การออกแบบพระเมรุมาศและอาคารประกอบในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
กรมศิลปากรได้ยึดหลักแนวคิดในการออกแบบ 3 ข้อคือ
1. ออกแบบและจัดสร้างพระเมรุมาศ อย่างสมพระเกียรติ
2. ศึกษาและออกแบบตามหลักโบราณราชประเพณีการสร้างพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
3. ศึกษาและออกแบบ โดยใช้แนวคิดคติไตรภูมิตามคัมภีร์พุทธศาสนา และคติความเชื่อเรื่องพระมหากษัตริย์ ในสถานะเสมือนสมมติเทพ ตามระบอบเทวนิยม
แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มอาคารในมณฑลพิธี ณ ท้องสนามหลวง
ประกอบด้วย
พระเมรุมาศเป็นประธานในมณฑลพิธี ออกแบบโดยยึดถือคติตามโบราณราชประเพณี รูปแบบเฉพาะสำหรับพระมหากษัตริย์ เป็นพระเมรุมาศทรงบุษบก สูง 50.49 เมตร มีชั้นเชิงกลอน 7 ชั้น ผังพื้นที่ใช้งานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 60 เมตร มีบันไดทั้งสี่ด้าน ฐานยกพื้นสูง มี 7 ชั้น ชั้นบน ที่มุมทั้งสี่ประกอบด้วยซ่างทรงบุษบก ชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น
พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ฐานชั้นที่ 2 ประกอบด้วยซุ้มทรงบุษบกรูปแบบเดียวกัน รวมสิ่งก่อสร้างมีเครื่องยอด นับรวมได้ 9 ยอด
พระที่นั่งทรงธรรม เป็นอาคารชั้นเดียวยกฐานสูง ขนาดกว้าง 44.50 เมตร ยาว 155 เมตร ตั้งอยู่กึ่งกลางด้านทิศตะวันตกของพระเมรุมาศ สำหรับเป็นที่ประทับและบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธี และเป็นที่สำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เฝ้า โดยเตรียมพื้นที่สำหรับผู้เข้าร่วมพระราชพิธีประมาณ 2,800 ที่นั่ง
ศาลาลูกขุน เป็นที่เฝ้าของข้าราชการ ทับเกษตร ใช้เป็นที่สำหรับข้าราชการที่มาในพระราชพิธีพักและฟังสวดพระอภิธรรม และ ทิม สำหรับเจ้าพนักงาน พระสงฆ์ แพทย์หลวงพัก และใช้เป็นที่ตั้งเครื่องประโคมและทำเป็นห้องสุขา
2. กลุ่มอาคารนอกมณฑลพิธี
ได้แก่
เกยลา บริเวณกำแพงแก้วพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พลับพลาหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พลับพลาหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท และพลับพลายกหน้ามณฑลพิธีท้องสนามหลวง
การออกแบบภูมิทัศน์ มีการศึกษาเรื่องราวพระราชกรณียกิจและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเป็นข้อมูลในการคิดออกแบบสร้างสรรค์ในแต่ละส่วนพื้นที่รอบมณฑลพิธี โดยรอบพระเมรุมาศ มีการสร้างสระน้ำบริเวณ 4 มุม และได้จำลอง กังหันชัยพัฒนา เครื่องดันน้ำ ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริในการออกแบบภูมิทัศน์
ส่วนงานศิลปกรรมประกอบพระเมรุมาศ ทั้งชั้นฐานหรือประติมากรรมที่ประกอบพระเมรุมาศทั้งหมด จะสะท้อนระบบจักรวาลเรื่องเขาพระสุเมรุ ประกอบด้วย ชั้นครุฑ ชั้นเทพเทวดา รวมไปถึงสัตว์หิมพานต์ และที่สำคัญ เสาโครงเดิมที่สร้างเป็นเสาหงส์นั้น ครั้งนี้จะเปลี่ยนเป็นเสาที่ใช้แบบครุฑทั้งหมด
พระเมรุมาศตามโบราณราชประเพณีกรุงศรีอยุธยานั้นมีความยิ่งใหญ่โอฬารมาก สอดคล้องกับหลักที่ว่า การสร้างพระเมรุมาศถือเป็นความมั่นคงของประเทศ พระเมรุมาศของรัชกาลใดยิ่งใหญ่ กิตติศัพท์จะขจรเลื่องลือ ประกาศให้รับรู้ว่าบ้านเมืองรัชกาลนั้นเข้มแข็งให้เป็นที่เกรงขามแก่หมู่ปัจจามิตร
การสร้างพระเมรุมาศตามราชประเพณีกรุงศรีอยุธยา
ยึดรูปแบบพระเมรุมาศทรงปราสาท และสร้างเรือนบุษบกบัลลังก์ หรือเมรุทองซ้อนอยู่ภายใน เป็นรูปแบบการสร้างพระเมรุมาศตามคติการสร้างปราสาทบนเขาพระสุเมรุ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์ จากความเชื่อที่ว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมุติเทพ ซึ่งสถิตบนเขาพระสุเมรุจุติลงมาเกิดยังมนุษย์โลกเป็นสมมุติเทพ เมื่อสวรรคตจึงตั้งพระบรมศพบนปริมณฑลพิธีที่จำลองเขาพระสุเมรุเพื่อเป็นการส่งพระวิญญาณกลับสู่เขาพระสุเมรุดังเดิม จึงเรียกที่ตั้งพระบรมศพ/พระศพ ในการประกอบพิธีถวายพระเพลิงว่า พระเมรุมาศ/พระเมรุ (อ่าน พระ-เม-รุ-มาด) สร้างที่ลานพระเมรุ หรือท้องพระเมรุ
พระเมรุมาศ เป็นสถาปัตยกรรมอันเกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธีพระบรมศพ นับเป็นสิ่งแสดงพระเกียรติยศที่สร้างขึ้นตามความเชื่อในศาสนาพุทธและพราหมณ์ที่ฝังรากลึกในแดนสยามมาแต่ครั้งอดีตกาล ด้วยคติที่ว่าพระมหากษัตริย์ทรงเปรียบเสมือน “สมมุติเทพ” เมื่อสวรรคต จึงมีการสร้างสถานที่ในการพระบรมศพโดยจำลองจาก “เขาพระสุเมรุ” อันเป็นศูนย์กลางจักรวาล รายล้อมด้วยสัตบริภัณฑ์ทั้ง 7 ในขอบเขตยังมีป่าหิมพานต์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของสรรพสัตว์นานาชนิด
ดังที่ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายว่า
“ด้วยคติของพวกพราหมณ์ ถือว่าพระเจ้าแผ่นดินเปนพระอิศวรหรือพระนารายณ์แบ่งภาคลงมาบำรุงโลก …..เมื่อสิ้นชาติในโลกนี้แล้ว ย่อมกลับคืนไปสู่สวรรคเทวโลกตามเดิม เพราะเหตุนี้ ถือว่าพระเจ้าแผ่นดินแลเจ้านายกลับเปนเทวดาตั้งแต่เวลาสิ้นพระชนมชีพ จึงแต่งศพเปนเทวดา ประเพณีที่ใส่โกษฐตั้งบนฐานแว่นฟ้า และเรียกที่ถวายเพลิงพระศพว่า เมรุ ก็น่าจะเนื่องมาแต่คติที่ถือว่าเปนเทวดานั้นเอง”
เป็น “กุฎาคาร” หรือเรือนยอด คือ มีหลังคาต่อกันเป็นยอดแหลม เช่น ยอดปรางค์ เหตุที่เรียกเมรุมาศ เพราะใช้สีทองประดับ
พระเมรุมาศมีส่วนประกอบคือ
- มีประตูทั้ง 4 ทิศ แต่ละประตูตั้งรูปกินนรและอสูร ทั้ง 4 ทิศ ประตูพระเมรุใหญ่ปิดทองทึบจนถึงเชิงเสา กลางพระเมรุเป็นแท่นรับเชิงตะกอนที่ตั้งพระบรมโกศ เสาเชิงตะกอนปิดทองประดับกระจก รอบ ๆ มีเมรุทิศ 4 เมรุ และเมรุแทรก 4 เมรุ รวมเป็น 8 ทิศ ล้วนปิดทองประดับกระจกเป็นลวดลายต่าง ๆ รอบ ๆ เมรุตั้งรูปเทวดาและสัตว์หิมพานต์ อาทิ รูปเทวดา รูปวิทยาธร รูปคนธรรพ์ ครุฑ กินนร คชสีห์ ราชสีห์ เหมหงส์ นรสิงห์ สิงโต มังกร เหรา นาคา ทักกอทอ ช้าง ม้า และเลียงผา แล้วกั้นราชวัติ 3 ชั้น ซึ่งปิดทอง นาก และเงิน รวมทั้งตีเรือกเป็นทางเดินสำหรับเชิญพระบรมศพ ตามริมทางตั้งต้นไม้กระถางที่มีดอกต่างๆ รวมทั้งประดับประดาฉัตรและธง
- ภายในปริมณฑลพระราชพิธี ประกอบด้วยอาคารหลายหลังมีชื่อเรียกและประโยชน์ใช้สอยแตกต่างกัน
ในอดีตนอกจากพระเมรุมาศแล้วยังมีอาคารหลักที่สำคัญคือ พลับพลา ที่ประทับสำหรับกษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์บำเพ็ญกุศล
และอีกหนึ่งอาคารสำคัญเรียกว่า สำซ่าง คือที่สำหรับพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม นอกจากนั้นยังมีอาคารทับเกษตร โรงมหรสพ โรงครัว ห้องน้ำ และอื่นๆ
ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมก่อสร้าง ได้ลดและตัดทอนบางส่วนและคลี่คลายรูปแบบไป
ความยิ่งใหญ่ของพระเมรุมาศตามแบบแผนกรุงเก่าได้เปลี่ยนไป ในปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) เนื่องจากเป็นยุคสมัยแห่งความเปลี่ยนแปลงหลายด้าน พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จึงทรงปรับปรุงนโยบายต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในเวลานั้น รวมถึงแนวคิดต่อการแสดงออกทางพระราชอำนาจผ่านทางพระราชพิธีพระบรมศพ ทรงมีพระราชดำริที่จะไม่ก่อสร้างพระเมรุมาศยิ่งใหญ่เช่นแต่ก่อน
ต่อมาเมื่อถึงครางานพระบรมศพของพระองค์เอง แนวพระราชดำรินั้นจึงได้รับการสนองตอบจากองค์รัชทายาทคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) ทรงปรับปรุงรูปแบบการสร้างพระเมรุมาศทั้งรูปทรงและวัสดุก่อสร้าง
ดังจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนของพระเมรุมาศในยุคก่อนและหลังรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ตัวอย่างเช่น พระเมรุมาศงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) เป็นพระเมรุมาศทรงปราสาทยอดปรางค์ตามแบบโบราณราชประเพณีกรุงศรีอยุธยา และเป็นพระเมรุมาศองค์สุดท้ายของกรุงรัตนโกสินทร์ที่สร้างพระเมรุมาศทรงปราสาท
ส่วนพระเมรุมาศในงานถวายพระเพลิงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) นั้นไม่ได้สร้างเขาพระสุเมรุตามแบบเดิม แต่เปลี่ยนมาก่อสร้างพระเมรุมาศบนพื้นราบ เป็นทรงบุษบกแวดล้อมด้วยเมรุราย 4 ทิศ ค่อยๆ ลดรูปเป็นคดซ่าง ระเบียง ทับเกษตร อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะตัดทอนลดรูป แต่การก่อสร้างก็ยังยึดถือเป็นแบบแผนเก่าอย่างเคร่งครัด
พระเมรุมาศ จะถูกสร้างขึ้นทาง “ทิศใต้” ของสนามหลวงเท่านั้น
พระเมรุมาศทรงบุษบกในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เป็นพระเมรุมาศแบบใหม่องค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์
และเป็นต้นแบบพระเมรุมาศงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินสืบมาทุกพระองค์
ทั้งพระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) พระเมรุมาศพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (ร.8)
และล่าสุด พระเมรุมาศในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
ซึ่งกรมศิลปากรตั้งเป้าว่าจะดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2560