26 Views
น้ำท่วมเป็นเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นบ่อยในหลายพื้นที่ของไทย อาจเกิดจากฝนตกหนัก พายุ หรือระบบระบายน้ำไม่ทัน สิ่งที่ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมอันตราย ไม่ใช่แค่ระดับน้ำที่สูงขึ้น แต่รวมถึงไฟฟ้ารั่ว สัตว์มีพิษ น้ำปนเปื้อน และการติดต่อสื่อสารที่อาจใช้ไม่ได้ และเมื่อจำเป็นต้องอยู่ในบ้าน การมีขั้นตอนที่ถูกต้องจะช่วยให้ทุกคน ปลอดภัยช่วงน้ำท่วม ลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ และช่วยให้การรอความช่วยเหลือเป็นไปได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ควรทำหากต้องอยู่ในบ้านช่วงน้ำท่วม จะทำอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด ดังนี้
หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยช่วงน้ำท่วมคือ ไฟฟ้าดูด ดังนั้นการดูแลระบบไฟฟ้าเป็นอันดับแรกเลยที่ต้องทำทันทีที่น้ำเริ่มเข้าบ้าน เริ่มจากปิดคัทเอาต์หรือเบรกเกอร์หลักทันที หลีกเลี่ยงการสัมผัสปลั๊กไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่โดนน้ำ ยกอุปกรณ์ไฟฟ้าขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหาย และหากจำเป็นต้องเปิดไฟ ให้ใช้ไฟฉายหรือโคมแบบใช้แบตเตอรี่แทน
หากระบบไฟฟ้าเสียหาย อย่าพยายามซ่อมเอง เพราะอาจเกิดอันตรายได้ ควรรอเจ้าหน้าที่หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าเข้ามาตรวจสอบ
เมื่อระดับน้ำเริ่มสูงขึ้น สิ่งที่ควรทำทันที คือการย้ายสิ่งของสำคัญไว้ในพื้นที่ปลอดภัยที่สุด เช่น ชั้นสองของบ้าน หรือตู้ที่อยู่สูงจากพื้นมากที่สุด หากมีถุงหรือกล่องพลาสติกกันน้ำ ควรใส่ของสำคัญเอาไว้ เพื่อป้องกันความชื้นและเชื้อโรค
ในหลายพื้นที่การเดินออกไปซื้อของเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เมื่อเกิดน้ำท่วม ดังนั้นการเตรียมอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอสำคัญมาก อาหารที่ควรสำรอง ได้แก่ อาหารกระป๋อง, ขนมปังแบบแห้ง, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, นมกล่อง , อาหารเด็ก ควรมีน้ำดื่มอย่างน้อยคนละ 6 ลิตรต่อวัน สำหรับ 3–5 วัน หากมีผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก ในบ้านควรเพิ่มจำนวนให้มากขึ้น
น้ำท่วมมักมีเชื้อโรคที่เป็นอันตราย เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และสารเคมีที่ปะปนจากแหล่งน้ำต่าง ๆ การสัมผัสน้ำเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดแผลติดเชื้อ น้ำกัดเท้า ท้องเสีย หรือโรคฉี่หนู ดังนั้น เมื่อจำเป็นต้อง อยู่บ้านช่วงน้ำท่วม ควรดูแลความสะอาดอย่างเข้มงวด ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการลุยน้ำโดยไม่จำเป็น
- หากต้องลุยน้ำ ให้สวมรองเท้าบูทหรือรองเท้าที่ปิดมิดชิด
- อย่าใช้มือสัมผัสใบหน้า ปาก หรือบริเวณที่มีแผลหลังจากโดนน้ำ
- ใช้น้ำต้มสุกหรือน้ำบรรจุขวดสำหรับดื่มเท่านั้น
- ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร
- ให้ระวังเป็นพิเศษสำหรับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว เพราะอาจติดเชื้อได้ง่ายกว่า
สัตว์อันตรายอย่างงู หนู ตะขาบ และแมงป่องมักจะหนีน้ำและเข้ามาหลบในบ้านช่วงน้ำท่วม ทำให้ผู้พักอาศัยเสี่ยงต่อการถูกกัดต่อย ได้รับบาดเจ็บหรือติดเชื้อ สิ่งที่ควรทำในการป้องกันสัตว์มีพิษเข้าบ้าน ดังนี้
- ปิดประตูและหน้าต่างให้สนิท แม้เป็นช่องเล็กก็ต้องปิด
- ใช้ผ้าขนหนูเปียกหรือทรายอุดช่องว่างใต้ประตู
- ตรวจดูรองเท้า เสื้อผ้า และมุมอับก่อนใช้งานทุกครั้ง
- หากพบงูหรือสัตว์อันตราย อย่าพยายามจับเอง ให้โทรหาเจ้าหน้าที่กู้ภัย
แม้เราจะตั้งใจอยู่บ้านช่วงน้ำท่วมให้ปลอดภัยที่สุด แต่บางสถานการณ์อาจทำให้ต้องอพยพ เช่น ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไฟฟ้าใช้ไม่ได้เป็นเวลานาน หรือเสบียงเริ่มไม่เพียงพอ เราต้องติดตามข่าวสารสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ถูกต้องและรวดเร็ว ข้อควรทำก่อนอพยพ ดังนี้
- เตรียมกระเป๋าฉุกเฉินให้พร้อมอยู่เสมอ
- เอกสารสำคัญและของมีค่าต้องคัดแยกไว้ในที่หยิบง่าย
- ปิดแก๊ส–ปิดไฟ–ปิดน้ำ ก่อนออกจากบ้าน
- แจ้งเพื่อนหรือญาติถึงเส้นทางอพยพ
- ศูนย์พักพิงส่วนใหญ่มักมีอาหารและน้ำดื่มให้บริการ หากจำเป็นต้องอพยพ อย่าฝืนอยู่บ้านเพราะอาจเสี่ยงอันตรายมากกว่า
ความตึงเครียดและความกลัวเป็นเรื่องปกติในสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะในบ้านที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนที่มีภาวะวิตกกังวล เราควรใส่ใจเรื่องสุขภาพจิตเท่ากับความปลอดภัยด้านร่างกาย คำแนะนำการดูแลสุขภาพจิตช่วงน้ำท่วม ดังนี้
- พูดคุยให้กำลังใจกันในบ้าน
- หลีกเลี่ยงการเสพข่าวเชิงลบมากเกินไป
- ให้เด็กทำกิจกรรมง่าย ๆ เพื่อคลายความเครียด
- จัดการเวลาในการพักผ่อนให้เพียงพอ
- จิตใจที่มั่นคงช่วยให้ทุกคนตัดสินใจได้ดีขึ้นและลดความขัดแย้งภายในบ้าน
เมื่อระดับน้ำลดลง อย่าเพิ่งกลับมาใช้บ้านทันที ควรตรวจสอบความปลอดภัยก่อน เพราะอาจมีโครงสร้างพัง ผนังแตกร้าว หรือไฟฟ้ารั่วหลงเหลืออยู่ สิ่งที่ต้องตรวจตรวจ ดังนี้
- ตรวจระบบไฟฟ้าโดยช่างมืออาชีพ
- เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทก่อนทำความสะอาด
- ทำความสะอาดพื้นและเฟอร์นิเจอร์ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
- ทิ้งอาหารและของใช้ที่เปียกน้ำหรือมีกลิ่นผิดปกติ
- ตรวจหาสัตว์มีพิษที่อาจยังอยู่ในบ้าน