Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ทฤษฎีสี พื้นฐานสำคัญของการเรียนแฟชั่นดีไซน์

Posted By Praphatsorn | 29 ส.ค. 68
62 Views

  Favorite

ทฤษฎีสี (Color Theory) ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนแฟชั่นดีไซน์ในมหาวิทยาลัย เพราะสีไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งที่มองเห็นด้วยตา แต่ยังเป็นภาษาสากลที่สามารถสื่อสารอารมณ์ ความรู้สึก และบุคลิกภาพของผู้ออกแบบได้อย่างชัดเจน นักออกแบบแฟชั่นทุกคนจึงต้องเข้าใจการใช้สีให้ถูกต้องและมีทฤษฎีรองรับ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกคู่สี การสร้างอารมณ์ในคอลเลกชัน หรือการถ่ายทอดแนวคิดผ่านแฟชั่นฟิกเกอร์

 

1. ความหมายของทฤษฎีสี (Color Theory)

ทฤษฎีสี คือการอธิบายความสัมพันธ์ของสีต่าง ๆ ที่มีผลต่อการมองเห็นและความรู้สึก โดยมีพื้นฐานมาจากวงล้อสี (Color Wheel) ที่ประกอบด้วย

- โทนสีหลัก (Primary Color) : แดง เหลือง น้ำเงิน
 

- โทนสีรอง (Secondary Colors) : สีที่เกิดจากการผสมแม่สี เช่น เขียว ส้ม ม่วง
 

- โทนที่เกิดจากการผสม (Tertiary Colors) : การผสมระหว่างแม่สีและสีทุติยภูมิ
 

เมื่อเรียนแฟชั่นดีไซน์ในมหาวิทยาลัย นักศึกษาแฟชั่นจะได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้อย่างละเอียด เพื่อใช้สร้างงานออกแบบที่มีพลังและสื่อสารได้อย่างตรงจุด

 

2. บทบาทของทฤษฎีสีในงานแฟชั่นดีไซน์

การเข้าใจ Color Theory ช่วยให้นักออกแบบแฟชั่นสามารถควบคุมความรู้สึกที่ผู้ชมจะได้รับจากผลงาน เช่น

สีร้อน (Warm Colors)

สีร้อน ได้แก่ สีแดง สีส้ม สีเหลือง ซึ่งเป็นสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เร้าใจ และกระตุ้นพลังงาน ในแฟชั่น สีร้อนมักถูกนำมาใช้เพื่อสร้างลุคที่โดดเด่น มีชีวิตชีวา หรือสะท้อนความมั่นใจของผู้สวมใส่ ตัวอย่างเช่น ชุดเดรสสีแดงที่มักใช้ในงานราตรีเพื่อสื่อถึงความหรูหราและความเซ็กซี่

 

สีเย็น (Cool Colors)

สีเย็น เช่น สีฟ้า สีเขียว สีม่วง มักให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และน่าเชื่อถือ การใช้สีเย็นในแฟชั่นเหมาะกับการออกแบบชุดทำงาน เสื้อผ้าโทนมินิมอล หรือสไตล์ที่ต้องการสื่อความเป็นมืออาชีพ สีฟ้าอ่อนสามารถทำให้ชุดดูอ่อนโยน ขณะที่สีเขียวเข้มอาจให้ความรู้สึกสงบและสมดุล

 

สีโมโนโครม (Monochrome)

การใช้ สีโมโนโครม คือการออกแบบโดยใช้สีเดียว แต่แตกต่างกันในระดับความเข้ม–อ่อน เช่น ชุดที่ใช้สีเทาหลายเฉด หรือแฟชั่นโทนขาว–ดำ ซึ่งสร้างความรู้สึกเรียบง่าย ทันสมัย และมีความหรูหรา เทคนิคนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในแฟชั่นระดับสูง (Haute Couture) และสไตล์มินิมอล

 

สีคอนทราสต์ (Contrast Colors)

สีคอนทราสต์ หมายถึงการนำสีที่แตกต่างกันมาใช้ร่วมกันเพื่อสร้างความโดดเด่น สีตัดกันสามารถทำให้เสื้อผ้าดูสดใสและสะดุดตา เหมาะสำหรับการออกแบบคอลเล็กชันที่ต้องการแสดงพลังงานและความสนุกสนาน เช่น การจับคู่สีเหลืองสดกับสีม่วงเข้ม

 

สีคู่ตรงข้าม (Complementary Colors)

ในวงล้อสี สีคู่ตรงข้าม เช่น แดง–เขียว น้ำเงิน–ส้ม ม่วง–เหลือง เมื่อจับคู่กันจะสร้างพลังงานและความสมดุลที่โดดเด่น ในแฟชั่น เทคนิคนี้มักถูกใช้เพื่อดึงดูดสายตา เช่น การใส่กระโปรงสีเขียวมรกตกับเสื้อสีแดงสดที่ทำให้ทั้งลุคโดดเด่น

 

สีสามเส้า (Triadic Colors)

สีสามเส้า (Triadic Colors) เกิดจากการเลือกสีที่อยู่ห่างกัน 120 องศาในวงล้อสี เช่น แดง–น้ำเงิน–เหลือง การใช้สีสามเส้าในแฟชั่นจะสร้างความสดใส สนุกสนาน และสมดุลทางสายตา เหมาะกับแฟชั่นสตรีทหรือคอลเล็กชันที่ต้องการความสร้างสรรค์และความเป็นเอกลักษณ์

 

สีใกล้เคียง (Analogous Colors)

สีใกล้เคียง (Analogous Colors) คือสีที่อยู่ติดกันในวงล้อสี เช่น เขียว–เขียวฟ้า–น้ำเงิน การใช้สีใกล้เคียงช่วยสร้างความกลมกลืนและความนุ่มนวล เหมาะสำหรับลุคที่ดูโรแมนติก สงบ หรือแฟชั่นแนวธรรมชาติ เช่น การออกแบบเดรสที่ผสมผสานสีเขียวกับสีน้ำเงินอ่อน

 

สิ่งเหล่านี้จะถูกสอนในรายวิชาแฟชั่นดีไซน์พื้นฐาน และถูกนำไปต่อยอดในวิชาออกแบบคอลเลกชันแฟชั่น

 

3. การใช้ทฤษฎีสีในงานออกแบบเสื้อผ้า

- การออกแบบเสื้อผ้า Ready-to-Wear: ต้องใช้คู่สีที่เข้าถึงง่ายและสวมใส่ได้จริง
 

- การออกแบบเสื้อผ้า Haute Couture: เน้นการใช้สีที่สะท้อนอารมณ์ ความหรูหรา และเอกลักษณ์เฉพาะตัว
 

- การสร้าง Mood Board: นักเรียนแฟชั่นจะได้ฝึกการเลือกสีเพื่อสร้างบรรยากาศที่สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์
 

- การพรีเซนต์ผลงาน (Fashion Portfolio): การเลือกสีในภาพสเก็ตช์และการเรนเดอร์สำคัญมาก เพราะสามารถทำให้ผลงานดูน่าสนใจและเป็นมืออาชีพ
 

 

4. การเรียนทฤษฎีสีในมหาวิทยาลัยแฟชั่น

มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนด้านแฟชั่นดีไซน์มักบรรจุ ทฤษฎีสี (Color Theory) ไว้ในรายวิชาเริ่มต้นของหลักสูตร เนื่องจากเป็นพื้นฐานที่นักออกแบบทุกคนต้องใช้ตลอดการเรียนและการทำงานจริง ตัวอย่างสิ่งที่ได้เรียน ได้แก่

- การสร้างวงล้อสีด้วยตัวเอง
 

- การทดลองผสมสีทั้งแบบ Traditional และ Digital
 

- การใช้สีเพื่อสื่อสารคาแรกเตอร์ของแบรนด์
 

- การนำทฤษฎีสีไปใช้กับผ้า สิ่งทอ และเครื่องประดับ
 

 

5. ทฤษฎีสี กับอนาคตของนักออกแบบแฟชั่น

ความเข้าใจเรื่องสีไม่ได้ช่วยแค่การออกแบบเสื้อผ้า แต่ยังช่วยให้นักออกแบบสามารถสร้าง เอกลักษณ์แบรนด์ (Brand Identity) ที่ชัดเจน การเลือกสีให้เหมาะสมกับโลโก้ เว็บไซต์ ไปจนถึงเสื้อผ้าในคอลเลกชัน ล้วนมีผลต่อความสำเร็จในวงการแฟชั่น

 

บทสรุป

ทฤษฎีสี (Color Theory) เป็นหนึ่งในหัวใจหลักของ การเรียนแฟชั่นดีไซน์ในมหาวิทยาลัย เพราะช่วยให้นักออกแบบแฟชั่นเข้าใจการใช้สีเพื่อสื่อสารอารมณ์ บุคลิกภาพ และแนวคิดได้อย่างทรงพลัง การรู้จักสีและการจัดการกับโทนสีอย่างถูกต้องจะช่วยสร้างผลงานที่โดดเด่น เป็นที่จดจำ และสามารถแข่งขันในวงการแฟชั่นระดับโลกได้ ดังนั้นนักศึกษาที่ต้องการก้าวสู่เส้นทางแฟชั่นดีไซน์จึงควรเริ่มต้นจากการเข้าใจทฤษฎีสีอย่างลึกซึ้ง

 

.
 

ติดตามชมเนื้อหาในรูปแบบวิดีโอ

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Praphatsorn
  • 0 Followers
  • Follow