โรคออทิซึมได้เริ่มพบตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ ๗ แต่ในตอนนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นโรคนี้ ทราบกันเพียงว่าเด็กที่มีความผิดปกติทางจิตได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ชาวอังกฤษว่า "อัจฉริยะปัญญาอ่อน" (idiot savant) เนื่องจากเด็กมีอัจฉริยะในด้านความจำ การคำนวนตัวเลข ดนตรี และศิลปะแต่ด้อยทางด้านพฤติกรรมและอารมณ์อย่างมาก เด็กได้รับการดูแลบำบัดรักษาโดยแพทย์ทางระบบประสาทร่วมกับจิตแพทย์ที่ประเทศอังกฤษในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๐ - ๒๕๑๑ แพทย์หญิงวาสนา ศรมณี จิตแพทย์เด็ก โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาได้ตรวจรักษาเด็กชาย อายุ ๕ ปี หน้าตาน่ารัก มีสีหน้าเฉยเมยไม่สนใจใคร เด็กอยู่ไม่นิ่งวิ่งขึ้นลงบันไดโดยใช้มือลูบไปตามราวบันไดซ้ำ ๆ ซาก ๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่งเสียงร้องไม่เป็นภาษาที่น่าแปลกใจก็คือเด็กสามารถเล่นเครื่องเล่นเทปได้อย่างถูกต้อง เด็กจะกดปุ่มให้เทปกรอกลับไปกลับมาซ้ำ ๆ ไม่ยอมเลิกซึ่งในสมัยนั้นเครื่องเล่นเทปยังมีความยุ่งยากเพราะเทปไม่ได้เป็นตลับเทปเหมือนในปัจจุบันแต่จะเป็นม้วนเทปกลม ๆ แพทย์หญิงวาสนา ศรมณี ได้ให้การวินิจฉัยว่าเป็น "infantile psychosis" คือ โรคจิตในวัยเด็กซึ่งเรียกในปัจจุบันว่าโรคออทิซึม ในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๑ - ๒๕๒๐ แพทย์หญิงเพ็ญแข (ศิริจรรยา) ลิ่มศิลา จิตแพทย์เด็กโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ จังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางจิตเวชเด็กของกระทรวงสาธารณสุขได้รับเด็กออทิสติกที่ส่งมาจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดที่มีอาการรุนแรงและอายุมากกว่า ๗ ปี ซึ่งมีปัญหายุ่งยากในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพอย่างมากโดยขอยกตัวอย่างเด็กออทิสติก ๔ คน ที่มีอาการรุนแรงแสดงพฤติกรรมแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
สำหรับวิธีการรักษาคือ นำเด็กปกติซึ่งเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์มาเป็นเพื่อนและแบบอย่างให้เด็กออทิสติกในโรงพยาบาล ปรากฏว่าเด็กที่ได้ยกตัวอย่างมาข้างต้นทุกคนได้รับการช่วยเหลือจนสามารถใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวได้อย่างคนปกติโดยแต่ละคนใช้เวลารักษาประมาณ ๒ - ๓ ปี ปลาย พ.ศ. ๒๕๒๐ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประสงค์ ตู้จินดา ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชากุมารเวชศาสตร์และอาจารย์แพทย์หญิงวัณเพ็ญ บุญประกอบ หัวหน้าหน่วยจิตเวชเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มีความเห็นว่ากุมารแพทย์ที่ทำงานใกล้ชิดกับเด็กมาตั้งแต่แรกเกิดควรมีความรู้เพื่อการวินิจฉัยและสามารถให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่เด็กที่มีปัญหาทางจิตเวชได้จึงส่งแพทย์ประจำบ้านสาขากุมารเวชศาสตร์ปีที่ ๒ และปีที่ ๓ หมุนเวียนกันมาศึกษาดูงานในโรงพยาบาลตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๐ จนถึงปัจจุบันทำให้สถาบันการแพทย์ทุกแห่งในประเทศไทยเห็นความสำคัญจึงนำไปปฏิบัติตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ก็ได้รับเด็กออทิสติกที่มีอายุน้อยลงกว่าเดิมมาก คือ อายุ ๓ - ๕ ปี เด็กจึงได้รับการช่วยเหลือเร็วขึ้นทำให้ผลการรักษาดีกว่าเดิมมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่สามารถเรียนร่วมกับเด็กปกติได้ในวัยอันควร