Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

แบ่งเงิน 50/30/20 ช่วยชีวิตง่ายขึ้นจริงไหม?

Posted By channi kang | 29 ส.ค. 68
36 Views

  Favorite

 

ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นแทบทุกปี "การบริหารจัดการเงิน" กลายเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรมี หนึ่งในแนวทางยอดนิยมที่ถูกพูดถึงมากคือ การแบ่งเงิน 50/30/20 ซึ่งเป็นสูตรการวางแผนการเงินที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง หลายคนสงสัยว่าสูตรนี้ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นจริงหรือไม่? บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกว่าหลักการ 50/30/20 คืออะไร เหมาะกับใคร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และจะนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร เพื่อให้การเงินของคุณเป็นระบบมากขึ้นในระยะยาว

 

เข้าใจหลักการแบ่งเงิน 50/30/20 แบบง่ายๆ

แนวคิด 50/30/20 ถูกพัฒนาขึ้นโดย Elizabeth Warren ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่อมาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในหลักการจัดการเงินส่วนบุคคลที่เข้าใจง่ายที่สุด โดยแบ่งรายได้หลังหักภาษีออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- 50% สำหรับ “ความจำเป็น” (Needs) ได้แก่ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าผ่อนรถ ค่าประกันสุขภาพ ฯลฯ
- 30% สำหรับ “ความต้องการ” (Wants) เช่น การท่องเที่ยว การซื้อของฟุ่มเฟือย ค่าบันเทิง การกินข้าวนอกบ้าน หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นแต่ทำให้ชีวิตมีความสุข
- 20% สำหรับ “เงินออมและการชำระหนี้” (Savings & Debt Repayment) ครอบคลุมเงินออมระยะสั้น ระยะยาว การลงทุน และการชำระหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้สินอื่น ๆ
หลักการนี้เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นบริหารการเงิน หรือผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองใช้เงินโดยไม่มีแผนและต้องการกรอบในการควบคุมพฤติกรรมการใช้จ่าย

 

ทำไมการแบ่งเงิน 50/30/20 ถึงช่วยชีวิตง่ายขึ้น

การใช้สูตรนี้ช่วยให้เรามีกรอบชัดเจนในการจัดสรรเงิน ไม่ต้องปวดหัวกับการนั่งทำงบประมาณแบบซับซ้อนทุกเดือน นี่คือข้อดีหลัก ๆ ที่ทำให้ชีวิตการเงินดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น

1. ลดความเครียดเรื่องเงิน

 การรู้ว่าเงินของเราควรถูกใช้ไปกับอะไรบ้าง ทำให้เรารู้สึกควบคุมชีวิตได้มากขึ้น ไม่ต้องรู้สึกผิดเวลาจะซื้อของ หรือกลัวว่าจะไม่มีเงินพอถึงสิ้นเดือน

2. สร้างวินัยทางการเงินแบบยั่งยืน

 เมื่อคุณปฏิบัติตามสูตรนี้เป็นประจำ จะเริ่มสังเกตเห็นว่าวินัยการใช้เงินของคุณดีขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการวางแผนการเงินในระยะยาว

3. ไม่ลืมการออมและลงทุน

 หลายคนใช้เงินทุกบาทจนลืมออม การแบ่งเงินแบบ 20% ไปเก็บไว้ก่อนใช้ ช่วยให้คุณมีเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และสามารถลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตได้

4. ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่รู้สึกผิด

 การอนุญาตให้ตัวเองใช้ 30% กับสิ่งที่ต้องการอย่างเต็มที่ ช่วยให้คุณไม่รู้สึกกดดันหรือขัดใจกับการประหยัดเกินไป การใช้เงินในส่วนนั้นอย่างมีสติเพิ่มคุณภาพชีวิตอย่างมาก

 

สูตร 50/30/20 เหมาะกับใคร และไม่เหมาะกับใคร

แม้สูตรนี้จะเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ แต่ก็อาจไม่เหมาะกับทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ต่ำ หรือภาระหนี้สูงมาก ต่อไปนี้คือกลุ่มคนที่อาจต้องปรับเปลี่ยนสูตรนี้
เหมาะสำหรับ
- คนที่มีรายได้ประจำและต้องการกรอบการใช้จ่ายชัดเจน
- ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานและยังไม่มีแผนการเงินชัดเจน
- คนที่มีรายได้ปานกลางถึงสูง ที่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายจำเป็นภายใน 50% ได้
อาจต้องปรับสูตรสำหรับ
- ผู้ที่มีรายได้ไม่พอครอบคลุมค่าใช้จ่ายจำเป็นภายใน 50%
- ผู้ที่มีหนี้จำนวนมาก ซึ่งอาจต้องเพิ่มเปอร์เซ็นต์ในหมวด "หนี้และออม" เป็น 30–40%
- ผู้ที่มีเป้าหมายทางการเงินเฉพาะ เช่น ซื้อบ้านภายใน 1 ปี ซึ่งอาจต้องลดส่วน "Wants" เพื่อเก็บออมมากขึ้น

 

คำแนะนำในการเริ่มต้นใช้สูตร 50/30/20 อย่างได้ผล

1. เริ่มจดบันทึกรายรับรายจ่าย รู้ว่าตัวเองใช้เงินกับอะไรบ้างก่อน เพื่อให้การแบ่งเงินมีข้อมูลจริงรองรับ
2. ตั้งบัญชีแยกตามหมวด เปิดบัญชีธนาคารแยกสำหรับเงินออม และใช้แอปแยกงบรายวัน จะช่วยควบคุมการใช้เงินได้ดีขึ้น
3. ปรับสูตรให้ยืดหยุ่นตามสถานการณ์จริง เช่น อาจเริ่มจาก 60/20/20 หรือ 40/30/30 ก็ได้ในช่วงแรก และปรับเมื่อรายได้เปลี่ยน
4. ทบทวนแผนทุก 3–6 เดือน เพื่อให้แผนยังคงเหมาะกับชีวิตและเป้าหมายของคุณ เช่น หากคุณได้เลื่อนตำแหน่งและรายได้เพิ่ม ก็อาจเปลี่ยนสัดส่วนการออมเพิ่มขึ้นได้
 

 

แบ่งเงิน 50/30/20 ช่วยชีวิตได้ง่ายขึ้นจริง ถ้ารู้จักปรับใช้ให้เหมาะกับตนเอง แม้สูตร การแบ่งเงิน 50/30/20 จะไม่ใช่เวทมนตร์ที่ช่วยให้ทุกคนรวยได้ทันที แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารการเงินที่มีแบบแผน มีวินัย และมีเป้าหมายชัดเจน หากคุณรู้จักปรับให้เหมาะกับวิถีชีวิตตนเอง ไม่ว่าคุณจะมีรายได้เท่าไร ก็สามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวได้อย่างแน่นอน

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • channi kang
  • 0 Followers
  • Follow