 
      เช่น ไม่มีการส่งเสียง "อือ - ออ" ไม่มีการแสดงออกทางใบหน้า เช่น แสดงถึงการโกรธ การพอใจด้วยการยิ้มหรือหัวเราะ ไม่สามารถสื่อความหมายด้วยท่าทางได้เหมือนเด็กหูหนวกหรือเป็นใบ้ ถ้าเด็กออทิสติกต้องการอะไรมักจะดึงมือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงไปทำให้ เช่น ถ้าเด็กต้องการเปิดประตูก็จะดึงมือผู้ที่อยู่ใกล้ไปที่ลูกบิดประตูเท่านั้น  ไม่สามารถแสดงออกอาการเลียนแบบในการพูดและไม่สามารถสื่อภาษาในการพูดได้

 

โรคออทิซึม
ถ้าเด็กออทิสติกต้องการอะไรก็มักจะดึงมือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงไปทำให้ เช่น เปิดประตูหรือหยิบสิ่งของ

 

๒. การสื่อความหมายที่ไม่ใช้คำพูด มีความผิดปกติอย่างชัดเจ
      เช่น เด็กไม่มีการสบตากับบุคคลทั่วไป เด็กจะใช้การมองผ่านไปมาจนดูเหมือนตาแกว่งไปมาหรือเด็กบางคนจะจ้องตาตอบแต่ลักษณะเป็นแบบมองทะลุทะลวงถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าม่านตาของเด็กหดและขยายไปมา คล้ายกับการปรับเลนส์ของกล้องถ่ายรูปหรือเด็กบางคนต้องการจะสบตากับบุคคลโดยการมองไปด้วยตาที่เอียงไปด้านข้างไม่หันหน้าตรงกับหน้าของบุคคลที่เด็กต้องการจะสบตา ลักษณะคล้ายการชำเลืองจนเด็กออทิสติกบางรายมาพบแพทย์เพราะมีตาเหล่ไปข้างใดข้างหนึ่ง

 

โรคออทิซึม
เด็กจะไม่สบตากับบุคคลทั่วไปและไม่หันตามเสียงเรียกทั้ง ๆ ที่การได้ยินเป็นปกติ

 

๓. เด็กออทิสติกจะขาดจินตนาการในการเล่น ซึ่งเด็กปกติวัย ๓ ขวบขึ้นไป สามารถเลียนแบบผู้ใหญ่ได้ 
      เช่น การทำกับข้าว การเล่นขายของ การเล่นเป็นครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูก แต่เด็กออทิสติกจะเล่นโดยการสมมติไม่เป็น เช่น การเล่นละครสมมติให้เป็นสัตว์ต่าง ๆ การสร้างมโนภาพในการฟังนิทานหรือการเล่านิทานเด็กจึงไม่สนใจในการฟังนิทานที่เกี่ยวกับการสร้างจินตนาการ ฉะนั้นการสอนหรือการเล่านิทานให้เด็กออทิสติกฟังควรจะใช้แบบรูปธรรม เช่น การเชิดหุ่นหรือการเล่นละครโดยใช้ตัวแสดงจริง ผู้เขียนเคยพยายามเล่นสมมติกับเด็กออทิสติกที่มีอาการดีขึ้นจำนวนมากโดยใช้ท่อนไม้เล็ก ๆ มาต่อกันและสมมติว่าเป็นรถไฟกำลังวิ่งโดยทำให้เคลื่อนที่ เด็กออทิสติกจะแสดงท่าทางงุนงงและบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่รถไฟหรอกนี่มันเป็นไม้เขาคงจะคิดว่าผู้เขียนผิดปกติและไม่รู้เรื่องเสียเลย
๔. มีความผิดปกติอย่างชัดเจนในการเปล่งเสียงพูด 
      เกี่ยวกับความดังของเสียง ระดับเสียง เสียงเน้น ความเร็วช้า จังหวะ และเสียงสูงต่ำซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน เด็กออทิสติกหลายคนมีเสียงในระดับเดียวกันบางคนจะทำเสียงสูงต่ำคล้ายเสียงดนตรีหรือในบางคนจะมีการพูดที่มีเสียงระดับสูงมากอย่างเดียว
๕. มีความผิดปกติอย่างชัดเจนในรูปแบบและเนื้อหาของการพูด พูดซ้ำซาก วกวนไปมาอย่างเดิม พูดเลียนแบบทันที 
      เช่น หากถามว่า "หนูชื่ออะไร" เด็กจะพูดตอบว่า "หนูชื่ออะไร" พูดเลียนแบบโดยการจดจำคำพูดจากโทรทัศน์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรูปแบบของการโฆษณาที่เด็กชอบดูหรือเลียนแบบจากภาพยนตร์การ์ตูนต่าง ๆ จนคุณพ่อของเด็กออทิสติกคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพเป็นกัปตันเครื่องบินคิดไปว่าลูกชายของตนเองเป็นมนุษย์ต่างดาวมาเกิดเนื่องจากเด็กพูดได้ต่อเนื่องกันยาวมากแต่เป็นภาษาของตัวเองที่ลอกเลียนแบบมาจากมนุษย์ต่างดาวที่เด็กชอบดูและจำมาจากโทรทัศน์นั่นเอง เด็กบางคนพูดคล้ายภาษาญวน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส แต่ความจริงแล้วเป็นภาษาที่ไม่มีความหมายใด ๆ เด็กบางคนจะพูดความหมายของประธานผิดไป เช่น ถ้าเขาต้องการเปิดตู้เพื่อหยิบของเล่นเขาจะพูดว่า "ป้าหมอจะเปิดตู้ใช่ไหมฮะ" ความจริงเขาต้องการพูดว่า "ผมจะเปิดตู้" เด็กออทิสติกบางคนมักจะใช้คำพูดไม่ตรงประเด็นฉะนั้นจึงเห็นได้บ่อยว่าเด็กออทิสติกคุยกัน ทะเลาะกันหรือเถียงกันคนละเรื่อง เช่น คนหนึ่งพูดถึงสวนจตุจักรอีกคนหนึ่งพูดถึงสวนลุมพินี
๖. ไม่มีความสามารถที่จะสนทนากับใครได้นาน มักพูดถึงแต่เรื่องที่ตนเองสนใจ 
      เช่น ท่องหนังสือที่เรียนมาให้ฟังได้ทั้งเล่มโดยไม่สนใจเลยว่าใครจะฟังหรือไม่ บางรายจะพร่ำพูดแต่เรื่องของจรวดชนิดต่าง ๆ ไดโนเสาร์ชนิดต่าง ๆ หรือเรื่องต่าง ๆ ที่ตัวเขาเองสามารถอ่าน และจดจำมาจากสารานุกรมของเด็ก ความสามารถเช่นนี้ทำให้คนที่พบเห็นมักเข้าใจผิดได้ว่าเขาเป็นเด็กอัจฉริยะแต่ความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น

ค. มีการกระทำและความสนใจซ้ำซากอย่างเด่นชัด

๑. มีการเคลื่อนไหวของร่างกายซ้ำ ๆ 
      เช่น การเคาะนิ้วมือบนโต๊ะ โบกมือไปมา หมุนตัว กระโดดขึ้น กระโดดลง โดยถือสิ่งของเล็ก ๆ ในมือ เช่น เศษกระดาษ  ใบไม้ หลอดดูดน้ำ ดินสอ โดยเอาสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งหนีบอยู่ระหว่าง ๒ นิ้ว อาจจะเป็นระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้หรือระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางพร้อมทั้งโบกมือไปมา บางรายจะชอบโขกศีรษะพบว่ามีอยู่ ๒ ราย ที่ชอบนอนคว่ำและเลื้อยไปมาฃตามขาเก้าอี้ เหมือนงู

 

โรคออทิซึม
เด็กออทิสติกจะสนใจส่วนหนึ่งส่วนใดของสิ่งของ เช่น ถือรถเด็กเล่นไว้ในมืออีกมือหนึ่งจะหมุนแต่ล้อรถเล่น

 

๒. คิดหมกมุ่น หรือสนใจส่วนหนึ่งส่วนใดของสิ่งของ 
      เช่น ถือรถยนต์ของเล่นไว้ในมือหนึ่งอีกมือหนึ่งจะหมุนแต่ล้อรถเล่นหรือชอบดมสิ่งของ มีเด็กชายออทิสติกคนหนึ่งชอบดมกระดาษสีฟ้ามากกว่าสีอื่น เด็กออทิสติกจะชอบลูบไล้สิ่งของ เช่น เดินเอามือลูบไปตามราวบันไดขึ้นและลงซ้ำ ๆ ชอบเอามือลูบกระโปรงที่อัดกลีบหรือผ้าแพรลื่น ๆ ชอบถือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ในมือ เช่น เชือกหรือหลอดดูดน้ำ บางคนชอบถือหนังสือชนิดใดก็ได้เปิดดูไป เรื่อย ๆ จนหมดเล่มและทำอย่างเดิมอีก

 

โรคออทิซึม
การเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำ ๆ โดยการเอาสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งหนีบอยู่ระหว่าง ๒ นิ้ว เช่น กิ่งไม้ถือโบกไปมา

 

๓. แสดงความคับข้องใจอย่างมาก ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือที่เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน 
      เช่น กินอาหารที่ซ้ำซากซึ่งจะเปลี่ยนแปลงได้ยากจนเด็กออทิสติกหลาย ๆ คน ต้องได้อาหารเช่นเดียวกับเด็กอ่อนคือ อาหารเหลวเพราะไม่ยอมเคี้ยวอาหาร เด็กออทิสติกหลาย ๆ คนชอบจัดของให้อยู่อย่างเดิม เช่น การเรียงหนังสือ ของเล่น หรือแม้แต่ดินสอสี เมื่อเปิดกล่องดูแล้วสีวางไว้อย่างไรเด็กก็จะต้องเรียงไว้อย่างนั้นทุกครั้งที่ระบายสีเสร็จถ้าสิ่งของใดไม่อยู่ในที่เดิมเด็กจะแสดงอาการฮึดฮัดหรือร้องไห้ไม่ยอมหยุดจนกว่าจะหยิบของสิ่งนั้นมาไว้ที่เดิม
๔. ต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เคยทำเป็นประจำ โดยมีรายละเอียดเหมือนเดิม 
      เช่น เด็กออทิสติกที่พ่อหรือแม่พาไปเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้าแล้วครั้งหนึ่งในครั้งต่อ ๆ ไปถ้าพาเด็กไปอีก เด็กจะต้องให้พาเดินไปซ้ำทางเก่าเสมอเช่นเดียวกับเส้นทางมาโรงพยาบาลหรือไปโรงเรียนเด็กจะต้องใช้ทางเดินเดิมทุก ๆ วัน แม้จะมีฝนตกน้ำท่วมอย่างไรก็ไม่ยอมเปลี่ยนทางเดินใหม่

 

โรคออทิซึม
ในการวาดรูปเด็กออทิสติกจะสนใจรายละเอียดเฉพาะอย่าง เช่น ในการวาดรูปคนเด็กจะไม่สนใจวาดรายละเอียดของใบหน้า

 

๕. มีความสนใจในขอบเขตที่จำกัด และหมกมุ่นสนใจแต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ 
      เช่น การลากเส้นตามขอบของวัตถุหรือในการวาดรูป เด็กจะสนใจรายละเอียดเฉพาะอย่าง เช่น ในการวาดรูปคนเด็กจะไม่สนใจในการวาดรายละเอียดของใบหน้าแต่จะเน้นรายละเอียดสร้อยคอ หรือแบบของเสื้อผ้ามากกว่า เด็กบางคนจะชอบดูรายละเอียดในแผนที่ บางคนจะชอบรวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับอุตุนิยมวิทยา


สรุปได้ว่า "เด็กออทิสติก" มีความล่าช้าและความผิดปกติในด้านต่าง ๆ คือ

  • ทางด้านสังคมไม่สามารถสร้างสัมพันธภาพกับบุคคล
  • ทางด้านสื่อความหมาย การพูด และการใช้ภาษา
  • ทางด้านจินตนาการเด็กออทิสติกจึงมีพฤติกรรมซ้ำซาก 

       ทั้งด้านความคิดและการกระทำ ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงยาก มีปัญหาทางอารมณ์แต่จะมีความสามารถพิเศษด้านใดด้านหนึ่งโดดเด่นอย่างชัดเจนในเด็กอายุ ๑๘ เดือน (๑ ปี ๖ เดือน) หากพบพฤติกรรมที่ผิดปกติมากกว่า ๒ อย่าง ให้นึกถึงภาวะออทิซึมและควรให้การช่วยเหลืออย่างเหมาะสมทันทีพฤติกรรมที่ผิดปกติดังกล่าว คือ

  • ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมและบุคคล เล่นกับเด็กอื่นไม่เป็น
  • ไม่สามารถชี้นิ้วบอกความต้องการได้
  • เล่นสมมติไม่เป็น
  • ไม่สามารถมีพฤติกรรมแสดงความสนใจร่วมกับบุคคลอื่นได้
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow