27 Views
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า “พฤติกรรมยามเช้า” มีผลต่อทั้งวันมากกว่าที่คิด เพราะเพียงแค่เริ่มต้นวันผิดจังหวะ สมองและอารมณ์ของเราก็สามารถเสียสมดุลได้ตั้งแต่ชั่วโมงแรกของวัน หากคุณต้องการมีวันที่มีประสิทธิภาพ สดใส และอารมณ์ดีตลอดวัน การรู้จักและเลิก พฤติกรรมเช้าที่ควรเลิกถ้าอยากมีวันที่ดี คือก้าวแรกที่สำคัญอย่างยิ่งของการพัฒนาตนเอง แม้เราจะนอนหลับเพียงพอมากแค่ไหน แต่ถ้าเริ่มวันด้วยกิจกรรมที่บั่นทอนพลังงาน เช่น การกดเลื่อนนาฬิกาปลุก หรือเช็กมือถือทันทีหลังตื่น ก็มีโอกาสสูงที่วันนี้จะไม่สดใสอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะฉะนั้น หากคุณอยากมีวันที่ดีขึ้นจากพื้นฐานของทุกวัน ลองพิจารณาว่า 5 พฤติกรรมเหล่านี้อยู่ในกิจวัตรของคุณหรือไม่
แม้จะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การกดเลื่อนนาฬิกาปลุกในช่วงเช้าเป็นสัญญาณว่าเรากำลังหลีกเลี่ยงการเริ่มต้นวันใหม่ ร่างกายจะถูกปลุกขึ้น-หลับลงซ้ำ ๆ ทำให้วงจรการนอนถูกรบกวน ส่งผลให้รู้สึกเพลียมากกว่าเดิม แม้จะได้นอนเพิ่มเพียงไม่กี่นาที
การตื่นให้ตรงเวลาแม้จะยากในช่วงแรก แต่จะสร้าง “วินัยภายใน” ที่ส่งผลต่อทั้งความมั่นใจ สมาธิ และความรู้สึกพร้อมเผชิญวันใหม่ได้อย่างมีพลังมากขึ้น
หลายคนเริ่มเช้าด้วยการเปิดมือถือเช็กโซเชียล อีเมล หรือข่าวสาร ซึ่งส่งผลเสียต่อสมองอย่างมากในช่วงเวลา “Golden Hour” หรือชั่วโมงทองหลังตื่น เพราะแทนที่สมองจะได้ค่อย ๆ ปรับเข้าสู่โหมดตื่นตัว กลับต้องรับข้อมูลจำนวนมากอย่างฉับพลัน การเริ่มวันด้วยสิ่งเร้าภายนอกเหล่านี้ ยังเพิ่มความเครียดโดยไม่รู้ตัว และทำให้เรารู้สึกว่า “ต้องรับมือกับสิ่งต่าง ๆ” มากกว่าการควบคุมวันของตนเอง ทางเลือกที่ดีคือใช้เวลา 30-60 นาทีแรกในการดูแลตัวเอง เช่น ดื่มน้ำ ออกกำลังกายเบา ๆ หรือทำสมาธิ แล้วค่อยเริ่มดูมือถือเมื่อพร้อม
หลายคนมองข้ามมื้อเช้าเพราะคิดว่าไม่มีเวลา หรือไม่รู้สึกหิว แต่ในความเป็นจริง มื้อเช้าคือจุดเริ่มต้นของกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และส่งสัญญาณให้ร่างกายรู้ว่า “ถึงเวลาทำงานแล้ว” การข้ามมื้อเช้าอาจทำให้รู้สึกเฉื่อยชา ไม่มีแรง และส่งผลต่อสมาธิและอารมณ์ในช่วงเช้า นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสในการหิวมากขึ้นในช่วงสาย ซึ่งอาจนำไปสู่การกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ได้ง่ายขึ้น
หากไม่มีเวลาจริง ๆ อาจเลือกของง่าย ๆ อย่างผลไม้ ขนมปังโฮลวีต หรือสมูทตี้เพื่อเติมพลังให้ร่างกายก่อนเริ่มวัน
การตื่นสายเกินไปแล้วต้องรีบอาบน้ำ แต่งตัว หยิบของ ออกบ้านในทันที คือสูตรสำเร็จของ “วันที่เครียดตั้งแต่เช้า” เพราะร่างกายจะอยู่ในภาวะ Fight-or-Flight โดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ฮอร์โมนความเครียดสูงขึ้น และไม่มีเวลาสำหรับการตั้งสติหรือวางแผนวัน
วิธีที่ดีกว่าคือการตื่นให้เร็วขึ้นเล็กน้อย และจัด Morning Routine ง่าย ๆ ไว้ล่วงหน้า เช่น เตรียมเสื้อผ้าตั้งแต่คืนก่อน แพ็คกระเป๋าไว้ล่วงหน้า หรือกำหนดลำดับกิจกรรมแต่เช้าไว้ให้เป็นระบบ
หลายคนใช้เวลาช่วงเช้าไปกับการคิดเรื่องที่ยังไม่เสร็จ กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือลังเลว่าจะเริ่มอะไรก่อนดี โดยไม่ได้กำหนดเป้าหมายหรือแผนประจำวันให้ชัดเจน แต่การตั้งเป้าหมายเพียง 1-3 ข้อในแต่ละวัน เช่น “วันนี้จะเคลียร์อีเมลที่ค้างให้หมด” หรือ “จะออกกำลังกายอย่างน้อย 20 นาที” จะช่วยให้สมองมีทิศทาง ลดความฟุ้งซ่าน และสร้างความรู้สึกว่า “เราควบคุมชีวิตได้” การเขียน To-do list หรือทบทวนความตั้งใจประจำวันก่อนเริ่มงานจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และทำให้เรารู้สึกสำเร็จมากขึ้นในแต่ละวัน
พฤติกรรมเล็ก ๆ ในยามเช้าคือกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนทั้งวันของเรา การเลิก 5 พฤติกรรมเช้าที่ทำลายพลังงานในแต่ละวัน อาจดูไม่ยากเกินไป แต่จำเป็นต้องอาศัยความตั้งใจจริงและการฝึกฝนซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องเปลี่ยนทุกอย่างในวันเดียว แค่เริ่มต้นจากการไม่กด Snooze วันพรุ่งนี้ หรือวางมือถือให้ไกลเตียงในคืนนี้ คุณก็อาจจะพบว่าชีวิตในแต่ละวันเริ่มต้นอย่างราบรื่นและเต็มไปด้วยพลังมากกว่าที่เคย
เพราะการมี “วันที่ดี” เริ่มต้นได้จากแค่ “เช้าที่ดี” เท่านั้นเอง
แหล่งข้อมูล
Checklist 7 พฤติกรรมที่ ‘ไม่ควรทำ’ ในตอนเช้า เพราะนอกจากเสียเวลา ยังไม่เฮลตี้ด้วย!
อย่าหาทำ! 10 นิสัยเสียยามเช้า ที่บั่นทอนสุขภาพและความสำเร็จวัยทำงาน