20 Views
นิสัยการออมเงินที่สำคัญที่สุด คือการ ออมก่อนใช้ ไม่ใช่ใช้แล้วค่อยออม แม้จะออมได้เพียงวันละ 20–50 บาท ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี วิธีนี้ได้ผลคือ เงินออมไม่หายไปกับค่าใช้จ่ายอื่น ช่วยฝึกวินัยทางการเงินตั้งแต่ต้น ทำให้การออมกลายเป็นนิสัย จำไว้ว่า “จำนวนเงินไม่สำคัญเท่าความสม่ำเสมอ”
หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนออมเงินไม่สำเร็จ โดยเฉพาะคนรายได้น้อย คือการตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไปจนรู้สึกท้อและกดดันตั้งแต่ยังไม่เริ่ม คนที่ออมเงินได้จริงจะไม่เริ่มจากเป้าหมายใหญ่ แต่เริ่มจากเป้าหมายที่เล็ก ชัดเจน และทำได้จริง
ตัวอย่างเป้าหมายการออมเงินที่เหมาะกับคนรายได้น้อย
- ออมวันละ 20 บาท เพื่อเงินฉุกเฉิน
- ออมเดือนละ 500 บาท ภายใน 6 เดือน
- ออมให้ได้ค่าใช้จ่าย 1 เดือนก่อน
ยิ่งเป้าหมายชัด ยิ่งมีโอกาสทำสำเร็จสูง
สำหรับคนรายได้น้อย การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เป็นวิธีออมเงินที่เห็นผลเร็วกว่า ตัวอย่างรายจ่ายที่ควรทบทวน เช่น ค่าอาหารนอกบ้าน ค่าสมัครสมาชิกที่ไม่ค่อยได้ใช้ ค่าใช้จ่ายจากการช้อปตามอารมณ์ เงินที่เราประหยัดได้จากรายจ่ายที่ไม่จำเป็น คือเงินออมทันที
เงินทอนหรือเศษเงินเล็กน้อยที่มักถูกมองข้าม สามารถสะสมเป็นเงินออมได้ เช่น เก็บเหรียญใส่กระปุก ปัดเศษเงินเข้าบัญชีออม ใช้แอปออมเงินอัตโนมัติ นิสัยเล็ก ๆ แบบนี้ช่วยสร้างวินัยทางการเงินโดยไม่รู้สึกฝืน
เงินสำรองฉุกเฉินคือหัวใจของความมั่นคงทางการเงิน เพราะช่วยไม่ให้ต้องกู้หนี้เมื่อเกิดปัญหา เป้าหมายเบื้องต้น อย่างน้อย 1–3 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เก็บในบัญชีที่ถอนง่าย แต่ไม่ใช้พร่ำเพรื่อ
คนรายได้น้อยมักมีรายได้เสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น OT โบนัส งานพิเศษ หรือเงินพิเศษจากบางช่วง การนำเงินก้อนนี้ไปออมทันที จะช่วยให้เงินออมเพิ่มขึ้นโดยไม่กระทบค่าใช้จ่ายประจำ
ข้อดีของการออมเงินจากรายได้พิเศษ
- ไม่กระทบเงินใช้จ่ายหลัก
- รู้สึกออมง่ายกว่ารายได้ประจำ
- ช่วยเร่งเป้าหมายเงินออมได้เร็วขึ้น
การออมเงินไม่ควรทำให้ชีวิตอึดอัด คนที่ออมได้จริงจะเผื่อเงินสำหรับความสุขเล็ก ๆ เสมอข้อดีของวิธีนี้คือ เราจะไม่รู้สึกฝืนหรือกดดันตัวเองเกินไป ช่วยลดโอกาสใช้เงินเกินตัว และออมได้ต่อเนื่องในระยะยาว