ขั้นตอนในการผลิตยา
การผลิตยามีหลักใหญ่ๆ คือ ถ้าเป็นยาจากพืชต้องสืบสวนให้แน่นอนเสียก่อนว่าพืชนั้นสามารถรักษาโรคได้จริงส่วนไหนของพืชทีมีแก่นยา (ยาหลัก) มากที่สุดก็นำมาแยกด้วยขบวนการทางฟิสิกส์และเคมีจนได้ยาบริสุทธิ์จัดการหาสูตรโครงสร้างแล้วสังเคราะห์ขึ้นใหม่เลียนแบบยาธรรมชาติ อาจสังเคราะห์เพียงกึ่งหนึ่ง หรือสังเคราะห์ตั้งแต่ต้น บางคราวก็ใช้การแยกแก่นยาบริสุทธิ์จากพืชโดยตรง ทั้งนี้แล้วแต่ว่า วิธีใดได้ผลดีที่สุด กล่าวคือ ได้ยาปริมาณมาก ยานั้นบริสุทธิ์ และสิ้นเปลืองรายจ่ายน้อยที่สุด นี่เป็นหลัก กว้างๆ และเป็นขั้นเริ่มต้นในการผลิตยาแผนปัจจุบันทางอุตสาหกรรม
สำหรับยาแผนโบราณ ใช้เพียงการแยกแก่นยา จากพืช ซึ่งอาจได้ไม่บริสุทธิ์อย่างยาแผนปัจจุบัน (แต่ไม่มีสารอื่นที่มีพิษปนอยู่) และไม่ต้องหาสูตร เพื่อสังเคราะห์ยานั้นต่อไป
การ
ส่วนยาแผนปัจจุบันเมื่อได้ยาที่บริสุทธิ์แล้วต้องนำมาทดสอบคุณสมบัติทางฟิสิกส์และเคมี เช่น ดูการละลายของยาในน้ำและในตัวทำละลายอินทรีย์อื่น ๆ การหลอมเหลวการกลายเป็นไอความคงทนของตัวยาต่อภาวะต่าง ๆ จากนั้นนำยามาทดสอบผลทางสรีรวิทยาว่ามีผลอย่างไรต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ตรวจสอบผลทางเภสัชวิทยาว่ายามีข้อดีอย่างไรต่อร่างกายศึกษาการเปลี่ยนแปลงของยาในร่างกายรวมทั้งการทำลายและการขับถ่ายยาออกจากร่างกาย
ทำการทดสอบผลเสียของยาต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายโดยเริ่มศึกษาในสัตว์ทดลอง เช่น ใช้หนูถีบจักร หนูพุก หนูตะเภา กระต่าย สุนัข ลิง แมว ม้า ฯลฯ อาจใช้สัตว์ทั้งตัวหรือใช้เพียงอวัยวะบางอย่างในการทดลองศึกษาผลเสียของการใช้ยาที่อาจมีต่อสัตว์ที่กำลังท้องสัตว์ที่กำลังให้นมลูกดูว่ายาก่อให้เกิดความผิดปกติต่อคัพภะ (ลูกอ่อนในท้อง) หรือไม่ทำให้เกิดความผิดปกติแก่ลูกอ่อนของสัตว์เพียงใดสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ไหม
การศึกษาพิษของยาในสัตว์
อาจทำได้ ๒ แบบ คือ ศึกษาพิษปัจจุบัน และพิษเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการใช้ยานานๆ หาขนาดยาที่ทำให้ สัตว์ตายร้อยละ ๕๐
ต่อจากนั้นจึงนำยามาทดลองในคนปกติและในผู้ป่วยต่อไปตามลำดับ ทั้งนี้ต้องติดตามผลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ในการนี้ ต้องใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เพื่อหาข้อมูล เช่น ฟิสิโอกราฟ โครมาโตกราฟฟี ชนิดต่างๆ และสเปกโทรโฟโตมิเตอร์ เป็นต้น ปัจจุบัน มีการใช้สมองกลร่วมด้วย ถ้าปรากฏจากการศึกษาอย่าง รอบคอบและกว้างขวางทุกแง่ทุกมุมแล้วว่า ยานั้นดี มีคุณในทางรักษา และมีผลเสียน้อย จึงผลิตออกมาจำหน่าย โดยจัดเตรียมรูปยาให้เหมาะสม (กิน ฉีด ทา ฯลฯ) จัดขนาดในแต่ละเม็ดหรือแต่ละหน่วย (ยาฉีด) ให้เหมาะสม คือไม่มากหรือน้อย ถ้ายาที่ทดสอบยังมี ผลดีในทางรักษาน้อย หรือมีผลเสียอยู่มาก ก็จะต้องทำ การศึกษาทบทวนใหม่ บางครั้งอาจต้องเปลี่ยนแปลง สูตรโครงสร้างบ้างเล็กน้อย เพื่อความเหมาะสม แต่บางคราวต้องล้มเลิกการใช้ยานั้นก็ได้ถ้าเห็นว่าการใช้ นั้นเป็นการเสี่ยงภัยหรือให้โทษมากกว่าให้คุณ
การจัดจำหน่ายยาที่ผ่านการทดสอบมาเป็นอย่างดีแล้วนั้นจะกระทำได้ต่อเมื่อได้นำยาไปขึ้นทะเบียนยาที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อการตรวจสอบเสียก่อนไม่ว่ายานั้นจะเป็นยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณก็ตามเมื่อได้รับอนุญาตเป็นทางการแล้วจึงจะจำหน่วยยานั้น ๆ ได้
ผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับการผลิตยาแผนปัจจุบันจะขอเข้าชมได้ที่องค์การเภสัชกรรมถนนพระราม ๖ พญาไทอกรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลรามาธิบดี ณ ที่นั้นมีร้านจำหน่ายยาด้วยสำหรับร้านขายยาที่ได้มาตรฐาน คือ มีเภสัชประจำตลอดเวลาอีกแห่งหนึ่ง คือ ร้านขายยาของคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลที่พญาไทเช่นเดียวกัน