แนวข้อสอบครูผู้ช่วย ภาค ข วิชาเอก สังคมศึกษา
แนวข้อสอบครูผู้ช่วย ภาค ข วิชาเอก สังคมศึกษา
55% Complete
7 of 20
ข้อที่ 7.

พระมหากษัตริย์ไม่มีพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในข้อใดต่อไปนี้

เฉลย

คำตอบ        ข้อ 4    การตรากฎกระทรวง

เพราะ         พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทย มีดังต่อไปนี้

1. ทรงใช้อำนาจอธิปไตย
นั่นคือ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ดังนี้
    - ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติทางรัฐสภา
    พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจในการออกกฎหมาย ตามคำแนะนำ และความยินยอมของรัฐสภา โดยเมื่อรัฐสภาร่างและพิจารณากฎหมายเสร็จเรียบร้อยตามกระบวนการแล้ว ก็จะทูลเกล้าฯ ถวายกฎหมายดังกล่าว
เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

    - ทรงใช้อำนาจบริหารทางคณะรัฐมนตรี
    พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ผ่านทางคณะรัฐมนตรีโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า ดังนั้นการดำเนินการต่างๆ ของคณะรัฐมนตรี จึงถือว่ากระทำไปในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์

    - ทรงใช้อำนาจตุลาการทางศาล
    พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจตุลาการ ผ่านทางศาล ซึ่งจะเป็นผู้พิจารณาพิพากษาอรรถคดีต่าง ๆ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์

2. ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้
พระมหากษัตริย์ไทยทรงอยู่ภายใต้เฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่จะทรงอยู่เหนือกฎหมายอื่น ๆ ที่ซึ่งผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องตามกฎหมายใด ๆ ไม่ได้ ทั้งนี้ก็เพราะต้องการเทิดทูนองค์พระประมุขของชาติ ตามหลักการที่ว่า “พระมหากษัตริย์ไม่ทรงกระทำผิด (The King can do no wrong)” ซึ่งหมายความว่า พระมหากษัตริย์ไม่ต้องรับผิดชอบในพระบรมราชโองการหรือการกระทำใดๆ
ในพระปรมาภิไธยของพระองค์ โดยผู้ลงนามรับสนองพระราชโองการจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะในทางปฏิบัตินั้น พระมหากษัตริย์มิได้ทรงริเริ่ม หรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยพระองค์เอง จะต้องมีเจ้าหน้าที่หรืองค์กรหนึ่งองค์กรใดเป็นฝ่ายดำเนินการและกราบทูลขึ้นมา ดังนั้นจึงจะไปละเมิดกล่าวโทษพระมหากษัตริย์ไม่ได้
 

3. ทรงเป็นุพุทธมามกะและทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก
ทรงทำนุบำรุงอุปถัมภ์ศาสนาทั้งปวง โดยไม่เลือกแบ่งแยกว่าเป็นศาสนาใด ดังนั้นสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันศาสนาจึงเป็นสถาบันหลักของชาติไทย
 

4. ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย
ในฐานะพระประมุข ดังนั้นแล้ว แม้ปัจจุบันจะไม่มีการรบเกิดขึ้นแล้วก็ตาม
แต่พระมหากษัตริย์ก็ยังทรงเป็นมิ่งขวัญของเหล่าทหารของประเทศ
 

5. ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะสถาปนาฐานันดรศักดิ์และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ทรงมีพระราชอำนาจที่จะพระราชทานเกียรติยศแก่ชนทุกชั้นไม่ว่าจะเป็นฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ สมณศักดิ์ (ฐานันดรศักดิ์ของพระภิกษุสงฆ์) และบรรดาศักดิ์ (ฐานันดรศักดิ์ของขุนนาง ข้าราชการ) และทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะพระราชทานและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกตระกูลทุกลำดับชั้นอีกด้วย
 

6. ทรงเลือกและแต่งตั้งองคมนตรี
การเลือก การแต่งตั้ง และการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย (ทั้งนี้คณะองคมนตรี คือ คณะที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์)
 

7. ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
พระมหากษัตริย์ทรงสามารถแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ตามพระราชอัธยาศัย โดยผู้สำเร็จราชการนี้จะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนพระมหากษัตริย์ เมื่อพระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือทรงราชภารกิจไม่ได้ เช่น ประชวร ทรงผนวช ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ หรือในกรณีเมื่อราชบัลลังก์ว่างลง ทั้งนี้ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเสียก่อน
 

8. ทรงแก้ไขกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์
พระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจในการตรากฎมณเฑียรบาล ซึ่งก็คือ กฎหมายที่ทรงตราขึ้นใช้บังคับในกิจการส่วนพระองค์ เช่น พระราชพิธีต่าง ๆ กิจการที่เกี่ยวกับสมาชิกแห่งพระราชวงศ์ หรือกิจการที่เกี่ยวกับราชสำนักหรือภายในเขตพระราชฐาน โดยไม่เกี่ยวกับราษฎรอื่น ๆ

9. ทรงทำหนังสือสัญญา
พระมหากษัตริย์ ทรงมีพระราชอำนาจในการทำหนังสือสัญญาสันติภาพ สัญญา
สงบศึก และสัญญาอื่นๆ กับนานาประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศ
 

10. ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ผู้พิพากษา ข้าราชการในพระองค์ และข้าราชการระดับสูง
 

11. พระราชทานอภัยโทษ
พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจที่จะอภัยโทษแก่ผู้ต้องโทษโดยพระราชอัธยาศัย

ทั้งนี้การ “ตรากฎกระทรวง” นั้นเป็นเพียงกฎหมายลำดับชั้นเล็กที่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหลักอย่างรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ เพียงเท่านั้น ไม่จำเป็นจะต้องทูลเกล้าเพื่อประกาศในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ด้วยนั่นเอง