9 Views
Gen Z คือคนที่เกิดระหว่างปีประมาณ 1997–2012 เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสุขภาพจิตในหลายมิติ เช่น
- ถูกเปรียบเทียบจากคอนเทนต์ในออนไลน์
- รับข้อมูลข่าวสารปริมาณมากเกินไป
- เผชิญความคาดหวังจากครอบครัวและสังคม
- มีการแข่งขันสูงตั้งแต่วัยเรียนจนถึงวัยทำงาน
เมื่อรวมกันแล้ว ทำให้ปัญหาสุขภาพจิตใน Gen Z เป็นเรื่องที่ต้องได้รับความสนใจมากขึ้นในทุกวงการ
- อารมณ์ขึ้นลงง่าย เบื่อโลก หรือหมดแรงจูงใจ
- นอนหลับยาก ตื่นกลางดึก หรืออยากนอนทั้งวัน
- ไม่อยากเข้าสังคมหรือพบปะผู้คน
- ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถโฟกัสงานหรือการเรียน
- กินน้อยลงหรือกินมากเกินไป
- รู้สึกว่าตัวเอง “ไม่ดีพอ” หรือกดดันตัวเองมากเกินไป
หากพบอาการเหล่านี้บ่อย อาจเป็นสัญญาณว่าควรเริ่มประเมินสุขภาพจิตอย่างจริงจัง
1. โซเชียลมีเดียและการเปรียบเทียบอย่างต่อเนื่อง
Gen Z เติบโตมากับแพลตฟอร์มที่ทำให้เห็นชีวิตคนอื่นตลอดเวลา ภาพความสำเร็จ ความสวยงาม หรือไลฟ์สไตล์ที่ดูดีบนหน้าฟีด อาจทำให้รู้สึก “ด้อยค่า” หรือ “ไม่ทันเพื่อน” ได้ง่าย
2. ความคาดหวังด้านการเรียนและอาชีพ
สังคมปัจจุบันให้ความสำคัญกับผลลัพธ์รวดเร็ว หลายครอบครัวหวังให้ลูกเรียนเก่ง มีงานดี รายได้สูง
ความคาดหวังเหล่านี้ทำให้ Gen Z กดดันตนเองมากขึ้น
3. โลกงานยุคใหม่ที่แข่งขันสูง
Gen Z เข้าสู่ตลาดงานในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนและงานมีความหลากหลายมากขึ้น ต้องแข่งทั้ง Hard Skills และ Soft Skills ทำให้เกิดความเครียดสะสม
4. การเข้าถึงข้อมูลที่มากเกินไป
ข่าวร้าย เหตุการณ์โลก ความขัดแย้งทางสังคม ถูกเสิร์ฟถึงมือถือทุกวินาที การเสพข้อมูลมากเกินไปส่งผลต่อความมั่นคงทางอารมณ์อย่างชัดเจน
5. การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี
ทุกอย่างอัปเดตเร็วมาก ทั้งเครื่องมือทำงาน อาชีพ และแนวคิดใหม่ คนรุ่นนี้ต้อง “เรียนรู้ตลอดเวลา” จึงเกิดความเหนื่อยล้าทางใจได้ง่าย
1. ด้านการเรียน
- ขาดสมาธิ จดจ่อการเรียนไม่ได้
- ทำงานไม่เสร็จตามเป้าหมาย
- ผลการเรียนเริ่มลดลง
2. ด้านการทำงาน
- การทำงานประสิทธิภาพต่ำลง
- ความสัมพันธ์กับทีมแย่ลง
- หมดไฟในการทำงาน (Burnout)
3. ด้านความสัมพันธ์
- ไม่อยากพบปะผู้คน
- เผลอระบายอารมณ์ใส่คนรอบข้าง
- รู้สึกโดดเดี่ยวแม้มีเพื่อนมาก
4. ด้านสุขภาพกาย
- ร่างกายอ่อนเพลีย ปวดหัว
- กินไม่เป็นเวลา ไม่รู้สึกหิว หรือกินมากเกินความจำเป็น
เหล่านี้คือผลกระทบที่เกิดขึ้น กับปัญหาสุขภาพจิต จึงไม่น่าแปลกใจที่ “สุขภาพจิต Gen Z” กลายเป็นประเด็นที่ควรต้องให้ความสำคัญอย่างมาก
1. จำกัดเวลาอยู่บนโซเชียลมีเดีย
ช่วยลดการเปรียบเทียบและลดความเครียดจากข่าวสาร
2. ฝึก Mindfulness หรือสติในชีวิตประจำวัน
แค่วันละ 5–10 นาที ก็ช่วยให้อารมณ์มั่นคงขึ้น
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ช่วยกระตุ้นสารแห่งความสุข เช่น Dopamine และ Serotonin
4. พูดคุยกับเพื่อนหรือคนที่ไว้ใจได้
การระบายความรู้สึกเป็นการลดความเครียดที่ดีมาก
5. พักผ่อนให้พอและนอนให้เป็นเวลา
การนอนน้อยทำให้สมองล้าและอารมณ์แปรปรวนง่าย
6. ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น
นักจิตวิทยาและจิตแพทย์มีบทบาทสำคัญ การเข้ารับคำปรึกษาไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ แต่คือการดูแลตัวเองที่ดีที่สุด