Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

การตรวจและประเมินเพื่อการวินิจฉัย

Posted By Plookpedia | 10 มิ.ย. 60
755 Views

  Favorite

การตรวจและประเมินเพื่อการวินิจฉัย

๑. การซักประวัติอย่างละเอียดจากพ่อแม่หรือผู้ที่เลี้ยงดูเด็กอย่างใกล้ชิด

      ก. ประวัติการตั้งครรภ์ของมารดา การคลอด การเจ็บป่วยของมารดาในขณะตั้งครรภ์ อุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจมีปัญหากระทบกระเทือนต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กได้ ปัญหาการเลี้ยงดูในด้านการกิน การนอน การขับถ่าย
      ข. พัฒนาการทางด้านร่างกาย ด้านสังคม สัมพันธภาพกับบุคคลในบ้าน ด้านการสื่อความหมาย การพูดและการสื่อภาษามีความล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกันหรือไม่

 

โรคออทิซึม
การฝึกเคลื่อนไหวปากโดยการเป่านกหวีดเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนสอนพูด
โรคออทิซึม
การฝึกเคลื่อนไหวปากโดยการเป่านกหวีดเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนสอนพูด


ค. การแสดงออกทางพฤติกรรมของเด็กขณะอยู่ที่บ้าน

  • มีปัญหาเกี่ยวกับการมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่และบุคคลที่ใกล้ชิดในบ้านหรือไม่ เช่น แยกตัวเล่นคนเดียวไม่ชอบให้ใครมาอยู่ใกล้
  • มีความผิดปกติในการเคลื่อนไหวของร่างกาย การพูด การสื่อความหมาย ผิดแปลกไปจากเด็กปกติในวัยเดียวกันหรือไม่
  • มีพฤติกรรมซ้ำซากหรือไม่
  • มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการมอง การได้ยิน การสัมผัส ความรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างไร
  • มีลักษณะพฤติกรรมของการเล่นของเล่นและการแสดงออกทางอารมณ์สมเหตุสมผลหรือไม่

ง. บุคคลในครอบครัวหรือเครือญาติมีปัญหาเหมือนเด็กหรือไม่
จ. ประวัติการเจ็บป่วยของเด็กมีการกระทบกระเทือนต่อสมอง เช่น ไข้สูงมาก ๆ หรืออาการชัก

 

โรคออทิซึม
การฝึกเคลื่อนไหวปากโดยการเป่านกหวีดเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนสอนพูด
โรคออทิซึม
การฝึกเคลื่อนไหวปากโดยการเป่านกหวีดเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนสอนพูด

 

๒. การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์

      ยังไม่มีผู้รายงานเรื่องการตรวจพิเศษทางการแพทย์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคออทิซึมเลยทั้งเด็กออทิสติกที่มีประวัติการคลอดที่ผิดปกติหรือสมองขาดออกซิเจนจากการเจ็บป่วยรุนแรงที่กระทบกระเทือนต่อสมอง การมีไข้สูงและการชักหรือเด็กที่มีพฤติกรรมถดถอย เหม่อลอย ไม่รู้สึกตัวเป็นพัก ๆ หรือเด็กที่หัวเราะมากจนเกินไปโดยไม่สมเหตุสมผลควรได้รับการพิจารณาตรวจคลื่นสมองด้วยไฟฟ้าเพื่อนำมาประกอบการรักษาแต่ทั้งนี้จะใช้เป็นข้อวินิจฉัยว่าเป็นเด็กออทิสติกไม่ได้เนื่องจากลักษณะของคลื่นสมองที่ผิดปกติไม่ได้เป็นแบบจำเพาะสำหรับเด็กออทิสติก อีกทั้งการตรวจสมองด้วยวิธีพิเศษ เช่น MRI, CT - SCAN หรือ PET - SCAN มีค่าใช้จ่ายสูงมากจึงควรได้รับการพิจารณาส่งตรวจต่อเมื่อมีข้อชี้บ่งเป็นเฉพาะกรณีเท่านั้น

๓. การตรวจทางจิตวิทยา เพื่อดูระดับความสามารถทางสติปัญญา

      ควรพิจารณาส่งตรวจเมื่อเด็กออทิสติกได้รับการรักษาและช่วยเหลือจนเด็กสามารถพูดได้และเรียนรู้ได้แล้วเพื่อประโยชน์ในการจัดส่งเข้าชั้นเรียนที่เหมาะสมต่อไป

๔. การทดสอบการได้ยิน

      เด็กควรได้รับการตรวจพิเศษเพื่อทดสอบการได้ยินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คือ Auditory Brainstem Evoke Response (ABR)

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow