11 Views
การจดจะทำให้เรารู้ว่าเงินหายไปกับอะไร รู้รายจ่ายอันไหนฟุ่มเฟือย สามารถควบคุมพฤติกรรมการใช้เงินได้ทันที โดยคนที่จดรายจ่าย มักไม่มีปัญหาเงินหมดเร็วเท่าคนที่ไม่จดเลย
บางคนมักใช้เงินเร็วในช่วงต้นเดือน ทำให้ไม่มีเงินพอใช้ไปถึงสิ้นเดือน ลองปรับพฤติกรรมตั้งงบการใช้เงินแบบรายสัปดาห์ จะช่วยควบคุมการเงินได้ดีขึ้น เช่น สัปดาห์ละ 1,500 บาท หรือวันละ 200 บาท เมื่อหมดงบ = หยุดใช้ และไม่ดึงเงินอนาคตมาใช้ก่อน หากไม่มีความจำเป็นจริง
ค่ารายเดือนเล็ก ๆ เช่น ค่า Netflix, Spotify, เกม, แอปเสริมมือถือ รวม ๆ แล้วรายจ่ายต่อเดือนอาจมีถึง 300–1,000 บาทต่อเดือนโดยไม่รู้ตัว แนะนำให้ลองทบทวนรายจ่ายเหล่านี้ทุก 3 เดือน อันไหนยังใช้จริงก็เก็บไว้ อันไหนเราไม่ค่อยได้ใช้ ก็ตัดออกไป ส่วนนี้จะช่วยลดรายจ่ายได้มากอย่างเห็นผล
เพื่อให้การเงินของชาว Gen Z ไหลลื่นแบบไม่ต้องคิดเยอะ ควรแยกบัญชี ดังนี้ บัญชีรายจ่ายประจำ, บัญชีออมและลงทุน, บัญชีใช้เล่น/สันทนาการวิธีนี้ช่วยป้องกันการใช้เงินเกินงบแบบได้ผลสูงมาก
หลายคนเงินหมดเพราะรูดก่อน ค่อยคิดทีหลัง หากยังจัดการวินัยไม่ได้ ให้เริ่มด้วยเดบิตก่อน เมื่อพร้อมและบริหารการเงินอย่างลงตัวได้ ค่อยใช้บัตรเครดิตแบบมีสติ
ชาว GEN Z ถนัดงานออนไลน์อยู่แล้ว งานที่ทำควบคู่กับงานประจำเสริมได้ เช่น งานฟรีแลนซ์, ขายของออนไลน์, ทำคอนเทนต์, งานกราฟิก–ตัดต่อ, รับแปลภาษา รายได้เสริมพวกนี้จะช่วยลดความกดดันทางการเงินอย่างมาก ทำให้เรามีรายได้หลายช่องทาง
ลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ หลายที่ให้เริ่มลงทุน 500–1,000 บาท ต่อเดือนก็ได้ เช่น กองทุนรวม, หุ้นแบบ DCA, กองทุนดัชนี, ตราสารหนี้ ยิ่ง GEN Z เริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบ เพราะ “เวลา” คือกำไรที่ดีที่สุด
ตัวอย่างการตั้งเป้าหมาย เช่น
- ระยะสั้น เก็บเงินซื้อ Notebook
- ระยะกลาง เก็บเงินย้ายหอ/ซื้อรถ
- ระยะยาว สร้างเงินก้อนสำรอง + เกษียณอายุ
ยิ่งเป้าหมายชัด = เราสามารถใช้เงินอย่างมีเหตุผลมากขึ้น
ใช้เทคนิคโอนเงินเข้าบัญชีออมทันทีที่เงินเดือนออก เทคนิคคือ เงินออมต้องมาก่อน รายจ่ายทีหลัง เป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาเงินหมดต้นเดือนแบบยั่งยืนที่สุด
- ชอบซื้อของเพราะกลัวตกรุ่น
- ชอบตามเทรนด์ออนไลน์ แม้ยังไม่ใช่ของจำเป็น
- ติดบริการสั่งซื้อเดลิเวอรี่มากเกินไป
- ใช้เงินตามอารมณ์
- ไม่วางแผนก่อนตัดสินใจซื้อ