4 Views
ในทางจิตวิทยา ความเครียด (Stress) คือ การตอบสนองของร่างกายและจิตใจต่อสถานการณ์ที่กดดันหรือท้าทาย ความเครียดไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป เพราะในระดับที่เหมาะสม ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เราตื่นตัวและพัฒนาตัวเองได้ แต่เมื่อความเครียดเกิดขึ้นต่อเนื่องหรือรุนแรงเกินไป จะกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง ซึ่งอาจนำไปสู่ อาการเหล่านี้
- อาการนอนไม่หลับ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- วิตกกังวล ซึมเศร้า
- ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout)
หลักจิตวิทยาการจัดการความเครียด นักจิตวิทยาพบว่า การจัดการความเครียดที่ได้ผล ไม่ใช่การหลีกหนีปัญหาแต่คือ การปรับมุมมองความคิด ควบคู่กับการดูแลอารมณ์และพฤติกรรม เมื่อเราเข้าใจว่าอะไรทำให้เราเครียด และตอบสนองต่อความเครียดอย่างมีสติ ความรุนแรงของความเครียดจะลดลงอย่างชัดเจน
ขั้นตอนแรกของ การจัดการความเครียดตามหลักจิตวิทยา คือการรู้ตัวว่าเรากำลังเครียด และอะไรคือสาเหตุของมัน การรู้เท่าทันความเครียดช่วยให้เราไม่ปล่อยให้มันควบคุมพฤติกรรม และอารมณ์ของเราโดยไม่รู้ตัว ลองสังเกตตัวเองว่า
- ตัวเราเครียดจากงาน คน หรือความคาดหวังของตัวเอง
- ความเครียดเกิดขึ้นช่วงเวลาใด
- ความเครียดส่งผลต่ออารมณ์หรือร่างกายของเราอย่างไร
หลักจิตวิทยาระบุว่า ความเครียดไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์โดยตรง แต่เกิดจากความคิดที่เรามีต่อเหตุการณ์นั้น ตัวอย่างเช่น คิดว่า “ฉันต้องทำให้สมบูรณ์แบบ” → เครียดสูง ลองเปลี่ยนเป็น “ฉันจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้” → เครียดลดลง การตั้งคำถามกับความคิดของตัวเอง เช่น “สิ่งที่คิดอยู่เป็นความจริงทั้งหมดหรือไม่” เป็นเทคนิคทางจิตวิทยาที่ช่วยลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเราเผชิญความเครียด ร่างกายจะเข้าสู่โหมด “สู้หรือหนี” โดยอัตโนมัติ หัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อตึง หายใจถี่ ซึ่งเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย แต่หากภาวะนี้เกิดขึ้นบ่อยหรือยาวนาน จะส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ลองฝึกหายใจและผ่อนคลายร่างกาย ดังนี้
- การหายใจลึกแบบ 4-4-6 : หนึ่งในวิธีที่นิยมในการคลายเครียดอย่างรวดเร็ว หายใจเข้า 4 วินาที กลั้นหายใจ 4 วินาที และหายใจออกช้า ๆ 6 วินาที การหายใจออกยาวกว่าหายใจเข้า จะช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้หัวใจเต้นช้าลง และร่างกายเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย
- ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน : ความเครียดมักสะสมอยู่ในร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น บ่า ไหล่ คอ หรือกราม การผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วนช่วยให้เรารับรู้ความตึงเครียดและปลดปล่อยมันออกมา วิธีฝึกคือ เกร็งกล้ามเนื้อแต่ละส่วนเบา ๆ ประมาณ 5 วินาที จากนั้นคลายออกและรับรู้ถึงความผ่อนคลาย ไล่จากเท้า ขึ้นมาจนถึงศีรษะ เทคนิคนี้ช่วยลดอาการปวดตึง และทำให้ร่างกายรู้สึกเบาสบายมากขึ้น
หนึ่งในสาเหตุหลักของความเครียดคือการมีภาระงานมากเกินไป การจัดการเวลาที่ดีช่วยลดความเครียดได้อย่างชัดเจน แนวทางที่แนะนำ ดังนี้
- ลองแบ่งงานใหญ่ ออกมาเป็นงานย่อย ๆ แล้วค่อยเริ่มทำทีละส่วนจะช่วยให้เห็นภาพความสำเร็จมากขึ้น
- จัดลำดับความสำคัญ งานไหนด่วน ไม่เร่ง ลองเรียงลำดับช่วยให้ทำงานเป็นระบบมากขึ้น
- กล้าปฏิเสธงานที่เกินกำลังตัวเองเกินไป การวางแผนที่เหมาะสมช่วยให้สมองรู้สึกควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้น และลดความกังวลโดยไม่จำเป็น
สุขภาพกายมีผลต่อความเครียดโดยตรง การพักผ่อนไม่เพียงพอหรือร่างกายอ่อนล้า จะทำให้เรารับมือกับความเครียดได้ยากขึ้น ควรให้ความสำคัญกับการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ, การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะการดูแลร่างกายคือพื้นฐานสำคัญของ การจัดการความเครียดอย่างยั่งยืน
การเก็บความเครียดไว้คนเดียวอาจทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น การพูดคุยกับคนที่ไว้ใจช่วยลดความตึงเครียดและทำให้เราเห็นทางออกที่ชัดเจนขึ้น หากความเครียดส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัย