20 Views
บ่อยครั้งที่เราคิดงานไม่ออก ไม่ใช่เพราะไม่มีไอเดีย แต่เพราะเราถามคำถามผิดตั้งแต่ต้น การมีคำถามที่ดีจะพาเราไปเจอคำตอบใหม่เสมอ ช่วยกระตุ้นสมองให้เชื่อมโยงไอเดียที่ไม่เคยเชื่อมมาก่อน แทนที่จะถามว่า จะทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจได้ยังไง ลองเปลี่ยนเป็น
- ถ้ามีเวลาแค่ 10 วินาที จะสื่ออะไร
- ถ้าห้ามขายเลย จะเล่าเรื่องยังไง
- ถ้าคนดูไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย จะยังดูคอนเทนต์เราต่อไหม เพราะอะไร
หลายคนคิดว่าความคิดสร้างสรรค์ต้องอิสระ 100% แต่ในความจริง กรอบคือเครื่องมือที่ช่วยให้สมองทำงานง่ายขึ้น เพราะเมื่อมีข้อจำกัด สมองจะหยุดลังเลและเริ่มโฟกัสกับการแก้ปัญหา กรอบที่ดีไม่ใช่การจำกัดความสามารถ แต่คือการกำหนดสนามให้ไอเดียวิ่งได้เร็วขึ้น ตัวอย่างการตั้งกรอบไอเดีย
- ใช้แค่ขาว–ดำในการออกแบบ
- เล่าเรื่องให้จบใน 30 วินาที
การดูแต่งานในวงการเดียวกันทำให้ไอเดียวนซ้ำโดยไม่รู้ตัว ไอเดียใหม่มักเกิดจากการ ดึงโครงสร้าง วิธีคิด หรือประสบการณ์ จากวงการอื่นมาปรับใช้ วิธีดูงานให้ได้ไอเดีย อย่าถามว่า “สวยไหม” แต่ควรถามว่า
- เขาทำให้คนสนใจได้ยังไง
- จุดไหนที่ทำให้คนจำ
- โครงสร้างแบบนี้เอามาปรับใช้กับงานเราได้ไหม
AI คือเครื่องมือที่ช่วยเร่งกระบวนการคิด แต่ไม่ควรเป็นคนตัดสินใจแทนเรา เพราะ AI ไม่มีบริบท ประสบการณ์ และอารมณ์แบบมนุษย์ AI จึงเหมาะกับงานแตกไอเดียเบื้องต้น, วางโครงคอนเทนต์ และช่วยสรุปหรือเรียบเรียงภาษา ให้น่าสนใจและได้ไอเดียมากขึ้น
หนึ่งในหัวใจของความครีเอทีฟคือ การเชื่อมโยงสิ่งที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวกันได้ ให้เป็นไปได้ และยิ่งฝึกเชื่อมโยงบ่อย สมองจะยิ่งสร้างไอเดียใหม่ได้เร็วขึ้น ตัวอย่าง
- การตลาด + กีฬา
- งานออกแบบ + ดนตรี
- ธุรกิจ + เกม
การเสพคอนเทนต์แบบไร้เป้าหมายทำให้สมองล้า แต่การเสพอย่างมีสติจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นดี วิธีเสพแบบครีเอทีฟ เช่น เลือกดูงานคุณภาพ วิเคราะห์โครงสร้างงาน ไม่ใช่แค่ความสวย หรือลองถามตัวเองว่า อะไรที่ทำให้เราหยุดดูงานนี้ เพราะอะไร แม้เพียงการดูงานเพียงเล็กน้อยแต่ได้คิดต่อยอดเยอะ ดีกว่าดูเยอะแต่ไม่ตกผลึก
แรงบันดาลใจมาไม่ตรงเวลา แต่ระบบและวินัยสร้างไอเดียได้เสมอ วิธีฝึกง่าย ๆ
- เขียนไอเดียวันละ 5 ข้อ
- ตั้งเวลาคิดครีเอทีฟวันละ 10 นาที
- ฝึกตั้งคำถามทุกวัน